เอริค ซาวันเดอร์ + คริสตี้ เลอนาร์ด

1377 Words
เอริค ซาวันเดอร์ อีกฟากของทวีปที่เวลาแตกต่างกันหกชั่วโมง ในลอนดอนที่เป็นแหล่งพักพิงของอีกหนึ่งขุนพลหรือผู้ที่มีสักเป็นน้องของอนาสตาเซียตามอายุแต่เป็นพี่ของเธอเพียงแค่เกิดทีหลังแต่เป็นเพศชาย เขาก็กลายเป็น     พี่ชายอีกคนของอนาสตาเซีย เอริค ซาวันเดอร์ ขุนพลพิทักษ์นางฟ้า ที่ตอนนี้คิ้วขมวดมองภาพจากกล้องวงจรปิดในห้องทำงานเขาชั้นสูงสุดของอาคารซาวันเดอร์กรุ๊ป โดยมีเดธ บอร์ดิการ์ดที่ติดตามเขามาตั้งแต่เกิด มองภาพบันทึกนั้นด้วยเช่นกัน “คริสตี้ พนักงานทำความสะอาด เธอทำพาร์ทไทม์ อายุเธอนิดเดียวเองนะครับ”เอริคเอ่ยออกมาพร้อมกับในมือมีภาพและแฟ้มประวัติของคนที่เขากำลังเอ่ยถึงอยู่ “บางครั้งพวกนั้นคงคิดว่าเราจะไม่จับตามองเด็กก็เป็นได้” เดธ เปรยออกมา และมองภาพหญิงสาววัยสิบเก้าที่เธอไม่ได้เพียงมาทำความสะอาดห้องทำงานของเอริค แต่เธอเก็บภาพทุกมุมห้องในห้องทำงานแห่งนี้ “นาย จะเรียกผู้จัดการฝ่ายมาเลยมั้ยครับ?” “ยัง!…ผมยังไม่ต้องการแหวกหญ้าให้งูตื่น ตอนนี้ผมยังไม่รู้ว่าเธอได้อะไรไปบ้าง และเธอต้องการอะไร ทำงานให้ใคร” เอริค พูดพร้อมค้างภาพใบหน้าของคริสตี้ไว้ สายตาเข้มจับจ้องมองใบหน้านั้นเพื่อให้สมองเขาจดจำเธอให้ได้    คริสตี้ เลอนาร์ด คริสตี้ที่เลิกงานพาร์ทไทม์ในตำแหน่งพนักงานทำความสะอาดของเครือซาวันเดอร์กรุ๊ปที่เธอพยายามอย่างมากเพื่อให้เข้าไปทำงานที่นั้น ตามคำสั่งของพ่อบุญธรรมที่มีพระคุณ “นี่ค่ะพ่อ ตารางนัดหมายของเอริค ซาวันเดอร์” คริสตี้ยื่นโทรศัพท์ส่งให้ดีน เลอนาร์ด  “พ่อรู้อยู่แล้วว่าคริสตี้ต้องทำได้” ดีนรับโทรศัพท์ของบุตรสาวบุญธรรมมาพร้อมกับคำชมที่คริสตี้ไม่เคยทำให้เขาต้องผิดหวัง “พ่อ จบแล้วใช่มั้ยคะ หนูไม่ต้องเข้าไปที่นั้นอีกใช่มั้ยคะ”คริสตี้    ถามดีนอย่างคาดหวังเพราะเธอไม่อยากเยื้องย่างเข้าไปที่นั้นอีกแล้ว เธอ  ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเธอรู้สึกแปลกๆ กับที่ต้องทำสิ่งนี้ในซาวันเดอร์กรุ๊ป เธอเคยเห็นแบบแอบมองตัวจริงของเอริคในขณะที่เขาเดินผ่านพนักงานในอาคารรวมถึงเธอที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์มของพนักงานทำความสะอาด สายตาของเอริคแน่นิ่ง เงียบขรึมและเขาไร้ซึ่งรอยยิ้ม ถึงแม้ใบหน้าเขาดูจะไม่เหมาะกับท่าทางแบบนั้น แต่ผู้ชายคนนี้มีออร่าในแบบที่ทำให้เธอเย็น      ยะเยือกอย่างบอกไม่ถูก  “อย่าคิดมากเลยคริสตี้ งานนี้ทำให้เรามีรายได้มากกว่าที่ลูกต้องไปรับจ้างทำงานรวมถึงพ่อด้วย” คริสตี้ทำหน้าเศร้าเมื่อได้ยินดีนพูดแบบนี้ จริงอยู่ที่ช่วงสัปดาห์หลังมานี้ พ่อมักมีของดีๆมาให้เธอได้กิน แต่เธอไม่อยากทำงานนี้เลย เธอขอไปรับจ้างทำงานตามร้านอาหารค่าแรงต่ำดีเสียกว่า เพราะงานแบบนั้นก็ทำให้เธอสบายใจและรู้สึกปลอดภัยแม้จะเหนื่อยกายก็ตามทีแต่กลางคืนเธอนอนหลับได้อย่างสบาย แบบนี้ดีกว่าสำหรับเธอ “พ่อ เรากำลังทำอะไรอยู่กันแน่คะ?...บอกตามตรงเลยนะคะว่าหนูกลัวจริงๆนะคะ” ดีนเงยหน้ามองคริสตี้ และลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะออกไปส่งของให้กับคนที่ว่าจ้างเขา “ไม่มีอะไรที่น่ากลัวเลย คนอย่างเอริคห่างไกลจากเรามาก เขาไม่มาสนใจและคาดไม่ถึงในสิ่งที่คริสตี้ทำ เพราะลูกไม่ได้ทำอะไรเลย เราแค่ถ่ายภาพห้องทำงานเขามาก็เท่านั้น” คริสตี้ทำหน้าเหมือนคนอยากร้องไห้ ถึงแม้เธอจะทำเพียงแค่นั้น แต่ช่วงเวลาที่เธอทำแค่นั้นตามคำพูดของพ่อ เธออยากจะบอกพ่อของเธอเหลือเกินว่า เธอรู้สึกถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลาในห้องนั้น ห้องทำงานของเอริคใหญ่กว่าที่เธอคาดไว้ จะว่าไปห้องทำงานของเขามีพื้นที่ใหญ่กว่าห้องเช่าเก่าๆที่เธอและพ่ออาศัยอยู่ตอนนี้เสียอีก คริสตี้มองตามหลังดีนที่เดินออกไปจากห้องเช่าพร้อมโทรศัพท์เครื่องนั้นที่ไม่ใช่ของเธอตั้งแต่แรก มันเป็นอุปกรณ์ที่ผู้ว่าจ้างมอบมันมาให้พ่อของเธอและบอกสิ่งที่ต้องทำ คริสตี้นั่งลงอย่างหมดเรี่ยวแรง เพราะไม่ใช่ง่ายๆที่เด็กพาร์ทไทม์อย่างเธอจะได้รับโอกาสในการเข้าไปทำความสะอาดในห้องของประธานซาวันเดอร์กรุ๊ป เธอคงไม่มีทางเดินเข้าไปและบอกหัวหน้าว่าเธอขอเข้าไปทำความสะอาดห้องนั้นเป็นแน่ เธอใช้เวลากว่าห้าวันมองหาโอกาสและช่องทางที่จะได้รับคำสั่งให้เข้าไปทำความสะอาดในห้องนั้น เธอต้องแอบวางยาคู่หูการทำงานของเธอ เพราะห้องนั้นต้องใช้คนสองคนทำ เพราะเวลาอันสั้นที่ถูกกำหนดไว้ในการทำความสะอาดห้องนั้น  “คริสตี้ ขอโทษนะ” ลินซี่คู่หูในการทำความสะอาดเอ่ยกับคริสตี้ หลังจากเธอรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนหลังมื้อเที่ยง เมื่อทั้งสองต้องเข้าไปทำความสะอาดห้องนั้น “ไม่เป็นไรจ๊ะ ลินซี่อย่ากังวลไปเลย เรื่องนี้จะไม่มีใครรู้ หนูทำได้ค่ะ”   คริสตี้บอกกับลินซี่ที่อายุมากกว่าเธอหลายปี ลินซี่ที่มักจะได้รับหน้าที่นี่บ่อยครั้งและนั้นทำให้คริสตี้เลือกเข้ามาตีสนิทกับเธอ เพื่อเธอจะได้รับโอกาสที่พระเจ้าก็ช่างเข้าข้างเธอ เมื่อเธอใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็สามารถเข้าถึงหน้าที่นี่ นั้นก็อาจเพราะนิสัยของเธอที่ต้องขยันมากกว่าคนอื่นๆ เพราะเธอไม่ได้เรียนต่อเธอจึงรับจ้างทำงานหลายที่เพื่อปากท้องของพ่อและเธอ ที่ไม่ต้องการไปใช้ชีวิตอยู่ข้างถนน คริสตี้ที่ใบหน้ายัังเศร้าไร้ซึ่งความสุขและเธอรู้สึกว่าหลังจากนี้ไปชีวิตของเธอน่าจะต้องเจอเรื่องที่แสนลำบากกว่าที่เธอเคยเจอมาหลายเท่า ร่างผอมบางตามวัยที่ค่อนข้างจะผอมกว่าปกติสักหน่อย เดินเข้าห้องนอนของตน ที่เธอผลักประตูเข้ามาก็เจอเตียงนอนขนาดเล็กกับตู้เสื้อผ้าเล็กๆ แต่ที่เธอชอบห้องนอนนี้คือเธอมีห้องน้ำส่วนตัว และภายในห้องของเธอเข้าของที่มีน้อยชิ้นถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ คริสตี้มองเงาสะท้อนตัวเองในกระจก เธอไม่รู้ว่าพ่อแม่เธอเป็นใคร เธอถูกเก็บมาเลี้ยงเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นเธออายุเก้าขวบตอนที่ดีนเจอเธอที่ข้างถนน เขาให้เธอได้เรียนหนังสืออยู่หลายปี แต่เขาไม่มีเงินมากพอในการส่งให้เธอเรียนต่อในระดับที่สูงกว่าเกรดสิบสอง(มัธยมศึกษาปีหก)เธอเข้าใจและยินดีที่จะมีการศึกษาเพียงแค่นั้น และออกมาทำงานหาเงินช่วยดีนอีกแรง ในการที่เขาต้องรับภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่าง รวมถึงค่าเช่าห้องนี้ด้วย คริสตี้หวังว่าวันจันทร์ที่จะมาถึงในอีกสองวันข้างหน้า เธอไม่ต้องเข้าไปที่นั้นอีกแล้ว หลังจากที่พ่อบุญธรรมของเธอกลับมาและบอกว่างานของพวกเธอจบลงแล้ว  คริสตี้ที่นอนมองเพดานอยู่ขณะนี้เธอไม่อาจรู้เลยว่าที่ริมถนนหน้าตึกห้องเช่าเธอมีรถบีเอ็มดับบลิวสีเข้มจอดนิ่งอยู่  “เด็กคนนั้นพักที่นี่ครับ” เอริคพยักหน้ารับรู้และบอกให้เดธออกรถไป เพราะคืนนี้เขาแค่ต้องการมาเห็นที่พักของคริสตี้เท่านั้น และเชื่อเถอะ! ว่าคริสตี้กับเขาต้องได้เจอกันอย่างบังเอิญแบบที่แผนได้ถูกวางไว้ 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD