เธอโยนกุญแจให้แล้วเปิดประตูไปนั่งรอในรถคันหรูสีแดงสดเขาก็ต้องรีบขับออกไปก่อนที่พ่อจะตามออกมาทัน ลูกน้องที่มาด้วยก็ค่อนข้างตกใจกันมากส่วนลูกน้องคนสนิทน่าจะถูกเรียกตัวไปสอบสวนเย็นนี้แน่นอนเพราะว่าเขาทำพ่อขายหน้ายับเยิน
ทำอะไรไม่ยอมบอกเอง...สมน้ำหน้า!
"พี่ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อนนะ"
"ช่างมันเถอะ"
"แต่หนูเสียหายนะ"
"ถ้ารู้ว่าหนูเดือดร้อนแล้วจะทำแบบนี้ทำไมห่ะ ความจริงพี่น่าจะจ้างคนมาแหกหน้าที่นี่ก็ได้ไม่เห็นจำเป็นต้องยอมเลย หรือว่าไม่มีปัญญา?"
"ก็ไม่รู้ว่าจะถูกมัดมือชกแบบนี้ไง พี่คิดว่าแค่มาดูตัวเฉยๆ"
"งั้นจ่ายค่าเสียหายฉันมาด้วยเพราะเดี๋ยวต้องโดนพ่อแม่ด่าแน่เลย"
"เท่าไร?"
"สิบล้าน"
"ห๊ะ! นี่เธอจะบ้าเหรอ!?"
"แค่นี้ขนหน้าแข้งพี่ไม่ร่วงหรอกน่าแค่สิบล้านเอง หรือว่ากำลังจะล้มละลายคะถึงไม่มีเงินจ่าย"
"งั้นสิบล้านและกับการที่เราแกล้งคบกันหกเดือน"
"นานอะ! สามเดือนก็พอ"
"เวลาแค่นั้นพ่อพี่ก็หาเมียให้อีกสิ!"
"ก็อ้างว่าฝั่งใจเจ็บไม่พร้อมจะรักใครเหมือนในละครไง พี่มิเกลโตแล้วอย่าให้พ่อมาจูงจมูกไปผสมพันธุ์กับใครง่ายๆสิ"
"แรงเกินไปแล้ว!"
"หรือไม่จริง?"
"สามเดือนก็ได้ พี่จะมีแค่หนูคนเดียวส่วนหนูก็หักห้ามใจให้อยู่อย่าหิ้วใครมากินที่คอนโดอีกล่ะ พี่ไม่อยากถูกใครมองเป็นวัวควาย"
"แต่ฉันหิ้วพี่มิเกลมาได้ใช่ไหม?"
"อืม"
"แต่ไม่จ่ายค่าตัวแล้วนะ"
"ถามจริงเถอะยัยหนูนี่กะจะให้พี่น้ำละหมื่นรึไง?" เรื่องนี้ก็ยังไม่เคลียร์เลยเพราะว่าเมื่อเช้าเขารีบออกมาส่วนเธอก็คุยโทรศัพท์อยู่ริมระเบียงห้องเลยไม่ได้คุยกัน เขารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ลูกน้องเอาชุดมาให้เปลี่ยนที่เพนท์เฮ้าส์เพราะเจอเงินสามหมื่นอยู่ในกระเป๋าเกงเกง
"ก็ให้ตามความสามารถไง!"
"ระวังปากบ้าง!"
"มีดีแค่ใหญ่ยาวกับแรงเยอะจะเรียกร้องอะไรนักหนาคะ?"
"เธอ…"
"หนูชื่ออายตาท่องไว้ให้ขึ้นใจละเวลามีคนถามได้ไม่โป๊ะ!"
"งั้นน้องอายตาก็ช่วยจำผัวตัวเองให้ได้ด้วยจะได้ไม่หิ้วใครมาแทนพี่ในช่วงที่แกล้งคบกัน"
"ผัว?"
"เอากันทั้งคืนจะให้เรียกว่าพี่น้องรึไง?"
"พี่มิเกลอายุเท่าไร?"
