หากย้อนไปเมื่อห้าปีก่อน อวี่ถงในวัยสิบห้าเป็นเพียงเด็กสาวชาวบ้านที่มีฐานะยากจน แต่เพราะสืบทอดพรสวรรค์จากบิดา มีความสามารถในการวาดภาพ จึงปลอมตัวเป็นบุรุษแอบรับจ้างวาดภาพที่หอคณิกาอยู่หลายครั้ง เพื่อนำเงินในใช้จ่ายในครอบครัว ทว่าไม่นานทั้งบิดาและมารดาก็พลัดตกเขาขณะออกไปหาสมุนไพรมาขาย สุดท้ายอวี่ถงก็กลายเป็นเด็กรับใช้ในหอคณิกา รับงานวาดภาพให้แขกคนสำคัญ
อวี่ถงทำงานในหอคณิกานานถึงสองปีโดยไม่ถูกจับได้ เพราะหากถูกจับได้ว่าเป็นสตรี ไม่แคล้วคงถูกบังคับให้แขวนป้ายเป็นแน่ แม้ว่าบางครั้งจะมีคุณชายบางคนที่เป็นบุรุษตัดแขนเสื้อมาเกี้ยวนางก็ตาม แต่ด้วยศักดิ์ศรีของผู้ขายศิลปะไม่ขายเรือนร่าง ต่อให้มีเงินทองมากมายมากองอยู่ตรงหน้า นางก็ไม่เคยหวั่นไหว
จนกระทั่งวันหนึ่งบังเอิญมีคุณชายจากจวนใหญ่ ใช้หอคณิกาจัดงานเลี้ยงมั่วสุมโลกีย์ อวี่ถงถูกเรียกให้ไปวาดภาพในงานเลี้ยง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาพเร้าอารมณ์ด้วยกันทั้งสิ้น ทว่าด้วยหน้าที่ จึงจำเป็นต้องฝืนวาดมันออกมา ซึ่งมันก็ไปเตะตาคุณชายใหญ่คหบดีสกุลส้าวเข้า
คุณชายส้าวเฉียนมองเห็นพรสวรรค์ด้านจิตรกรรมจึงชักชวนอวี่ถงไปทำงานในร้านขายผ้า โดยมอบตำแหน่งนักวาดให้แก่นาง
ในคราแรกอวี่ถงยังคงลังเลไม่น้อย เพราะนางเป็นหนี้บุญคุณหอคณิกา จึงเกรงใจเถ้าแก่เนี้ยเป็นอย่างมาก ทว่าคุณชายส้าวเฉียนยึดมั่นในคำว่าไม่มีสิ่งใดที่ใช้เงินตราซื้อไม่ได้ จึงได้ทุ่มสุดกำลังเพื่อครอบครองพรสวรรค์ของอวี่ถง
สุดท้ายอวี่ถงก็ต้องออกติดตามส้าวเฉียนไปยังแคว้นเมิ่ง เพื่อวาดลายผ้าให้แก่ร้านปักผ้าก่อนนำส่งขายในนามของสกุลส้าว โดยที่ส้าวเฉียนได้ดูแลนางเป็นอย่างดี ทั้งให้ที่พัก ให้อาหาร พาไปเที่ยวเล่นเพื่อค้นหาแรงบันดาลใจ แล้วในตอนนั้นเองที่อวี่ถงค้นพบว่าตัวเองเกิดความรู้สึกต้องห้ามต่อส้าวเฉียนเข้าแล้ว
ไม่มีใครไม่หวั่นไหวต่อน้ำใจไมตรี แต่อวี่ถงรู้ว่าส้าวเฉียนวางใจนางเพราะเป็นบุรุษด้วยกัน นางจึงไม่อาจสารภาพความในใจได้ และกลัวว่าหากส้าวเฉียนรู้ว่าความจริงแล้วเขากำลังถูกหลอก ส้าวเฉียนคงไม่ไว้ใจนางอีกต่อไป
แค่คิดถึงสายตาเย็นชาที่มองมา ก็หนาวเหน็บไปถึงขั้วกระดูกแล้ว
สามปีผ่านไป อวี่ถงทำงานให้ส้าวเฉียนจนเลื่อนขั้นเป็นคนสนิท โดยส้าวเฉียนไว้วางใจอวี่ถงเป็นอย่างมาก ถึงขั้นสอนงานบัญชี และการจัดการทั้งหลายในจวนแก่นาง รวมถึงสั่งให้นางถ่ายทอดวิชาความรู้เหล่านี้แก่นายหญิงสกุลส้าวอีกด้วย
เมื่อคิดถึงคำว่านายหญิงสกุลส้าวแล้ว อวี่ถงก็รู้สึกใจหายไม่น้อย นางแอบรักส้าวเฉียนมานานถึงสามปี แต่ไม่เคยก้าวข้ามคำว่าสหายและน้องชายได้เลยสักครั้ง ยังคงเป็นสถานะที่น่าหดหู่ใจเช่นเดิม จนนางคิดจะหนีไปจากข้างกายเขา
ส่วนว่าที่นายหญิงของสกุลส้าวคงหนีไม่พ้นคุณหนูชิงเยี่ยน ลูกสาวขุนนางสกุลชิงผู้มีสายเลือดสูงส่ง โดยส้าวเฉียนได้ส่งสินค้ามีค่าเป็นของกำนัลทุกครั้งที่กลับมายังแคว้นเมิ่ง หากแต่คุณหนูสกุลชิงนั้นมีคู่หมายที่กำหนดไว้แล้ว สุดท้ายส้าวเฉียนก็ไม่สมปรารถนา เมื่อได้รับเทียบเชิญงานมงคลสมรสจากสกุลชิง เป็นการปฏิเสธความรักอย่างเยื่อใย ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่อวี่ถงได้ส่งคำร้องขอไปดูแลร้านค้าที่แคว้นจวิน
เวลานั้นส้าวเฉียนรู้สึกราวกับถูกทอดทิ้ง แต่เพราะรู้ว่าอวี่ถงตั้งใจทำงานเป็นอย่างมาก จึงมิอาจปฏิเสธได้ ทว่าส้าวเฉียนกลับร้องขอให้อวี่ถงอยู่เป็นเพื่อนร่ำสุราด้วยกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากลา
แน่นอนว่าคนที่รักมากกว่าย่อมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อยู่เสมอ อวี่ถงมิอาจเห็นคนที่ตนรักหดหู่ไปมากกว่านี้ได้ จึงยินยอมร่ำสุรา ชมระบำดอกไม้ไฟที่จุดจากจวนสกุลชิงเป็นเพื่อน
หากทว่าท่ามกลางบรรยากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นสุรา กลางค่ำคืนวสันต์พัดผ่าน เพียงแค่สบสายตาก็ราวกับมีแรงดึงดูดมหาศาล เชิญชวนให้พวกเขาคล้อยตามสัญชาตญาณของตัวเอง
คนหนึ่งแสนเศร้าเพราะถูกทิ้งขว้างความรักอย่างไม่ไยดี ส่วนอีกคนก็เฝ้ามองด้วยความรักอย่างหวงแหน ต่างคนต่างโหยหาความรักด้วยกันทั้งคู่ กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นของสุราที่ปะปนมากับลมหายใจ ครั้นสองสายตาสบประสานในระยะชิดใกล้ ก็ยากที่จะหักห้ามใจตัวเอง...
อวี่ถงก้มมองดูเนินอกของตัวเองอันเต็มไปด้วยร่องรอยที่ส้าวเฉียนฝากเอาไว้ เป็นหลักฐานว่าเรื่องที่ผ่านมานั้นมิใช่ความฝัน แต่เป็นความจริง ความจริงที่ทำให้นางคิดอยากจะมุดดินหนีไปยังแคว้นจวินให้รู้แล้วรู้รอด!
“อ๊าก! ไร้ยางอาย! ข้ามันไร้ยางอาย!” เสียงหวานโวยวายพลางตีน้ำในถังน้ำร้อนอย่างอดสู ใบหน้าหวานแดงก่ำซุกเข้ากับฝ่ามือเล็กของตัวเองด้วยความอับอายจนมิอาจสบสายตากับผู้ใดได้อีก
โดยเฉพาะส้าวเฉียน เพราะนางฉวยโอกาสใช้ความเศร้าของเขาเป็นข้ออ้างเพื่อใช้ร่างกายของตัวเองในการปลอบประโลม แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะสุขสมจนแทบเสียสติ แต่เมื่อสร่างเมา สามัญสำนึกกลับมาอีกครั้ง ถึงได้รู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้น มันช่างต่ำช้าเหลือเกิน
มือเล็กทึ้งผมสีอ่อนของตัวเองเป็นการลงโทษ โทษฐานที่บังคับฝืนใจบุรุษอย่างไร้ยางอาย
“แล้วจะมีหน้าไปพบคุณชายได้อย่างไร” อวี่ถงพึมพำกับตัวเอง ละอายใจเหลือเกินจนมิอาจเผชิญหน้าได้
ทว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้กลับทำให้ระแวงอย่างบอกไม่ถูก เมื่อส้าวเฉียนไม่แม้แต่จะโมโหที่นางหลอกลวงเขา แต่กลับหยอกล้อราวกับต้องการบางอย่างจากนาง
นับตั้งแต่ทำงานร่วมกันมาตั้งหลายปี ส้าวเฉียนถูกจัดเป็นบุรุษที่มองผลกำไรเป็นสำคัญ แม้แต่การเกี้ยวคุณหนูสกุลชิง ส้าวเฉียนก็มองไปถึงอนาคตอันรุ่งโรจน์หลังจากได้เกี่ยวดองกับสกุลชิงด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนั้นส้าวเฉียนจึงทุ่มสุดตัวเพื่อให้ได้มาซึ่งหัวใจของคุณหนูสกุลชิง แม้ว่าสุดท้ายสกุลชิงจะเลือกเกียรติยศมากกว่าความมั่งคั่งก็ตาม
แต่สำหรับอวี่ถง นอกจากการวาดภาพและมันสมองที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากส้าวเฉียน นางก็ไม่มีสิ่งใดติดตัวแล้ว ไม่ได้มีค่าพอที่จะทำกำไรให้ส้าวเฉียนได้ แล้วเหตุใดถึงไม่โกรธนางที่ฉวยโอกาสเล่า...
อวี่ถงนวดขมับของตัวเองเบาๆ ทว่าตอนนี้ตัวนางก็ขยับมากไม่ได้ เพราะเมื่อคืนนางถูกส้าวเฉียนระบายอารมณ์ใส่นับครั้งไม่ถ้วน ทำเอาร้าวระบมไปทั้งตัว แค่คิดว่าจะลุกออกจากถังน้ำร้อนอย่างไรไม่ให้หน้าคว่ำล้มคะมำ ก็ทำให้ปวดหัวมากแล้ว แต่ยังต้องมาคิดถึงเรื่องระหว่างนางกับส้าวเฉียนอีก
หากวันนี้ส้าวเฉียนสั่งให้นางลืมเรื่องทั้งหมดก็คงจะดี...