Episode 02
หลายเดือนต่อมา
“อีกไม่กี่นาที เราก็จะได้เจอกันแล้วนะ” เราลูบท้องตัวเองเบาๆ พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เราเริ่มเจ็บท้องตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นแล้ว แต่ก็กว่าปากมดลูกจะเปิด ก็ต้องนอนรออยู่หลายชั่วโมง
และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ปากมดลูกเปิดกว้างมากพอ อีกไม่กี่นาที คุณพยาบาลก็จะมาเข็นเตียงและพาเราเข้าสู่ห้องคลอด ซึ่งเราก็สามารถคลอดได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องผ่าคลอดค่ะ ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ตั้งใจไว้เลย
พอถึงเวลา ก็มีพยาบาลมาพาเราเข้าห้องคลอด และหลังจากที่ทุกอย่างพร้อม คุณหมอก็ให้สัญญาณ เพื่อที่เราจะได้เริ่มออกแรงเบ่ง
“คุณแม่พร้อมนะครับ”
“พร้อมค่ะ” พยักหน้าตอบคุณหมอเบาๆ
“ถ้าพร้อมแล้วเบ่งเลย”
“หนึ่ง สอง สาม”
“อึบบ~”
“อึก! อื้อออ~”
“อึบบ!”
“แฮ่ก~” เราหยุดเบ่ง พักหายใจเล็กน้อย ก่อนที่จะเริ่มออกแรงเบ่งต่อ “ฮึบ! อื้อออ~”
เราออกแรงเบ่งแบบนั้นอยู่หลายสิบนาที ยิ่งนานเข้าก็ยิ่งเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เราก็ได้แต่บอกกับตัวเองว่าให้อดทนเอาไว้ เพราะหลังจากที่ลูกของเราได้ออกมาแล้ว ความเจ็บเหล่านั้นจะหายไป มันจะเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความสุข เราบอกกับตัวเองแบบนั้นเสมอ จนในที่สุด…
“คลอดออกมาแล้วครับ” คุณหมอกล่าว
“ฮึก…ลูกแม่” พอรู้ว่าลูกคลอดออกมาแล้ว น้ำตาแห่งความดีใจมันก็ไหลออกมาทันที ในที่สุดสิ่งที่เรารอคอยมาตลอดหลายเดือนก็ได้เกิดมาลืมตาดูโลกเสียที แม้ว่าผู้เป็นพ่อของเขาจะไม่โผล่หัวมาเลยสักวันตั้งแต่ที่เลิกกันไป รวมถึงวันที่ลูกเกิด พ่อของเขาก็ไม่คิดที่จะมาหาลูกด้วยเช่นกัน
แต่ทว่า…
“คุณหมอคะ แย่แล้วค่ะ! เด็กไม่หายใจ”
“อ…อะไรนะ” เราเบิกตากว้าง เมื่อได้ยินคำที่พยาบาลพูด เมื่อรู้แบบนั้น ภายในห้องคลอดก็อลเวงวุ่นวายกันสุดๆ ทั้งคุณหมอและพยาบาลก็ต่างช่วยกันดึงชีวิตลูกของเรากลับมา เราเห็นว่าทุกท่านพยายามช่วยลูกของเรามากขนาดไหน แต่สุดท้ายแล้วมันก็…
…
…
…
…
…
“หมอเสียใจด้วยนะครับ หมอทำเต็มที่แล้วจริงๆ”
คำพูดประโยคนั้นของหมอ มันยังก้องอยู่ในหัวสมองของเรามาจนถึงตอนนี้ ลูกของเราคลอดออกมาแล้วไม่หายใจ คุณหมอและพยาบาลพยายามช่วยชีวิตกันอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถช่วยชีวิตลูกของเราไว้ได้
ลูกของเรา…ตายแล้ว
“ฮึก! ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วย” เรากอดผ้าอ้อมที่ซื้อเตรียมเอาไว้ให้ลูกพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนัก เราออกจากโรงพยาบาลมาได้หลายวันแล้ว แต่เราก็ไม่สามารถทำใจเรื่องลูกได้สักที คำพูดคำนั้นที่บอกว่าลูกของเราไม่อยู่แล้วมันยังวนเวียนอยู่ในหัว ไม่หายไปไหน “ทั้งๆ ที่แม่พยายามทุกอย่าง เพื่อให้หนูได้มีชีวิตอยู่ แต่ทำไม…”
“ทำไมทุกอย่างมันต้องเป็นแบบนี้ด้วย อึก! ฮึก!”
