บริษัท S.P.K
ภายในห้องทำงาน ของศุภกิจ
ฉันยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องตั้งหลายครั้งเขาก็ไม่ยอมเปิดงั้นเปิดเข้าไปเลยแล้วกัน เห็นเขานั่งคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้คนเดียว เรียกตั้งหลายครั้งกว่าจะรู้สึกตัว พอหลุดจากภวังค์เท่านั้นแหละจัดฉันสะชุดใหญ่เลย ไล่ให้ออกไปเคาะประตูใหม่จะบ้าหรอเข้ามาแล้วนี่ ตัวเองอยากไม่ได้ยินเองทำไมละ ฉันก็เลยยืนนิ่งอยู่แบบนั้นแหละ ก็ดูซิว่าเขาจะทำยังไงกับฉัน
“คุณจะทำอะไรคะ...?”
เขายืนขึ้นแล้วจ้องหน้าฉันตาเขม็ง แล้วเขาก็เดินเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ จนฉันเริ่มรู้สึกกลัวต้องเดินถอยหลังหนี
เขาเดินเข้ามาใกล้ฉันมากจนตัวฉันถอยไปจนชิดผนัง ฉันใช้มือดันตัวเขาไว้แต่เขาก็ยึดมือฉันทั้ง 2 ข้างแล้วตึงไว้กับผนัง แล้วเขาก็ยื่นหน้ามาใกล้ฉันแล้วเราก็เถียงกันสักพักแล้วเขาก็...
“จ๊วบบบ อื้มมมมม อ่อยอู่อะ...”
เขาจูบฉันแต่ฉันพยายามหันหน้าหนีแต่เขาก็ยังบดจูบเข้ามาไม่ให้ฉันหนีไปไหนได้
“คุณกิจปล่อยยยย....อื้มมมม”
ฉันหันหน้าหนีเขาได้เพียงนิดเดียวเพื่อบอกให้เขาปล่อยฉัน แต่เขาปล่อยจริงแต่ปล่อยแค่แขนของฉันทั้ง 2 ข้างที่เขาตึงไว้แต่เขากับรั้งใบหน้าของฉันให้มาตั้งรับกับริมฝีปากของเขา
ฉันพยายามดิ้นขัดขืนและใช้แรงที่มีอยู่ดันตัวเขาให้ออกห่าง แต่ก็ไม่เป็นผลเขาบดขยี้ริมฝีปากฉันจนฉันเจ็บระบมไปหมด และเมื่อฉันเริ่มนิ่งเขาก็เริ่มลดความรุนแรงลงเป็นรสจูบที่อ่อนลง ยังคงจูบฉันอยู่แบบนั้นแล้วเขาก็เริ่มกอดรัดลำตัวฉัน ลูบไล้ไปตามผิวกายของฉัน จนฉันใจเต้นแรงแต่ความรู้สึกของฉันตอนนี้มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน ที่เขาบังคับขืนใจฉันแบบนี้ จนน้ำตาฉันไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว...
“นี่เธอ...”
เขาละจากริมฝีปากฉัน แล้วมองหน้าฉัน
“พอใจแล้วใช่มั้ยคะ ถ้าคุณพอใจแล้วก็กลับไปเซ็นแฟ้มเอกสารได้แล้วค่ะ หนูจะได้ออกไปทำงานต่อ”
ฉันมองหน้าเขาแล้วพูดอย่างคนไม่ได้รู้สึกอะไรกับการกระทำของเขา
“....”
เขายังยืนนิ่งไม่ยอมขยับ เอาแต่จ้องหน้าฉัน
“ถ้าคุณไม่เซ็นก็เรื่องของคุณคะ หนูจะไม่ยืนรอให้เมื่อยอีกแล้ว หนูขอตัวออกไปทำงานอย่างอื่นต่อนะคะ....”
ฉันตัดสินใจเองแล้วก็ดันตัวเขาให้ห่าง แล้วก็เดินออกมาเอง
ปัง >>>
ปิดประตูเสียงดังใส่ผมแล้วก็เดินออกไปทั้งที่น้ำตายังไหลแบบนั้น มันแปลกที่ผมก็ไม่เคยรู้สึกอยากแกล้งใครแบบนี้มาก่อน เห็นยัยนี้แล้วอยากจับมาจูบปิดปากสะให้เข็ดทุกที แต่พอได้ทำจริงแล้วได้มาเห็นน้ำตายัยนั้น ใจผมตอนนั้นมันเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก หรือผมรู้สึกผิดกับเธอกันนะ
แฟ้มเอกสารที่ผมเปิดขึ้นมาเพื่อเซ็น มีโนตเล็กๆแปะไว้ในแฟ้ม
“คุณกิจคะวันนี้นัดกับลูกค้าตอน บ่าย3โมงตรงที่โรมแรมแกรนแอท เอราวัน นะคะ”
ตารางนัดของผมสินะปกติทุกเช้าคุณวันจะต้องเป็นคนเดินมาบอก หรือไม่ก็ไลน์มาย้ำผมทุกวันทุกเวลา ผมก็ลืมไปว่ายัยนี้ทำหน้าที่เป็นลาเขาผมอยู่
ผมเดินออกไปจากห้องพร้อมแฟ้มเอกสาร
“ตอนบ่าย3 ฉันมีนัดกับลูกค้าใช่มั้ย...”
ผมเดินออกไปวางแฟ้มที่โต๊ะเธอ แล้วถามเธอขึ้น
“ค่ะ...”
“ย้ำฉันอีกรอบก่อนถึงเวลานัดด้วยนะ...”
“ค่ะ...”
ผมมองเธอเห็นเธอไม่เงยหน้าขึ้นมาตอบ ก็รู้สึกรำคาญจึงเดินเข้าห้องไป จนถึงเวลาทานข้าวเที่ยงผมเดินออกไปก็ไม่เห็นเธอแล้ว ผมออกไปทานข้าวกลับมาก็เห็นเธอนั่งอยู่ที่เดิมแล้ว แต่เธอไม่เงยหน้ามองผมสักนิด พอเดินเข้ามาในห้องก็เห็นกาแฟร้อนร้านประจำที่คุณวันซื้อให้ผมทานทุกวัน คงจะทำตามที่คุณวันเลขาเก่าผมบอกไว้สินะ แล้วก็ยังมีโน๊ตเล็กๆที่แปะอยู่ที่แก้ว
“บ่าย 3 โมง คุณกิจมีนัดกับลูกค้าที่โรงแรมแกรนแอทเอราวันนะคะ...”
ผมหยิบแก้วขึ้นมาดื่มแล้วคิดอะไรขึ้นได้ จึงลุกพรวดเดินออกจากห้องไป
“เตรียมเก็บของเลยเธอต้องไปกับฉัน...”
“ค่ะ เห้ย! อะไรนะคะ ?
“เก็บของแล้วไปหาลูกค้าพร้อมกับฉัน...”
“ทำไมหนูต้องไปด้วยละคะ...”
“ก็เธอเป็นเลขาฉัน เวลาฉันคุยงานอะไนเธอก็ต้องไปนั่งจดรายงานให้ฉันสิ...”
“คุณกิจไม่เห็นบอกหนูก่อน ว่าหนูต้องไปด้วย”
“ก็ฉันบอกอยู่นี่ไง...เก็บของเร็วๆ อีก15 นาทีเราจะออกเดินทางกัน”
“ค่ะๆ...”
โรงแรมแกรนแอท เอราวัน
หลังจากที่เขาคุยงานกับลูกค้าเสร็จเขาก็เดินไปส่งลูกค้า ฉันไม่เข้าใจเลยจะเอาฉันมาทำไมลูกค้าเป็นต่างชาติฉันฟังรู้เรื่องที่ไหน นี่ถ้าบอกว่าให้ไปสรุปนะฉันตายแน่ๆเลย เพราะฟังไม่ออกสักคำ
“กลับกันได้แล้ว...”
“ค่ะ...เอ่อ งั้นเราแยกกันตรงนี้เลยนะคะ”
ฉันจะลาเขากลับแต่โดนเขาดึงสายกระเป๋าสะพายไว้สะก่อน
“เดี๋ยว...”
