บทที่ 4 รักที่ยังคงอยู่
มษยารีบกลับไปที่ห้องเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหลังกลับจากการเข้าพบท่านประธานเป็นการส่วนตัวและได้รับการแจกแจงงานจากออแลนโดก่อนถูกส่งตัวไปยังฝ่ายบัญชีเพื่อพบและทำความรู้จักกับหัวหน้าแผนกซึ่งเป็นหญิงวัยสี่สิบกว่าชื่อโดโรธี พรินซ์ตันเนอร์ เธอแนะนำตัวกับมษยาเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงอังกฤษชัดเจนเพราะเธอเกิดในลอนดอนและท่าทางเนี๊ยบทุกกระเบียด ตอนแรกที่ได้พบมษยารู้สึกเกร็งแต่ก็เป็นที่น่าประหลาดใจว่าโดโรธีไม่ได้จุกจิกจู้จี้แต่อย่างใดแม้ว่าเวลาพูดกับพนักงานคนอื่นในแผนกเธอจะเสียงแข็ง แต่สำหรับมษยาแล้วโดโรธีกลับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบและยังไม่ได้มอบหมายงานอะไรให้เธอทำนอกจากกล่าวเพียงว่า
“วันนี้ฉันอนุญาตให้เธอกลับไปก่อนได้ ส่วนชุดฟอร์มทำงานให้เธอไปที่ร้านตามที่อยู่นี้”
โดโรธี หญิงผิวขาวร่างระหงใบหน้าสวยแต่ดูเคร่งเครียดและมีเรือนผมสีน้ำตาลบรูเน็ตเข้มในชุดสูทตัดเย็บเรียบเนี๊ยบสีเทาดำสมกับเป็นหัวหน้าแผนกกล่าวขณะยื่นนามบัตรใบเล็กให้พนักงานคนใหม่ที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของเขา มษยารับกระดาษใบเล็กมาดูและย่นคิ้วเล็กน้อยก่อนเงยหน้าขึ้นและกล่าวกับเจ้านายของเธอว่า
“เอ้อ...โทษทีนะคะคุณโดโรธี...”
“เรียกฉันว่าดีดี้ก็ได้นะ”
“เอ้อ...ค่ะ”
“แล้วเธอมีอะไรสงสัยอย่างนั้นเหรอ มษยา...อืม..ชื่อเธอเรียกยากจัง”
“เรียกฉันว่าญาญ่าก็ได้ค่ะ...คือฉันสงสัยว่า นี่เป็นนามบัตรของร้านเวอร์ซาเช่”
“ก็ใช่...แล้วเธอจะสงสัยอะไร”
“มันเป็นร้านของดีไซเนอร์ชื่อดังนี่คะ ค่าตัดก็คงจะแพงมากใช่ไหมคะ”
โดโรธีอมยิ้ม “นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอกนะ สิ่งสำคัญก็คือเธอต้องไปตามที่อยู่ของร้านนี้วันนี้นะญาญ่า”
“ค่ะ...แต่ว่า...ฉัน...”
“เธอนี่มีข้อสงสัยเยอะเหมือนกันนะ ไปเถอะน่า...ไปที่ร้านแล้วบอกกับช่างว่ามาวัดตัวก็เท่านั้น เขารู้ว่าจะต้องทำยังและเธอก็ไม่ต้องสงสัยอะไรมากกว่านี้ ไปได้ละ...ฉันจะทำงานต่อ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน”
หัวหน้าฝ่ายบัญชีตัดบทเสียอย่างนั้นก่อนจะก้มหน้าลงไปยังจอมอนิเตอร์แล็ปท็อปบนโต๊ะ ทำให้มษยาไม่กล้าที่จะถามอะไรต่ออีก หญิงสาวก้มลงมองนามบัตรในมือแล้วยืนเก้ ๆ กัง ๆ สักพักจึงเดินออกไป โดโรธีเงยหน้าจากแล็ปท็อปก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาและรับสาย
“ค่ะ...ท่านประธาน...เธอออกไปแล้วค่ะ...ค่ะท่าน ฉันให้นามบัตรเธอไปแล้ว...โอเคค่ะ”
เมื่อสัญญาณอีกฝั่งถูกตัดไปโดโรธีจึงวางสมาร์ทโฟนลงบนโต๊ะและมองไปยังประตูห้องส่วนตัวด้วยสีหน้าประหลาดใจขณะที่พนักงานคนอื่น ๆ ด้านนอกยังง่วนอยู่กับงานของตัวเองโดยไม่มีใครใส่ใจใคร สาวใหญ่ถอนหายใจเบา ๆ กับเรื่องประหลาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งงานที่นี่
หัวหน้าแผนกบัญชีเม้มปากเข้าหากันและนึกถึงคำสั่งด่วนที่ได้รับก่อนหน้าจากท่านประธานเป็นการส่วนตัวก่อนที่พนักงานคนใหม่จะเข้ามาพบเธอ แต่ถึงแม้จะน่าแปลกใจแค่ไหนหากโดโรธีที่เลื่องลือนักในเรื่องของความเด็ดขาดและเข้มงวดอย่างมากกับลูกน้องก็ไม่กล้าแม้แต่จะถามคนสั่งการ เธอรู้เพียงว่ามีหน้าที่รับคำบัญชาด้วยความเต็มใจและต้องปราศจากความสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น
หลังออกจากห้องของหัวหน้าใหม่ในแผนกที่เธอต้องมาเริ่มงานในวันพรุ่งนี้ มษยาก็ลงลิฟท์มาถึงชั้นล็อบบี้ของตึกสูงกว่าแปดสิบชั้นใจกลางกรุงซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน ทว่าความจอแจและวุ่นวายเหล่านั้นกลับไม่กระทบความรู้สึกของสาวไทยร่างเล็กบอบบางได้เท่ากับกระดาษใบเล็ก ๆ ในมือที่เธอกุมมันไว้ตลอดเวลาตั้งแต่ออกมาจากห้องของออแลนโด หญิงสาวเดินออกไปหยุดยืนที่ริมบาทวิถีหน้าตึกนอร์ธเทิร์นซี อิงค์ก่อนจะก้มลงมองสิ่งที่อยู่ในมืออย่างชั่งใจ
นี่เธอต้องไปที่ร้านตามที่อยู่ในนามบัตรซึ่งมันเป็นร้านของดีไซเนอร์ชื่อดังและมันก็ไม่ได้ทำให้เธอตื่นเต้นเลยสักนิดเดียว เพราะอะไรล่ะหรือ...ก็เพราะเธอยังไม่ทันได้เริ่มทำงานด้วยซ้ำก็ต้องมาเสียค่าตัดชุดจากร้านระดับไฮเอนด์แพงระยับขนาดนั้น นี่การเข้ามาทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ต้องลงทุนมากขนาดนี้เชียวหรือนี่?...มษยาคิดด้วยความสับสน แต่ก่อนที่เธอจะก้าวเท้าข้ามถนนก็ได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งดังมาจากในรถที่แบล่นเข้ามาจอดริมฟุตบาท
“ญาญ่า...คุณจะไปไหน?”
เสียงทุ้มห้าวลึกที่ดังขึ้นทำให้ร่างแน่งน้อยหยุดชะงัก เคนตะโกนเรียกเธอจากในรถเอสยูวีคันหรูของเขาที่ละกระจกลง หญิงสาวเดินเข้าไปหยุดที่ฝั่งประตูข้างคนขับและตอบกลับไป
“เอ้อ...ฉันจะไปที่ร้านตัดชุดค่ะ”
“ขึ้นมาก่อนสิ...เดี๋ยวผมจะไปส่ง”
เขากวักมือเรียกให้เธอขึ้นรถทว่ามษยากลับลังเลใจ
“ขึ้นมาเถอะน่า...เดี๋ยวผมจะพาคุณไปส่งเอง”
“เอ้อ...จะเป็นการรบกวนเวลางานของคุณเปล่า ๆ นะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก แต่ตอนนี้ถ้าคุณไม่รีบขึ้นมาบนรถผมต้องถูกตำรวจออกใบสั่งเพราะจอดในที่ห้ามจอดแน่ ๆ”