"ยี่สิบเจ็ดปี"
"โห้!! นี่หนูต้องมีผัวแก่กว่าตั้งแปดปีแทนที่จะเป็นรุ่นพี่ฮอตๆสักคนนี่นะ เสียใจอะ!"
"พี่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีเมียปัญญาอ่อน!"
ยังไม่ทันได้ไปไหนไกลพ่อแม่ก็โทรมาตามให้ไปพบกันที่ร้านกาแฟเดี๋ยวนี้ เธอหันไปมองคนที่ขับรถด้วยความหนักใจไม่รู้ว่าจะโกหกพ่อแม่ยังไงดีแต่ก็คิดว่าคงจะเอาตัวรอดได้เหมือนทุกครั้งเพราะถึงยังไงทุกคนก็ตามใจเสมอไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเรื่องผิดหรือถูกก็ตาม
"เครียดอะไรนักหนา?"
"ไม่น่าถามนะ!"
"พี่ช่วยได้อยู่แล้วไม่มีอะไรต้องห่วงหรอก พ่อแม่หนูคงไม่ดุเกินไปหรอกมั้ง"
"หุบปากไปเลย!"
อายตาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความที่พี่เชอร์รี่ส่งมาขอโทษเรื่องเขาพร้อมทั้งอธิบายเสียยืดยาวจนตาแทบลาย เธอไม่ได้ตอบกลับอะไรไปทั้งนั้นเพราะเดี๋ยวไม่เนียนแล้วคนอื่นจะไม่เชื่อว่าเราทะเลาะกันอย่างรุนแรง
เห็นทีว่าวันนี้จะไปสปากับแม่ไม่ได้ด้วยเพราะรู้สึกคอแห้งอยากจะดื่มให้เต็มที่เพื่อฉลองกับอิสระที่อาจจะหายไปมากพอสมควรในระยะเวลาสามเดือนต่อจากนี้
คิดแล้วก็ไม่น่าช่วยเขาเลยจริงๆ
มิเกลขับรถเข้าไปจอดร้านกาแฟแล้วยกมือขึ้นลูบหัวยัยหนูเบาๆให้กำลังใจก่อนจะลงจากรถไปด้วยกัน เราเดินกุมมือเล็กแต่ในจังหวะนั้นเธอกลับหยุดแล้วมองหน้าเขาเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก มือเล็กล้วงกระเป๋าหยิบเอาน้ำตาเทียมขึ้นมามองหน้าด้วยแววตามีเลศนัย
"ก้มมาหน่อยสิ"
"ทำอะไรอีก?"
"ก็เพราะว่าพี่รู้สึกผิดมากจนร้องไห้ไง นี่น้ำตาเทียมใช้แทนน้ำตาจริงอย่างน้อยให้รู้สึกว่ามีน้ำตาเกาะขอบตาบ้าง พ่อแม่หนูน่ะเก่งจับโกหกนะ"
"โอเค" พ่อแม่เธอเก่งเรื่องจับโกหกแล้วตัวเธอถนัดหลอกลวงรึไงถึงได้วางแผนเร็วขนาดนี้ เขาจำเป็นต้องย่อตัวเพื่อให้ยัยหนูตัวน้อยหยอดน้ำตาเทียมได้ก่อนจะสลับกันเพราะเขาต้องหยอดน้ำตาเทียมให้เธอบ้าง
แต่ดูใกล้ๆแบบนี้แล้วก็น่ารักดีนะ!
"เรียบร้อย" เด็กเจ้าเล่ห์ยิ้มกว้างเชียว
"ทีนี้ก็ทำหน้าที่ตัวเองดีๆละ หนูโกหกไม่เก่งเหมือนพี่มิเกลหรอกนะ"
"เลยตบพี่ไม่ให้ใครสงสัยเหรอ?"
"อืม"
เธอเป็นเด็กน้อยเจ้าเล่ห์มีไหวพริบดีแต่บางทีควรจะเบามือหน่อยก็ได้ นี่เธอเล่นตบทีเดียวจนหน้าบวมเพื่อให้ทุกคนตกใจแล้วยังต่อบทได้แบบเนียนมากซะจนคิดว่าเราเป็นคู่รักกันจริงๆอีกด้วย ยัยหนูเดินนำออกไปทำให้ต้องรีบคว้ามือเล็กมาจับไว้แน่นแล้วยิ้มให้พ่อแม่ของเธอเมื่อถึงโต๊ะ
"น้องอายตามีอะไรจะสารภาพไหม?"