“ทำไมอีกละคะ นี่มันหมดเวลางานหนูแล้วนะคะ”
“ไปกินข้าวกับฉันก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
“กินข้าว...?”
“ตามฉันมาไม่ต้องพูดมาก”
เขานี่เผด็จการสุดๆเลย ฉันยังไม่ตอบเลยว่าจะไปกินข้าวด้วย แล้วเขาจะคุยอะไรกับฉันอะ
ร้านอาหาร
เราสั่งอาหารมาประมาณ 4-5 อย่างบนโต๊ะ เขาทานโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ ฉันมองดูนาฬิกานี่ก็ดึกมากแล้วนะจะกินอ้อยอิ่งไปถึงไหนกัน
“คุณกิจมีอะไรก็รีบๆพูดมาเถอะค่ะ นี่มันดึกมากแล้วนะคะหนูจะได้รีบกลับบ้าน”
เขาก้มหน้ามองดูนาฬิกาที่ข้อมือ
“ทุ่มครึ่งเนี้ยนะดึก...?”
“ใช่ค่ะ สำหรับหนูมันดึกแล้วเพราะปกติหนูต้องถึงบ้านแล้วค่ะ หนูไม่ได้มีรถขับอย่างคุณนะคะ หนูต้องนั่งรถเมล์ไปต่ออีกหลายต่อกว่าจะถึงบ้าน...”
“ตอนแม่เธอท้องแม่เธอกินอะไรเข้าไปเธอออกมาถึงได้พูดไม่หยุดแบบนี้..?”
“หนูไม่รู้ค่ะ แม่หนูตายไปแล้วหนูไม่เคยถาม...”
ผมนี่อึ้งไปเลยที่เธอพูดได้อย่างไม่มีความรู้สึกอะไร เธอดูแกร่งมากๆที่พูดถึงแม่ตัวเองแบบนั้น
“มิน่านิสัยถึงได้ห้าวแบบนี้...กวนประสาทไม่มีความเป็นผู้หญิง”
ผมเปลี่ยนเรื่องคุย
“หนูมีความเป็นผู้หญิงค่ะ แต่เอาไว้ใช้กับคนที่ควรใช้เท่านั้น...”
“ย่าฉันไม่รู้ไปหลงอะไรเธอนักหนา ถึงขนาดขอพ่อเธอให้เธอมาหมั้นกับฉัน...”
ผมบอกกับเธอเพื่อให้เธอได้รู้ว่าเรา 2 คนต้องหมั้นกัน
“อะไรนะคะ...หมั้นหรอ หมั้นกับใคร.?”
“เธอไง ย่าให้ฉันรับผิดชอบเธอที่ทำให้เธอเป็นลมโดยการให้ฉันกับเธอหมั้นกัน เป็นการรับผิดชอบ.”
“ไม่มีทาง...หนูไม่มีทางหมั้นกับคุณเด็ดขาด”
ฉันลุกขึ้นทันที ที่ได้ยินที่เขาบอกใครจะไปยอมละ เขาไม่ได้รักฉันและอีกอย่างฉันก็เกลียดขี้หน้าเขาด้วย
“แล้วเธอจะทำยังไง...ฉันก็ไม่ได้พิศวาสเธอหรอกนะ แต่ฉันขัดคุณย่าไม่ได้ เธอนั่นแหละไปบอกพ่อเธอให้ปฏิเสธการหมั้นดีกว่า เพราะคุณย่าฉันให้พ่อเธอตัดสินใจเหลือเวลาอีก 2 วันเท่านั้น....”
ผมบอกให้เธอรีบไปจัดการก่อนที่ผมจะต้องได้หมั้นกับเธอ
“คุณกิจไม่ต้องห่วงค่ะ หนูกับคุณจะไม่มีทางได้หมั้นกันชัวร์ หนูจะต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เราได้หมั้นกัน เพราะหนูจะหมั้นแล้วก็แต่งงานกับคนที่หนูรักเท่านั้น...”