ด.ญ.พริมา พัฒนอำไพวงค์ ชื่อเล่น น้องผิงผิง
“แม่จะ…ฮึก! แม่จะคิดถึงหนูตลอดไป และถ้ามีโอกาส ก็ขอให้หนูได้เกิดมาเป็นลูกของแม่อีกครั้งนะคนดี ฮือๆ” เราสะอื้นอยู่แบบนั้นสักพักหนึ่ง ก่อนที่จะค่อยๆ นำอัฐิของลูกใส่ลงไปในกระถางดอกไม้ ซึ่งเป็นดอกกุหลาบขาว เรานำอัฐิของลูกมาใส่ไว้ในนี้ เพื่อที่จะได้รู้สึกว่ามีลูกอยู่ใกล้ๆ แล้วเราก็จะดูแลดอกกุหลาบขาวนี้ให้ดีที่สุด เหมือนกับกำลังเลี้ยงเด็กคนนึง “แม่รักหนูมากนะ ต่อให้พ่อเขาจะไม่สนใจและไม่รักหนูเลยก็ตาม อึก! แต่แม่รักหนูมากๆ นะ”
“ถ้ามีโอกาส ฮึก…กลับมาเกิดเป็นลูกของแม่อีกนะคะ”
หลายวันต่อมา
“ตอนนี้แม่ดีขึ้นมากแล้วล่ะ แล้วแม่ก็แวะไปทำบุญที่วัดให้หนูทุกสัปดาห์เลยนะ” เราพูดกับดอกกุหลาบที่มีอัฐิของลูกอยู่ในนั้น ตอนนี้เราก็กำลังรดน้ำให้เขาอยู่ ข้างบ้านที่ผ่านมาเห็น ก็มักจะมองว่าเราบ้า คุยคนเดียว โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าเราเจออะไรมาบ้าง และที่เราคุยกับดอกไม้มันเพราะอะไร “แม่แข็งแรงขึ้นมากๆ ตอนนี้ก็สามารถกลับไปทำงานได้เหมือนเดิมแล้วด้วย แม่ยิ้มได้บ้างแล้วล่ะ”
“แต่มันคงจะดีกว่านี้…ถ้าหนูยังอยู่กับแม่”
แอ้~
อุแว้~
“ตายจริง แม่คงจะคิดถึงหนูเข้าขั้นหนักจนเผลอได้ยินเสียงเด็กทารกร้อง” เราส่ายหัวไปมาเบาๆ และเดินไปปิดน้ำเพื่อที่จะเดินกลับเข้าไปในบ้าน “บางทีแม่อาจจะบ้าเหมือนที่พวกป้าข้างบ้านพูดจริงๆ ก็ได้”
แอ้!~
อุแว้!
อุแว้!
“…” เราหยุดชะงัก ก่อนที่จะเริ่มหลับตาตั้งสติ เพื่อที่จะตั้งใจฟังเสียงที่ได้ยินว่าสรุปแล้วเป็นเสียงที่เราคิดถึงลูกมากไปจนคิดไปเอง หรือมันเป็นเสียงเด็กทารกร้องจริงๆ
อุแว้!
อุแว้!
“ช…เชี้ย!” มันเป็นเสียงเด็กร้องจริงๆ ค่ะ!!!
พอรู้แบบนั้นแล้ว เราก็รีบวิ่งตามหาต้นเสียงในทันที หาไปหามาสักพัก จนในที่สุดก็รู้ว่าต้นเสียงที่แท้จริงมาจากทางไหน
มาจาก…ถังขยะค่ะ!
มีคนเอาเด็กทารกตัวน้อยๆ มาทิ้งไว้ในถังขยะหน้าบ้านเรา ในตอนแรกก็กล้าๆ กลัวๆ เพราะไม่แน่อาจจะเป็นเสียงผีเด็กก็ได้ แต่พอเข้าไปใกล้ ได้จับและได้สัมผัส
มันก็ทำให้เราได้รู้ว่า…
เป็นเด็กจริงๆ! ไม่ใช่ผี! มีคนเอาเด็กทารกตัวน้อยๆ มาทิ้งไว้ในถังขยะหน้าบ้านของเรา กรี๊ดดดดด!!!
“โอ้พระเจ้า! เด็กทารก!!!”