5

1370 Words
“ต่อไปนี้พี่จะเป็นแม่ให้น้องกิตดีไหม ถ้ามีงานที่โรงเรียนพี่ไปเป็นแม่ให้ได้นะคะ” หนึ่งฤทัยเห็นน้ำตาใสๆ ของเด็กน้อยแล้วรู้สึกสงสารปนเวทนาจับใจ อะไรที่ทำได้เธอก็อยากที่จะทำให้ดีที่สุด เพื่อให้กิตมีความสุข เด็กน้อยคงโหยหาแม่ เห็นเพื่อนๆ อวดแม่ก็คงจะน้อยใจว่าทำไมตัวเองไม่มีแม่เหมือนคนอื่นๆ เขา “เย้ๆ น้องกิตดีใจที่สุดในโลกเลยครับ” กิตไชโยแทบกระโดดโลดเต้นตัวลอย หันไปยิ้มกับบิดาอย่างดีใจพลางยักคิ้วให้ ภีมพัฒน์กำลังซึ้งใจ เข่าแทบทรุดเมื่อเห็นการส่งซิกของลูกชาย เขาก็นึกว่ากิตนั้นน้อยใจที่ไม่มีแม่จริงๆ เสียอีก และคิดว่าตัวเองนั้นอาจจะทำหน้าที่บกพร่อง ทำให้กิตรู้สึกแปลกแยกจากเพื่อนๆ ในห้องเรียน “งั้นมากินข้าวเหนียวมะม่วงกันดีกว่าค่ะ” หนึ่งฤทัยรีบเอ่ยบอก เช็ดน้ำตาให้เด็กน้อยอย่างอ่อนโยน กิตรีบพยักหน้าโดยเร็ว อ้อนขึ้นไปนั่งตักของพี่สาวข้างบ้านด้วยกิริยาน่ารัก ทำให้หนึ่งฤทัยใจอ่อนยวบ “ยายคิดว่าเราคงจะไม่แคล้วสองพ่อลูกแล้วละจ้ะ” คุณยายพูดขึ้นหลังจากที่หลานสาวเดินไปส่งสองพ่อลูกที่หน้าบ้านและเดินกลับเข้ามาในบ้าน “ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณยาย หนูก็แค่สงสารน้องกิตน่ะค่ะ แกไม่มีแม่ คงอยากมีแม่เหมือนคนอื่นเขา” “ยายก็พูดไปตามเนื้อผ้า ความใกล้ชิดเป็นบ่อเกิดของความรัก” คุณยายเอ่ยแซวตามประสา แต่รู้จักนิสัยของหลานสาวดีว่าเป็นคนรักนวลสงวนตัวและไม่ได้ปล่อยเนื้อปล่อยตัวกับผู้ชายง่ายๆ คุณยายยิ้มกว้างในทันทีเมื่อพูดยังไม่ทันขาดคำ เด็กชายกิตตัวน้อยก็วิ่งโร่จากบ้านมาหาหลานสาวของนางในทันที “พี่หนึ่งครับ ช่วยสอนการบ้านน้องกิตหน่อย” เด็กน้อยขี้อ้อนชูสมุดการบ้านวิชาต่างๆ ให้หนึ่งฤทัยดู เพราะช่วงนี้กิตเปิดเทอมแล้วนั่นเอง “ได้สิจ้ะ” คนพูดหันไปมองคนเป็นพ่อ เขายิ้มให้เธออย่างขอบคุณ ก่อนที่จะเดินไปนั่งสนทนากับคุณยายของเธออยู่อีกด้าน หนึ่งฤทัยเริ่มสอนการบ้านกิตอย่างสนุกสนาน ตั้งแต่วิชาคณิตศาสตร์จนมาถึงวิชาศิลปะ “น้องกิตชอบเรียนวิชาอะไรคะ” เธอเอ่ยถามอย่างสนใจ เด็กในวัยนี้จะเริ่มสนใจสิ่งที่ตัวเองชอบ และอนาคตอาจจะประกอบอาชีพนี้ ผู้ใหญ่ควรสนับสนุนให้เด็กได้ทำในสิ่งที่เด็กๆ ชอบสนใจและถนัด “ชอบวิชาศิลปะครับ” “คุณครูให้วาดรูปอะไรคะนี่” “รูปครอบครัวครับ” กิตตอบหนึ่งฤทัยก่อนจะตั้งใจวาดรูปครอบครัวของตัวเอง