"คือหนู...คบกับพี่เขามาสองเดือนแล้วค่ะ"
"ไหนว่าไม่รู้จักไง!?"
"ก็ตกใจนี่"
"ตกใจเหรอ? แต่ยัยหนูตั้งสติไวเกินไปไหมแถมยังไถเงินพ่อไปสามล้านเลยนะ!"
"เงินแค่นั้นใช้เดือนเดียวก็หมดแล้ว นี่พ่อจะโมโหอะไรนักหนาคะแล้วไหนกาแฟหนูล่ะทำไมไม่สั่งรอก็รู้ว่าง่วงนอน แล้วไม่ต้องเก๊กหน้าดุด้วย...เสียบรรยากาศหมด"
"ยัยหนู!"
"เราล่ะมีอะไรจะพูดกับอาไหม?"
"ผมไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ครับ เราคบกันมาสองเดือนแบบไม่เปิดเผยให้ใครรู้แล้วพ่อก็คุยกับฝั่งนั้นไว้ทำให้ผมไม่มีทางเลือกนอกจากทำตาม น้องอายตาไม่ผิดอะไรเลยครับ"
"ลูกสาวอาไม่เคยผิดอยู่แล้ว!"
"เย็นนี้หนูจะพาเขาไปกินข้าวที่บ้านเรานะ พอดีมีเรื่องต้องคุยอีกเยอะคงไปสปากับแม่ไม่ได้แน่ เฮ้อ...เสียดายจัง"
"น้องอายตาไม่ต้องคิดมากหรอก"
"แล้วลุงหนึ่งว่าไงบ้างคะ?"
"ก็โวยวายตามประสานั่นแหละไม่ต้องคิดมากหรอก เรื่องแค่นี้พ่อเคลียร์เองได้"
“ก็ดีเพราะหนูคงไม่เข้าไปหาเพื่อขอโทษใครหรอก”
มิเกลดื่มกาแฟด้วยความหนักใจแต่ไม่ใช่เพราะต้องโกหกหรอกนะแต่เพราะว่าครอบครัวเธอตามใจทุกอย่างเกินไปเลยต่างหาก ทั้งที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นถ้าเป็นคนอื่นคงโดยพ่อแม่ด่าว่าแล้วแต่นี่กลับพูดคุยได้ทั่วไปแล้วนั่งดื่มกาแฟกินขนมอย่างสบายใจเหมือนว่าไม่มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นมาก่อน
เป็นครอบครัวที่แปลกจริง!
เขาถูกพ่อแม่เธอซักถามไม่มากก็เริ่มพูดคุยเรื่องไร้สาระกันและเน้นย้ำเรื่องเรียนเป็นพิเศษเนื่องจากว่าเกรดในเทอมที่แล้วค่อนข้างน่าเป็นห่วง ยัยหนูอายตาคุยกับพ่อแม่เหมือนว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนและเขาพึ่งรู้ว่าเธอไถเงินพ่อมาได้สามล้านก่อนจะมาเอาจากเขาไปอีกสิบล้านบาทถ้วนพึ่งโอนให้ก่อนลงจากรถนี่เอง เธอมัดมือชกให้ไปกินข้าวที่บ้านเย็นนี้แถมยังจะให้ค้างคืนอีกต่างหาก
นี่กะจะใช้งานไม่ให้พักเลยรึไง!
"พ่อไปละแล้วอย่าลืมป้องกันด้วยล่ะ!"
"พ่อ!"
"จำได้ไหมว่าพ่อขออะไรไว้?"
"จำได้ค่ะแล้วกำลังพยายามอยู่นี่ไง เย็นนี้เจอกันค่ะ"
"ค่อยๆคุยกันล่ะ มิเกลใจเย็นกับน้องอายตาหน่อยนะน้องยังเด็กอยู่ควบคุมอารมณ์ไม่เก่ง"
"ครับอาสาม"