ดวงดาวกำลังเพ่งดูหญิงสาวตรงหน้าด้วยความรู้สึกเอ็นดูทันทีตั้งแต่แรกพบ
สไบนางได้แต่อมยิ้มอย่างขวยเขิน เมื่อถูกมองอย่างพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างนั้น และทำตัวไม่ถูก
“ไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่าหนูนางจะโตมาสวยและเพียบพร้อมขนาดนี้ ตอนเด็กๆ นี่ยังจำได้เลยที่ปีนต้นมะม่วงแล้วลงมาไม่ได้”
“ยังจำได้อยู่เหรอดาว เจอกันแค่ครั้งเดียวเอง” เนื้อนวลยกมือขึ้นปิดปากเบาๆ
ในขณะที่สไบนางนั้นชะเง้อมองหาสุริยน ผู้ชายที่เธอจะต้องแต่งงานด้วย
“ตอนนั้นฟ้าติดนางมากเลยนะ มีแต่พี่ชายพอเจอพี่สาวแล้วก็ดีใจใหญ่ ตอนชวนกันไปปีนต้นมะม่วงที่บ้านหลังเดิมตอนนั้นแทบจะอยากตียายฟ้า เด็กอะไรก็ไม่รู้ชวนพี่ให้ไปเล่นอะไรห่ามๆ แบบนั้น ดีนะที่หนูนางไม่ตกลงมา” เธอกล่าวถึงเรื่องราวในอดีต แล้วได้แต่ยิ้มเมื่อนึกถึงวีรกรรมของลูกสาวคนเล็กที่พึ่งแต่งงานออกเรือนไปกับลูกเขยนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่
“ก็ได้ตาซันไปช่วยลงมา ไม่งั้นคงติดอยู่บนนั้น ร้องไห้ลั่นบ้าน” มารดาของสไบนางกล่าวแล้วหัวเราะเบาๆ
“จะว่าไป ป้าต้องขอบใจนางมากนะที่ยอมช่วยป้า โดยการแต่งงานกับตาซัน”
“ไม่เป็นไรค่ะป้าดาว นางเต็มใจ” หญิงสาวกล่าวเสียงเบาในตอนท้าย แล้วใบหน้าก็แดงเรื่อขึ้นมา อยากรู้ว่าตอนนี้สุริยนในวัยผู้ใหญ่จะหน้าตาเป็นแบบไหน แล้วเขาจะยังจำเธอได้หรือไม่
ตอนแรกที่มารดามาขอร้องให้เธอแต่งงาน เธอก็ตกใจและรู้สึกเสียใจที่มารดานั้นพูดขอร้องในเชิงบังคับ แต่เมื่อรู้ว่าต้องแต่งงานกับใคร เธอก็ตอบตกลงทันที ถึงแม้เหตุผลของดวงดาวที่มารดาของเธอนั้นเล่าให้ฟังจะดูแปลกไปเสียหน่อยก็ตาม
“แล้วพี่ก้องไปสวนเหรอดาว ฉันยังไม่ได้ไหว้เลย”
“อืม รายนั้นเข้าสวนแต่เช้าแล้ว เดี๋ยวตอนเที่ยงก็คงกลับมาทานอาหารด้วยกัน ทั้งพ่อทั้งลูกนั่นแหละ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นสไบนางก็หลุบยิ้มด้วยความตื่นเต้น เธออยากเจอเขา อยากทวงสัญญาวัยเด็กที่เขาเคยให้เอาไว้กับเธอ
‘เขาจะจำได้หรือเปล่านะ’ เธอได้แต่นึกในใจ
“ย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ตั้งเดือนหนึ่งแล้ว ยังไม่ได้มาหาเลย อยู่ในช่วงเก็บข้าวของ แล้วก็วุ่นวายกับเรื่องตำแหน่งของพี่เด่น ต้องขอโทษเธอด้วยนะดาว ถ้าเธอไม่โทรไปก็ไม่รู้ว่าจะได้มาหากันเมื่อไหร่” เนื้อนวลบอกเพื่อนรักที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนประถมมาด้วยกัน
พวกเธอไม่ใช่คนพื้นเพในจังหวัดริมชายทะเลแห่งนี้ แต่ว่าดวงดาวได้สามีที่นี่ และเคยมาเยี่ยมหากันเมื่อนานมาแล้ว หลังจากนั้นก็ยังติดต่อกันอยู่ตลอด
จนกระทั่งตอนนี้สามีของเนื้อนวลย้ายมารับตำแหน่งอยู่ที่จังหวัดนี้ และตั้งใจจะลงหลักปักฐานที่นี่เลย จึงถือโอกาสนี้มาเยี่ยมเพื่อนรักด้วยตัวเอง แต่ด้วยก้องภพที่อายุมากเด่นชัย บิดาของสไบนาง จึงให้เรียกทางฝั่งของดวงดาวในสรรพนามที่ดูสูงวัยกว่า
“ไม่เป็นไรเลยจ้ะ ทางนี้สิต้องเกรงใจมากกว่า ที่โทรไปปรึกษาเรื่องแบบนั้น”
“แต่ก็เหมือนกับเป็นพรหมลิขิตนะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กทั้งสองคนจะดวงสมพงศ์กันอย่างนี้” เนื้อนวลยิ้มออกมาแล้วหันไปมองลูกสาวที่ยิ้มม้วนอย่างเขินอายอยู่
“นั่นสินะ ตอนที่โทรไปก็แค่อยากได้คำปรึกษา แต่ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล เพราะหนูนางยังคงโสดอยู่”
ผู้ใหญ่ทั้งสองคนพูดแล้วพลางคิกคักกันในขณะที่ สไบนางนั้นรู้สึกตื่นเต้น และอยากเจอหน้าของว่าที่สามีเต็มทีแล้ว
ในขณะนั้นเองบุญส่งก็มาที่บ้านสวน แล้วเดินผ่านห้องนั่งเล่นเพื่อที่จะเดินไปหามารดาของเขาที่เป็นแม่บ้านอยู่ในครัว แต่ดวงดาวก็เรียกเอาไว้ก่อน
“อ้าวส่ง แล้วเจ้านายแกละ”
บุญส่งเดินเข้าไปหา แล้วก้มลงนิดเอามือประสานกันไว้ด้านหน้า ตอบออกไปอย่างสุภาพ
“นายซันอยู่ในสวนทุเรียนกับนายพ่อครับ วันนี้เห็นว่าจะมี ลูกค้าเข้ามาคุยเรื่องขอราคาเหมาสวน นายซันเลยให้ผมกลับมาเอาปิ่นโตไปให้ที่สวนครับ”
นายหญิงครางตอบรับเป็นทำนองว่ารับรู้แล้ว รู้สึกเสียดายที่วันนี้ลูกชายไม่ได้เจอกับสไบนาง เพราะอยากแนะนำให้ทั้งคู่นั้นได้รู้จักกันก่อนที่จะไปจดทะเบียนสมรสกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
สไบนางเองก็รู้สึกเสียดาย ที่ไม่ได้เจอหน้าเขา แต่ก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกออกมาเกินงาม
คิดว่าเขานั้นก็คงยินดีที่จะได้แต่งงานกับเธอไม่น้อย จึงรับปากที่จะแต่งงานตามที่มารดาของเขาบอก จึงแอบก้มหน้าอมยิ้มด้วยความดีใจที่คิดว่าอีกฝ่ายยังไม่ลืมตนเช่นกัน
**********************
ในช่วงบ่าย หลังจากที่เนื้อนวลและสไบนางกลับไปได้ไม่นาน สุริยนก็กลับเข้ามาพร้อมบิดา เพื่อที่จะดื่มฉลองที่มีลูกค้ามาเหมายกสวนในปีนี้ในราคาที่ดีมากๆ
“สองพ่อลูกคู่นี้ มาไม่ทันแขกเลย นวลพึ่งกลับไปเมื่อกี้เอง” ดวงดาวบ่นให้ทั้งสอง
“นวลมาเหรอ งั้นวันหลังคุณก็นัดเด่นชัยมาดวลเบียร์กันหน่อย ไม่ได้เจอกันนานล่ะ” ก้องภพบอกอย่างอารมณ์ดี จำได้ว่าเด่นชัยกับตนนั้นคุยกันถูกคอในระดับหนึ่ง
“ใครมาครับแม่”
“ก็น้านวลเพื่อนแม่ไง เขาพาหนูนางมาด้วย หนูนางคือคนที่ลูกต้องแต่งงานด้วย” ดวงดาวพูดอย่างอารมณ์ดี เมื่อพูดถึงเรื่องแต่งงานก็ยิ่งยิ้มแย้มแจ่มใส ทำให้สุริยนนั้นนึกเสียดายที่อดเห็นหน้าว่าที่เจ้าสาวของเขา
“ว่าแต่ แม่จะบอกได้หรือยังครับว่าทำไมผมถึงต้องรีบแต่งงานถึงขนาดนั้น แล้วทำไมต้องเป็นคนชื่อนางอะไรนั่น”
ดวงดาวเมื่อได้ยินลูกชายถามคำถามออกมาก็ขมวดคิ้วแล้วน้ำตาก็รื้นขึ้นมา ตาแดงๆ เหมือนว่ากำลังจะร้องไห้ ทำให้สุริยนรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี
“แม่ยังไม่ขอพูดตอนนี้ได้รึเปล่า” เธอบอกลูกชายกลัวว่าหากบอกไปแล้วเขาจะไม่ยอมแต่งงาน กับสไบนางตามที่เธอคาดหวังเอาไว้
เมื่อลูกชายเห็นว่าแม่ตัวเองแลดูมีความทุกข์ถึงขนาดนั้น เขาก็ไม่รีรอที่จะรับปาก แล้วแสร้งยิ้มออกมาราวกับว่าเขาเต็มใจ
มารดาเขาไม่ใช่คนที่จะร้องไห้ออกมาง่ายๆ ถ้าถึงขั้นนี้แล้วอย่างไรเขาก็เชื่อว่ามันคงเป็นเหตุผลสำคัญ ที่มารดายังไม่สามารถบอกได้ในตอนนี้
ก้องภพเองก็ถอนหายใจออกมาด้วยความอึดอัด แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ในเมื่อสุริยนก็รับปากที่จะแต่งงานไปแล้ว
“ไม่เป็นไรนะครับแม่ ผมรู้ว่าแม่ต้องมีเหตุผลสำคัญ”
“ขอบใจนะซันที่เข้าใจแม่” เธอบอกลูกชาย แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย ทั้งๆ ที่แววตายังมีแววกังวลอยู่
“ว่าแต่ซันจำนางได้ไหม นางเคยมาเที่ยวที่บ้านเราตอนที่พ่อกับแม่ยังอยู่บ้านหลังเก่า ตอนนั้นลูกสองคนก็เคยเจอกันแล้ว”
สุริยนพยายามนึกถึงเด็กหญิงที่ชื่อนาง ตามที่มารดาบอกว่าเคยรู้จักกันกับเขา แต่นึกเท่าไรเขาก็นึกไม่ออกว่าเขาเคยรู้จักเด็กผู้หญิงที่ชื่อนางมาก่อน เพราะบรรดาเพื่อนๆ ของพ่อแม่เขานั้นก็มีหลายคนที่เคยพาลูกมาเยี่ยมที่บ้าน
“จำไม่ได้ครับ” เขาตอบมาด่าแล้วยิ้ม ที่มุมปากเล็กน้อย ในใจนึกว่า เธอคงไม่มีความสำคัญมากพอให้เขาจดจำ
“ไม่เป็นไรลูก เอาไว้วันหลังค่อยเจอกันก็ได้”
บุญส่งนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้กับเจ้านายทั้งสองคนแล้วรินให้คนละแก้ว ก่อนที่จะนั่งมองขวดเครื่องดื่มมึนเมานั้น ด้วยสายตา ที่เต็มไปด้วยความกระหาย
“ไม่ต้องมามองเลยไอ้ส่ง วันนี้แกต้องขับรถพาฉันกลับบ้าน” เจ้านายหนุ่มบอกอย่างรู้ทันทำให้คนงานหนุ่ม หน้าสลดลงนิดหนึ่ง ก่อนที่เขาจะถอยกลับไปอย่างห้องครัว
“นึกครึ้มอะไรมานั่งกินเบียร์กันคะ”
“ฉลองที่เราจะขายทุเรียนปิดสวนได้นะสิ มีคนมาเหมาทั้งปีเลย ให้ราคาดีด้วยนะ” เขากล่าวบอกภรรยาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจ
ชื่นใจที่สวนทุเรียนนั้นมีพ่อค้ารองรับเหมือนอย่างเช่นทุกปี ส่วนสวนมังคุดอย่างไรก็มีพวกพ่อค้าคนกลางมารับซื้อตลอดอยู่แล้ว
“ฮ่า ชื่นใจ” ก้องภพจิบเครื่องดื่มสีเหลืองมีฟองนั้น แล้วร้องออกมาด้วยความสดชื่น
ส่วนสุริยนเขาก็ยก แก้วเครื่องดื่มนั้นดื่มหมดแก้วในรวดเดียว แต่ไม่ใช่เพราะดีใจกับรายได้ที่กำลังจะเข้ามาอย่างมหาศาล แต่เป็นเพราะว่าเขากำลังกลุ้มใจที่ใกล้วันที่เขาจะต้องแต่งงานเข้ามาเรื่อยๆ แล้ว
วันนี้เขาตัดสินใจที่จะดื่มให้เมา คงไม่มีอารมณ์ออกไปปลดปล่อยความสุขเหมือนอย่างทุกครั้ง
‘ทำไม วันนี้ไม่มีอารมณ์อย่างนั้นเลยนะ คงเป็นเพราะได้ยินว่าผู้หญิงคนนั้นมาที่นี่แน่ๆ ’
‘ถึงจะเป็น ลูกสาวของเพื่อนแม่ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เห็นแก่เงินนี่ ที่ยอมแต่งงานกับเรา ก็คงไม่พ้นเรื่องเงินๆ ทองๆ อยู่ดี ใครล่ะจะแต่งงานกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้า ถ้ามีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง’
เขานึกถึงความคิดของอีกฝ่าย แล้วคาดเดาไปต่างๆ นานา ขณะที่ดื่มเครื่องดื่มตรงหน้าไปอย่างเหนื่อยใจ เสียดายความโสดและความอิสระที่กำลังจะหมดไป
**********************