อันประกอบด้วยบ้าน สวนและรูปครอบครัว “เสร็จแล้วครับ นี่คุณพ่อ พี่หนึ่ง คุณยาย พี่จรรยา พี่แก้วแล้วก็น้องกิต” “วาดสวยเชียวค่ะ” เด็กน้อยคิดว่าคุณยายแล้วก็หนึ่งฤทัยคือคนในครอบครัวเพราะเจอหน้ากันทุกวัน หิวขนมก็วิ่งมากินที่บ้านได้เลย “ไหนครับ พ่อดูสิ” ภีมพัฒน์เดินมาดูบุตรชายหลังจากสนทนากับคุณยายอยู่นาน “นี่ครับคุณพ่อ สวยไหมครับ” “สวยครับ” “โตขึ้นน้องกิตจะวาดรูปสวยๆ ครับ” “อยากเป็นจิตกรเหรอครับ” คนเอ่ยถามโยกศีรษะของบุตรชายไปมาเบาๆ “เป็นได้ไหมครับ” “ได้ครับ” ภีมพัฒน์ตอบบุตรชายด้วยรอยยิ้ม “วันนี้พี่หนึ่งทำซาลาเปาหลายไส้เลย กำลังร้อนๆ เลย น้องกิตจะกินเลยไหม” “กินครับ พี่หนึ่งทำซาลาเปาเป็นด้วยเหรอ” เด็กน้อยเอ่ยถามตาวาว “เป็นค่ะ” “โหย... งั้นผมก็ไม่ต้องไปซื้อข้างนอกแล้วสิ ผมชอบกินซาลาเปามากเลยครับ” ประโยคของเด็กน้อยทำให้ผู้ใหญ่ต่างอมยิ้ม สองพ่อลูกพาตัวเองมาเป็นแขกประจำและมาฝากท้องที่บ้านของคุณยายเหมือนคนในครอบครัว ภีมพัฒน์เองก็มักซื้อข้าวของติดไม้ติดมือมาฝากสองยายหลานเป็นประจำ สุดสัปดาห์ก็ไปช่วยหนึ่งฤทัยซื้อของเข้าบ้าน โดยอาหารการกินภีมพัฒน์จะเป็นคนจัดการให้ เพราะเขากับลูกชายมาฝากท้องที่บ้านของคุณยายแทบจะทุกวัน งานในสวนเขาก็มาช่วยหนึ่งฤทัยเป็นประจำ ทั้งสองเข้ากันได้เป็นอย่างดีเพราะชอบปลูกต้นไม้เหมือนกัน “พ่อภีมเขาถามยายว่าหนูสนใจจะไปทำงานกับเขาที่รีสอร์ทไหม” คุณยายเอ่ยถามหลานสาวเมื่ออยู่กันสองคน เพราะภีมพัฒน์มาเลียบๆ เคียงๆ เอ่ยถามอยู่หลายครั้งแล้ว “ไม่เห็นคุณภีมถามอะไรหนูเลยค่ะคุณยาย” หนึ่งฤทัยที่กำลังจัดดอกไม้อยู่เลิกคิ้วขึ้นขณะหันไปมองหน้าคุณยาย “พ่อภีมเขาไม่แน่ใจเลยให้ยายมาถาม หนูเคยบอกว่าไม่อยากให้ใครฝากงาน เขากลัวหนูจะหาว่าเขาจะฝากงานให้ จริงๆ ทางรีสอร์ทไม่ได้เปิดรับอย่างเป็นทางการ แต่เลขาคนก่อนของพ่อภีมเขาขอลาออกจะย้ายตามสามีไปอยู่ทางภาคใต้ พ่อภีมเลยยังหาเลขาที่ถูกใจไม่ได้” “อย่างนั้นเหรอคะ” หนึ่งฤทัยชะงักมือหันมายิ้มให้คุณยายพลางครุ่นคิด “เราว่ายังไงล่ะ” “หนูก็สนใจอยู่นะคะ เรียนจบยังไม่มีทำงานเลย” “ถ้าสนใจยายจะบอกพ่อภีมให้” “ให้หนูไปสัมภาษณ์งานวันไหนคะ” “ไม่ต้องหรอกครับ ถ้าคุณหนึ่งอยากทำงานจริงๆ ผมก็จะรับคุณหนึ่งเข้าทำงานเลยครับ” นั่นคือเสียงของภีมพัฒน์ที่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง เขาถือข้าวของเต็มไม้เต็มมือเข้ามาในบ้าน พร้อมด้วยน้องกิตที่กลับมาจากโรงเรียนแล้ว ตอนนี้อาบน้ำประแป้งจนหน้าขาว กิตรีบวิ่งเข้าไปหาหนึ่งฤทัย หญิงสาวจึงอ้าแขนรับร่างเล็กเอาไว้พลางหัวเราะประสานเสียงกัน ทั้งสองหอมแก้มกันซ้ายขวาอย่างน่ารักเหมือนที่ทำอยู่ทุกวัน นั่นทำให้คุณยายกับภีมพัฒน์ถึงกับยิ้มกว้างในความน่ารักของทั้งคู่ “จะไม่สัมภาษณ์หนึ่งก่อนเหรอคะ” “ไม่แล้วครับ คุณหนึ่งเป็นคนตั้งใจและละเอียดลออ ทำงานในตำแหน่งนี้ได้แน่นอนครับ” “เย้ๆ พี่หนึ่งจะไปทำงานกับคุณพ่อ ดีใจจังเลยครับ” “ดีใจทำไมเหรอคะ” หนึ่งฤทัยเอ่ยถามอย่างสงสัย “ก็เราจะได้เจอกันทุกเช้า ทุกเย็น แล้วก็ทุกวันหยุดยังไงล่ะครับ” “เราก็เจอกันทุกเช้านะคะ” “ไม่นะครับ วันไหนคุณพ่อต้องรีบไปทำงาน น้องกิตก็ต้องรีบตามคุณพ่อไปด้วย เลยไม่ได้เห็นหน้าพี่หนึ่ง” ประโยคของเด็กน้อยทำให้ผู้ใหญ่เอ็นดูยิ่งนัก “นั่นซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย วันหลังไม่ต้องแล้วยายเกรงใจ” “ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับคุณยาย ผมกับน้องกิตมาฝากท้องที่นี่เกือบทุกวัน” เรื่องปากท้องของครอบครัวคุณยาย ภีมพัฒน์จัดการให้ทั้งหมด เพราะเขาพาตัวเองมาเป็นแขกเช้าเย็น วันหยุดนั้นทั้งวัน เพราะกิตรบเร้าจะมาหาแต่หนึ่งฤทัย วันไหนได้มานอนด้วย มาให้หนึ่งฤทัยสอนการบ้านก็จะตื่นเต้นเป็นพิเศษ ยิ่งหนึ่งฤทัยกับคุณยายทำอาหารอร่อยๆ ให้กินก็ยิ่งชอบ ภีมพัฒน์คิดว่ายิ่งได้อยู่ใกล้กันยิ่งผูกพัน เขามีความสุขที่ได้ดูแลหนึ่งฤทัยกับยายของเธอ รู้สึกว่าเธอและยายของเธอคือคนในครอบครัวของเขาด้วย “วันหยุดน้องกิตอยากไปเที่ยวสวนสนุก” กิตพูดขึ้นขณะนั่งทำการบ้านอยู่กับหนึ่งฤทัยในตอนเย็นของวันศุกร์ “พี่หนึ่งไปกับผมด้วยนะ” “ค่ะ” “เย้ๆ คุณพ่อก็ไปด้วยกัน” “ครับ” ภีมพัฒน์รับคำ นั่นทำให้หนึ่งฤทัยยิ้มให้เขาอย่างชื่นชม ถึงภีมพัฒน์จะงานยุ่งแค่ไหน แต่เขาก็แบ่งเวลาให้ลูกเสมอ เวลางานก็คือเวลางาน เวลาสำหรับลูกก็คือเวลาสำหรับลูก เขาเลี้ยงลูกได้ดี ทำตัวเป็นคุณพ่อกับคุณแม่ที่ดีไปพร้อมๆ กัน “อาทิตย์หน้าผมจะพาคุณหนึ่งไปเลือกซื้อเสื้อผ้านะครับ” “เสื้อผ้าอะไรคะ” “สำหรับไปเริ่มงานกันไงครับ” “อ้อ... เกรงใจจังเลยค่ะ หนึ่งไปเองก็ได้ค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD