EP.07

1071 Words
‘คดีนี้ปิดไปแล้วนะครับ ผู้ต้องหาก็รับสารภาพแล้วว่าที่ซัดทอดนายหัวไกรเพราะต้องการหาคนรับผิดร่วม และเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบดูแล้วก็ไม่พบความเกี่ยวข้องของนายหัวไกรกับเจ้าของเรือประมงเลย คุณนักข่าวยังจะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกรอบเพื่ออะไรครับ คุณนักข่าวมีหลักฐานอื่นหรือไม่แน่ใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่’ ‘ไม่ใช่หรอกค่ะ ดิฉันแค่คิดว่าคดีมันปิดเร็วไปหน่อย และผู้ต้องหาก็กลับคำให้การแบบง่ายๆ เลยนะคะ คุณตำรวจไม่คิดว่ามันง่ายไปหน่อยหรือคะ อยู่ดีๆ ก็ปรักปรำ และอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนคำซะง่ายๆ แถมนายหัวที่ถูกปรักปรำก็ไม่เอาเรื่องผู้ต้องหาอีกด้วย ทำไมเขาไม่ฟ้องกลับคะ จะได้เรียกความบริสุทธิ์ให้กับตัวเอง นี่ดิฉันไม่ได้เจตนาจะว่าคุณตำรวจละเลยหรือทำเรื่องให้มันง่ายขึ้นนะคะ แต่ดิฉันสงสัยจริงๆ ก็คงตามสัญชาตญาณนักข่าวน่ะค่ะ อยากรู้อยากเห็นไปหมด ปกติก็ไม่เคยเจอคดีอะไรจะปิดง่ายๆ แบบนี้ด้วย’ ‘มันไม่มีอะไรง่ายอย่างที่คุณนักข่าวเข้าใจหรอกครับ และสัญชาตญาณนักข่าวน่ะผมก็เข้าใจดี แต่เรื่องบางอย่างมันมีผลต่อรูปคดีซึ่งผมคงจะให้รายละเอียดอะไรคุณนักข่าวไม่ได้ แค่จะยืนยันว่าคดีปิดแล้วจริงๆ และนายหัวไกรก็เป็นผู้บริสุทธิ์’ คำพูดของสารวัตรนฬปยิ่งทำให้เธออยากรู้มากขึ้น อะไรกันที่ทำให้สารวัตรหนุ่มหน้าเข้มคนนั้นแน่ใจว่านายหัวไกรคือผู้บริสุทธิ์ หรือจะตามสายข่าวที่หนูนาส่งมา เรื่องที่ว่าสารวัตรเจ้าของคดีนี้เป็นเพื่อนสนิทของนายหัวไกร อะไรๆ ที่ว่ายากก็เลยง่ายเสียจนไม่น่าไว้วางใจ            “ยังไงฉันก็จะหาหลักฐานมัดตัวคนผิดให้ได้ ถ้าพึ่งพาคนรักษากฎหมายไม่ได้ ฉันก็จะสืบเอง และฉันจะดูสิว่า ถ้าหลักฐานแน่นหนา มัดตัวจนดิ้นไม่หลุด คนหล่อๆ จะไหลลื่นจากเงื้อมมือกฎหมายได้ยังไง แต่ถ้าทำได้อีก ฉันจะยอมสอบตำรวจเพื่อตามจับคนชั่วให้ได้”            ปณาลีพูดอย่างหมายมั่นในความตั้งใจของตัวเอง ก่อนจะย่นหน้ายิ้มแหยไม่ต่างจากคนกำลังทำความผิด เพราะสัญญาณโทรศัพท์ที่เรียกเข้านั้นแสดงใบหน้าของคนที่เธอยังไม่อยากได้ยินเสียงในขณะนี้ แต่ก็คงจะเลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะ นิ้วมือค่อยๆ เอื้อมไปกดรับพร้อมกรอกเสียงสั่นๆ ลงไป และเสียงตวาดกลับมาก็ทำให้เธอต้องย่นคอมากขึ้นไปอีก            “เมี่ยงขอโทษ... เมี่ยงก็แค่อยากได้ข่าว”            “กลับมาเดี๋ยวนี้นะเมี่ยง ไม่อย่างนั้นพี่จะบอกคุณอา” วิทิตขู่ เพราะคงไม่มีทางไหนที่จะทำให้คนดื้ออย่างปณาลีกลับมากรุงเทพฯ ได้ แค่รู้เรื่องจากหนูนาว่าปณาลีลางานยาวเพื่อไปตามข่าวค้ามนุษย์ที่ภาคใต้ เขาก็แทบจะกระอักเอากาแฟที่เพิ่งดื่มเข้าไปออกมาเสียให้หมด นึกไม่ถึงว่าปณาลีจะกล้าบ้าบิ่นมากมายขนาดนี้ แล้วถ้าเธอเป็นอะไรไปเขาไม่ต้องถูกพ่อของเธอเป่าเอาเหรอ ข้อหาที่ทำให้ลูกสาวคนเดียวของท่านไปเสี่ยงอันตรายอย่างนั้น            “โธ่... พี่วิทิต อย่าบอกคุณพ่อเลยนะ เมี่ยงกำลังจะได้ข่าวแล้วนะคะ ตอนนี้เมี่ยงตามมาถึงรีสอร์ตของเขาแล้วด้วย เมี่ยงสัญญาว่าเมี่ยงจะรายงานพี่วิทิตทุกวัน รายงานทุกสถานการณ์ไม่ให้ขาดสักตอน นะคะ ให้เมี่ยงอยู่ต่อนะ” ปณาลีส่งเสียงอ้อนใส่โทรศัพท์แต่ใบหน้าสวยหวานนั้นกลับยิ้มกรุ้มกริ่มทะเล้นเพราะไม่มีทางเสียล่ะที่เธอจะยอมกลับไปง่ายๆ กว่าจะดั้นด้นมาถึง และยิ่งตอนนี้เธอก็มาอยู่ในรีสอร์ตของบุญโชคช่วยแล้วด้วย ใครจะยอมกลับไปมือเปล่ากันล่ะ            “ไม่ต้องมาอ้อนเลยเมี่ยง นี่ถ้าคุณอารู้ว่าพี่ปล่อยให้เมี่ยงลงไปทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนี้ มีหวังพี่โดนจวกตายแน่ พี่ยังไม่อยากถูกสอยด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องนะ พี่ยังอยากมีลูกมีเมียไม่ได้อยากตายก่อนวัยอันควร พี่ขอสั่งให้เรากลับมาเดี๋ยวนี้ กลับมาทันที ไม่ว่าอะไรที่ทำไว้ ทิ้งให้หมด”            “ได้ไงคะพี่ เมี่ยงตามข่าวมาถึงขนาดนี้แล้วนะ อีกไม่เท่าไรเมี่ยงก็จะรู้แล้วด้วยว่านายหัวคนนั้นผิดจริงหรือว่าเอาเงินยัดกันแน่” ปณาลีเถียง หัวเด็ดตีนขาดเธอก็จะไม่กลับแน่ ต่อให้วิทิตลงมาตามก็เถอะ “เมี่ยง... พี่ไม่อยากรู้ข่าวนั่นสักนิด กลับมาเถอะนะ ถือว่าพี่ขอร้อง เมี่ยงก็รู้ว่าถ้าอาโพธรู้เรื่องเข้า พี่จะต้องเดือดร้อนแค่ไหน” เมื่อไม้แข็งดูท่าจะไม่ได้ผลแน่ก็คงต้องใช้ไม้นวม อะไรจะดีเท่าการเรียกร้องความเห็นใจล่ะ “พี่วิทิตคะ... ให้เมี่ยงอยู่ต่อนะ เมี่ยงกำลังจะได้เรื่องอยู่แล้ว” “แต่นั่นมันคือ เรื่องไม่เป็นเรื่องสำหรับพี่ คดีก็ปิดไปแล้ว หลักฐานก็ไม่พอ เมี่ยง... กลับมาเดี๋ยวนี้” วิทิตพยายามข่มอารมณ์เต็มที่ ถ้าขืนปณาลียังดื้อหัวชนฝาอย่างนี้ เห็นทีเขานี่แหละที่ต้องตามไปลากเธอกลับมา            “ใครว่าไม่เป็นเรื่องคะ พี่วิทิตรู้หรือเปล่าว่าสารวัตรที่ทำคดีให้นายหัวไกร เป็นเพื่อนรักกับนายหัวมาตั้งแต่เด็กเลยนะคะ แล้วอย่างนี้พี่จะว่าเขาไม่รู้กันเหรอ ไอ้ที่ว่าหลักฐานไม่พอน่ะ เมี่ยงได้กลิ่นเน่าโชยมาแล้วนะคะ”            วิทิตอึ้งไปเมื่อปณาลีตอบมาแบบนั้น สัญชาตญาณนักข่าวใครล่ะจะไม่อยากได้ข่าว แต่นั่นมันก็ต้องขึ้นอยู่กับความปลอดภัยของนักข่าวด้วย ไม่ใช่จะไปทำอะไรเสี่ยงอันตรายแบบนี้เพื่อให้ได้ข่าวมา นั่นเขาก็คิดว่ามันมากเกินไปที่จะให้ปณาลีทำแบบนั้น แม้น้องสาวคนนี้จะ ‘ดื้อ รั้น เฮี้ยว’ สุดๆ ก็ตาม แต่เรื่องเหล่านี้ควรจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ถ้าสิ่งที่ปณาลีพูดมามีมูล งานนี้ก็คงจะพึ่งพาใครไม่ได้จริงๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD