EP.04

1003 Words
ดวงตาคมเข้มมอง ‘เรืออวนดำ’ ที่จอดเรียงรายอยู่เกือบ 20 ลำ และ ‘เรือลากกู้’ ที่รอเทียบท่าอีกนับ 10 ลำ ด้วยกัน หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันครุ่นคิด เพราะเอาแน่เอานอนกับทะเลไม่ได้เลย เดิมปกติแพปลาแห่งนี้จะสลับหมุนเวียนให้เรือประมงเข้ามาจอดเทียบ เพื่อขนถ่ายปลาหลากชนิด หมึก กุ้ง ปู และสัตว์น้ำชนิดอื่นตามแต่จะหาได้ จัดสรรเป็นช่วงเวลา เช่น เรืออวนดำจะเทียบท่าประมาณ 6 โมงเช้า ถึงบ่าย 3 โมง ส่วนเรือลากกู้ก็เทียบท่าต่อในเวลา 4 โมงเย็น จนถึงประมาณ 3 ทุ่มก็จะลงปลาเสร็จ หลังจากนั้นก็จะถึงเวลาที่แพจะทำความสะอาด เพื่อเตรียมสำหรับการซื้อขายสัตว์ทะเลต่อในช่วงเช้า แต่หากหน้ามรสุมอย่างนี้ เรือทั้งหมดก็จะเข้ามาออกันอยู่บริเวณท่าทำให้แลดูแออัด และเรือประมงต่างๆ ก็จะไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควรด้วย “พี่ใหญ่เดี๋ยวเคลียร์งานตรงนี้เสร็จแล้วไปหาฉันที่ห้องหน่อยนะ ฉันจะคุยเรื่องเปิดแพใหม่เพิ่ม” “ครับนายหัว” ไกรเดินตรงไปยังออฟฟิศที่อยู่ด้านในของแพปลาแต่เป็นจุดที่สามารถมองเห็นเรือเข้ามาเทียบท่า และเมื่อมองออกไปด้านนอกอีกข้างก็จะเห็นบริเวณที่รถห้องเย็นมาจอดเรียงรายกันอยู่ เพื่อรอสำหรับขนส่งอาหารทะเลแช่แข็งจาก ‘แพปลาบุญโชคช่วย’ ไปทั่วทุกจังหวัดในประเทศไทย โดยมีตลาดใหญ่ๆ อยู่ที่จังหวัดใหญ่ในแต่ละภาค เช่น ภาคใต้ก็จะวิ่งไปที่ภูเก็ต ภาคตะวันออกไปที่ชลบุรี ภาคตะวันตกไปที่สมุทรสาคร ภาคกลางไปที่ตลาดไทย ส่วนภาคอีสานและภาคเหนือนั้น ห้องเย็นที่ตลาดไทรับผิดชอบด้านการจัดส่งทั้งหมด และตอนนี้เขาก็ได้ตลาดใหม่มาเพิ่ม ก็คือ การส่งขายให้กับซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ แต่เขาก็ยังไม่ได้ตอบตกลงทำสัญญาใดๆ เพราะต้องขอดูปริมาณสัตว์น้ำที่จะหาได้ในแต่ละวันด้วย เพราะหากรับปากไปแล้วเขาทำไม่ได้ มันจะกลายเป็นปัญหามากกว่าที่จะได้กำไร เพราะลำพังธุรกิจ ‘เรือลอบหมึก’ ที่ถือเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับครอบครัว เขาก็ยังไม่สามารถจัดหาหมึกศอกได้พอเพียงต่อความต้องการของตลาดญี่ปุ่นเลยด้วยซ้ำ เพราะความต้องการอาหารทะเลในแต่ละวันมีแต่จะเพิ่มมากขึ้นๆ ซึ่งคำกล่าวที่ว่า ‘ไทยเป็นครัวของโลก’ นั้นเป็นความจริง แต่จะมีกี่คนกันล่ะที่รู้ว่าอาหารที่กินกันอยู่ทั่วโลกนี้ โดยเฉพาะอาหารทะเลนั้นส่วนใหญ่ส่งออกจากประเทศไทย เพราะไทยนั้นถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์ด้านอาหารอยู่มากจริงๆ ไกรมองดูคนงานคัดปลาที่มีทั้งคนของเขาและคนของเรือประมงที่จอดเทียบท่านั่งอยู่ปะปนกัน ซึ่งส่วนใหญ่นั้นจะเป็นคนงานต่างชาติ คนงานไทยนั้นมีน้อย จนอาจพูดได้ว่าคนไทยไม่สู้งานหรือหากจะคิดอีกทางก็คือ คนไทยในพื้นที่มีช่องทางทำกินได้มากกว่า มีสวน มีไร่ มีนาทำ ดังนั้นอาชีพคัดปลาจึงกลายเป็นงานหลักของแรงงานต่างชาติไปโดยปริยาย จะมีคนไทยปนบ้างก็น้อยเต็มทน ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่รับช่วงแพปลาต่อจากผู้เป็นแม่ เขาก็ยังไม่เคยเจอปัญหาเรื่องแรงงานต่างชาติจะทำอะไรให้หนักใจ จะมีก็เพียงคนงานของเขาบางคนที่คะนองไปหลีสาวต่างชาติเข้า ถ้ารักและให้เกียรติกันก็ได้ตกแต่งเป็นเมียผัวกันไป แต่ถ้าไปทำเจ้าชู้ยักษ์ใส่และจะข่มเหงกัน เขาก็เคยต้องไล่ออกมาแล้ว เพราะถือว่า ‘อยู่ร่วมกันต้องเท่าเทียม’ ไม่ใช่นึกว่าเป็นเจ้าบ้านแล้วจะไปกดขี่ข่มเหงคนต่างบ้านต่างถิ่น เพราะถ้าคิดอย่างนั้นเขาเองก็จัดอยู่ในกลุ่ม ‘ต่างด้าว’ เหมือนกัน เพราะพ่อของเขาก็เป็นอเมริกันเต็มขั้น “ทำไมนายหัวถึงจะเปิดแพเพิ่มล่ะครับ ที่มีอยู่ผมก็ว่ามันพอนะครับ” ใหญ่แสดงความคิดเห็นในทันทีที่นายหัวไกรเอ่ยความต้องการออกมา เพราะเขาคิดว่าแพปลาบุญโชคช่วยนั้นก็มีความกว้างขวางเพียงพอสำหรับการรองรับเรือประมงที่จะเข้ามาเทียบท่าในแต่ละวันอยู่แล้ว การขยายแพเพิ่มต้องลงทุนมหาศาลและอาจได้ไม่คุ้มเสีย เนื่องจากเรือประมงต่างๆ ก็มีแพปลาเจ้าประจำผูกขาดกันอยู่แล้ว ไอ้ที่จะออกเรือใหม่นั้นก็น้อยเต็มทน เพราะเด็กรุ่นใหม่ก็ไปทำงานต่างถิ่นกันเสียมาก จะให้มารับงานสานต่อครอบครัวก็มีน้อย ดีไม่ดีต่อไปบุญโชคช่วยอาจต้องเพิ่มเรือและจ้างคนงานเพิ่มเสียอีก เพื่อให้ได้ปริมาณสัตว์น้ำตามจำนวนที่ต้องจัดส่งประจำวัน ดังนั้นการเปิดแพใหม่จึงไม่ก่อให้เกิดรายได้กับบุญโชคช่วยในยามนี้อย่างแน่นอน “เรือลากกู้ก็สลับกันเข้า 7 วันบ้าง 10 วันบ้าง ไอ้ปัญหาคลื่นลมมันก็ไม่แน่นอนนะครับ ถ้าเปิดแพเพิ่มเราก็อาจจะมีปัญหาเรื่องคนงานได้ ตอนนี้ก็ยิ่งหายากอยู่ด้วย” ปัญหาใหญ่อีกอย่างก็คือเรื่องคนงาน ที่ทำยังไงก็แก้ไม่ตก คนไทยก็ไม่มี คนต่างชาติก็ต้องเสี่ยงกับการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายอีก “ฉันได้ตลาดมาเพิ่มน่ะพี่ใหญ่ ก็เลยอยากจะขยับขยายให้มันดีกว่านี้ อีกอย่างเวลาคลื่นลมแรง เรือลากกู้จะได้เทียบท่าได้อย่างสะดวกด้วย” ไกรตอบคำถามในสิ่งที่ใหญ่เป็นกังวล
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD