อย่ามาทำเก่ง

1440 Words
บริษัท S.P.K ภายในห้องทำงาน ของศุภกิจ ฉันยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องตั้งหลายครั้งเขาก็ไม่ยอมเปิดงั้นเปิดเข้าไปเลยแล้วกัน เห็นเขานั่งคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้คนเดียว เรียกตั้งหลายครั้งกว่าจะรู้สึกตัว พอหลุดจากภวังค์เท่านั้นแหละจัดฉันสะชุดใหญ่เลย ไล่ให้ออกไปเคาะประตูใหม่จะบ้าหรอเข้ามาแล้วนี่ ตัวเองอยากไม่ได้ยินเองทำไมละ ฉันก็เลยยืนนิ่งอยู่แบบนั้นแหละ ก็ดูซิว่าเขาจะทำยังไงกับฉัน “คุณจะทำอะไรคะ...?” เขายืนขึ้นแล้วจ้องหน้าฉันตาเขม็ง แล้วเขาก็เดินเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ จนฉันเริ่มรู้สึกกลัวต้องเดินถอยหลังหนี เขาเดินเข้ามาใกล้ฉันมากจนตัวฉันถอยไปจนชิดผนัง ฉันใช้มือดันตัวเขาไว้แต่เขาก็ยึดมือฉันทั้ง 2 ข้างแล้วตึงไว้กับผนัง แล้วเขาก็ยื่นหน้ามาใกล้ฉันแล้วเราก็เถียงกันสักพักแล้วเขาก็... “จ๊วบบบ อื้มมมมม อ่อยอู่อะ...” เขาจูบฉันแต่ฉันพยายามหันหน้าหนีแต่เขาก็ยังบดจูบเข้ามาไม่ให้ฉันหนีไปไหนได้ “คุณกิจปล่อยยยย....อื้มมมม” ฉันหันหน้าหนีเขาได้เพียงนิดเดียวเพื่อบอกให้เขาปล่อยฉัน แต่เขาปล่อยจริงแต่ปล่อยแค่แขนของฉันทั้ง 2 ข้างที่เขาตึงไว้แต่เขากับรั้งใบหน้าของฉันให้มาตั้งรับกับริมฝีปากของเขา ฉันพยายามดิ้นขัดขืนและใช้แรงที่มีอยู่ดันตัวเขาให้ออกห่าง แต่ก็ไม่เป็นผลเขาบดขยี้ริมฝีปากฉันจนฉันเจ็บระบมไปหมด และเมื่อฉันเริ่มนิ่งเขาก็เริ่มลดความรุนแรงลงเป็นรสจูบที่อ่อนลง ยังคงจูบฉันอยู่แบบนั้นแล้วเขาก็เริ่มกอดรัดลำตัวฉัน ลูบไล้ไปตามผิวกายของฉัน จนฉันใจเต้นแรงแต่ความรู้สึกของฉันตอนนี้มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน ที่เขาบังคับขืนใจฉันแบบนี้ จนน้ำตาฉันไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว... “นี่เธอ...” เขาละจากริมฝีปากฉัน แล้วมองหน้าฉัน “พอใจแล้วใช่มั้ยคะ ถ้าคุณพอใจแล้วก็กลับไปเซ็นแฟ้มเอกสารได้แล้วค่ะ หนูจะได้ออกไปทำงานต่อ” ฉันมองหน้าเขาแล้วพูดอย่างคนไม่ได้รู้สึกอะไรกับการกระทำของเขา “....” เขายังยืนนิ่งไม่ยอมขยับ เอาแต่จ้องหน้าฉัน “ถ้าคุณไม่เซ็นก็เรื่องของคุณคะ หนูจะไม่ยืนรอให้เมื่อยอีกแล้ว หนูขอตัวออกไปทำงานอย่างอื่นต่อนะคะ....” ฉันตัดสินใจเองแล้วก็ดันตัวเขาให้ห่าง แล้วก็เดินออกมาเอง ปัง >>> ปิดประตูเสียงดังใส่ผมแล้วก็เดินออกไปทั้งที่น้ำตายังไหลแบบนั้น มันแปลกที่ผมก็ไม่เคยรู้สึกอยากแกล้งใครแบบนี้มาก่อน เห็นยัยนี้แล้วอยากจับมาจูบปิดปากสะให้เข็ดทุกที แต่พอได้ทำจริงแล้วได้มาเห็นน้ำตายัยนั้น ใจผมตอนนั้นมันเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก หรือผมรู้สึกผิดกับเธอกันนะ แฟ้มเอกสารที่ผมเปิดขึ้นมาเพื่อเซ็น มีโนตเล็กๆแปะไว้ในแฟ้ม “คุณกิจคะวันนี้นัดกับลูกค้าตอน บ่าย3โมงตรงที่โรมแรมแกรนแอท เอราวัน นะคะ” ตารางนัดของผมสินะปกติทุกเช้าคุณวันจะต้องเป็นคนเดินมาบอก หรือไม่ก็ไลน์มาย้ำผมทุกวันทุกเวลา ผมก็ลืมไปว่ายัยนี้ทำหน้าที่เป็นลาเขาผมอยู่ ผมเดินออกไปจากห้องพร้อมแฟ้มเอกสาร “ตอนบ่าย3 ฉันมีนัดกับลูกค้าใช่มั้ย...” ผมเดินออกไปวางแฟ้มที่โต๊ะเธอ แล้วถามเธอขึ้น “ค่ะ...” “ย้ำฉันอีกรอบก่อนถึงเวลานัดด้วยนะ...” “ค่ะ...” ผมมองเธอเห็นเธอไม่เงยหน้าขึ้นมาตอบ ก็รู้สึกรำคาญจึงเดินเข้าห้องไป จนถึงเวลาทานข้าวเที่ยงผมเดินออกไปก็ไม่เห็นเธอแล้ว ผมออกไปทานข้าวกลับมาก็เห็นเธอนั่งอยู่ที่เดิมแล้ว แต่เธอไม่เงยหน้ามองผมสักนิด พอเดินเข้ามาในห้องก็เห็นกาแฟร้อนร้านประจำที่คุณวันซื้อให้ผมทานทุกวัน คงจะทำตามที่คุณวันเลขาเก่าผมบอกไว้สินะ แล้วก็ยังมีโน๊ตเล็กๆที่แปะอยู่ที่แก้ว “บ่าย 3 โมง คุณกิจมีนัดกับลูกค้าที่โรงแรมแกรนแอทเอราวันนะคะ...” ผมหยิบแก้วขึ้นมาดื่มแล้วคิดอะไรขึ้นได้ จึงลุกพรวดเดินออกจากห้องไป “เตรียมเก็บของเลยเธอต้องไปกับฉัน...” “ค่ะ เห้ย! อะไรนะคะ ? “เก็บของแล้วไปหาลูกค้าพร้อมกับฉัน...” “ทำไมหนูต้องไปด้วยละคะ...” “ก็เธอเป็นเลขาฉัน เวลาฉันคุยงานอะไนเธอก็ต้องไปนั่งจดรายงานให้ฉันสิ...” “คุณกิจไม่เห็นบอกหนูก่อน ว่าหนูต้องไปด้วย” “ก็ฉันบอกอยู่นี่ไง...เก็บของเร็วๆ อีก15 นาทีเราจะออกเดินทางกัน” “ค่ะๆ...”     โรงแรมแกรนแอท เอราวัน หลังจากที่เขาคุยงานกับลูกค้าเสร็จเขาก็เดินไปส่งลูกค้า ฉันไม่เข้าใจเลยจะเอาฉันมาทำไมลูกค้าเป็นต่างชาติฉันฟังรู้เรื่องที่ไหน นี่ถ้าบอกว่าให้ไปสรุปนะฉันตายแน่ๆเลย เพราะฟังไม่ออกสักคำ “กลับกันได้แล้ว...” “ค่ะ...เอ่อ งั้นเราแยกกันตรงนี้เลยนะคะ” ฉันจะลาเขากลับแต่โดนเขาดึงสายกระเป๋าสะพายไว้สะก่อน “เดี๋ยว...” “ทำไมอีกละคะ นี่มันหมดเวลางานหนูแล้วนะคะ” “ไปกินข้าวกับฉันก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” “กินข้าว...?” “ตามฉันมาไม่ต้องพูดมาก” เขานี่เผด็จการสุดๆเลย ฉันยังไม่ตอบเลยว่าจะไปกินข้าวด้วย แล้วเขาจะคุยอะไรกับฉันอะ       ร้านอาหาร เราสั่งอาหารมาประมาณ 4-5 อย่างบนโต๊ะ เขาทานโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ ฉันมองดูนาฬิกานี่ก็ดึกมากแล้วนะจะกินอ้อยอิ่งไปถึงไหนกัน “คุณกิจมีอะไรก็รีบๆพูดมาเถอะค่ะ นี่มันดึกมากแล้วนะคะหนูจะได้รีบกลับบ้าน” เขาก้มหน้ามองดูนาฬิกาที่ข้อมือ “ทุ่มครึ่งเนี้ยนะดึก...?” “ใช่ค่ะ สำหรับหนูมันดึกแล้วเพราะปกติหนูต้องถึงบ้านแล้วค่ะ หนูไม่ได้มีรถขับอย่างคุณนะคะ หนูต้องนั่งรถเมล์ไปต่ออีกหลายต่อกว่าจะถึงบ้าน...” “ตอนแม่เธอท้องแม่เธอกินอะไรเข้าไปเธอออกมาถึงได้พูดไม่หยุดแบบนี้..?” “หนูไม่รู้ค่ะ แม่หนูตายไปแล้วหนูไม่เคยถาม...” ผมนี่อึ้งไปเลยที่เธอพูดได้อย่างไม่มีความรู้สึกอะไร เธอดูแกร่งมากๆที่พูดถึงแม่ตัวเองแบบนั้น “มิน่านิสัยถึงได้ห้าวแบบนี้...กวนประสาทไม่มีความเป็นผู้หญิง” ผมเปลี่ยนเรื่องคุย “หนูมีความเป็นผู้หญิงค่ะ แต่เอาไว้ใช้กับคนที่ควรใช้เท่านั้น...” “ย่าฉันไม่รู้ไปหลงอะไรเธอนักหนา ถึงขนาดขอพ่อเธอให้เธอมาหมั้นกับฉัน...” ผมบอกกับเธอเพื่อให้เธอได้รู้ว่าเรา 2 คนต้องหมั้นกัน “อะไรนะคะ...หมั้นหรอ หมั้นกับใคร.?” “เธอไง ย่าให้ฉันรับผิดชอบเธอที่ทำให้เธอเป็นลมโดยการให้ฉันกับเธอหมั้นกัน เป็นการรับผิดชอบ.” “ไม่มีทาง...หนูไม่มีทางหมั้นกับคุณเด็ดขาด” ฉันลุกขึ้นทันที ที่ได้ยินที่เขาบอกใครจะไปยอมละ เขาไม่ได้รักฉันและอีกอย่างฉันก็เกลียดขี้หน้าเขาด้วย “แล้วเธอจะทำยังไง...ฉันก็ไม่ได้พิศวาสเธอหรอกนะ แต่ฉันขัดคุณย่าไม่ได้ เธอนั่นแหละไปบอกพ่อเธอให้ปฏิเสธการหมั้นดีกว่า เพราะคุณย่าฉันให้พ่อเธอตัดสินใจเหลือเวลาอีก 2 วันเท่านั้น....” ผมบอกให้เธอรีบไปจัดการก่อนที่ผมจะต้องได้หมั้นกับเธอ “คุณกิจไม่ต้องห่วงค่ะ หนูกับคุณจะไม่มีทางได้หมั้นกันชัวร์ หนูจะต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เราได้หมั้นกัน เพราะหนูจะหมั้นแล้วก็แต่งงานกับคนที่หนูรักเท่านั้น...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD