Pukkawatt T.: กินยาคุมฉุกเฉินหรือยัง
หญิงสาวตาโต ถามอย่างนี้ เขารู้ได้ยังไงว่าเป็นเธอ
Pukkawatt T.: อยู่ไหน เดี๋ยวผมเอาไปให้
KK กระดิ่งหมา: ไม่ต้องค่ะ หนูกินแล้ว
ต่างคนต่างเงียบ ความเงียบครอบคลุมอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจากไลน์จะเปลี่ยนเป็นการโทร
“นัทธ์กมลนี่ผมเองนะ ธีรกร”
“สวัสดีค่ะอาจารย์”
“คุณโอเคหรือเปล่า”
“ถ้าอาจารย์เซ็นต์ให้เรียบร้อยหนูก็โอเคค่ะ”
เธอได้ยินเสียงเขาถอนหายใจ ก่อนเอ่ยเสียงเนิบ
“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น”
“…”
“ผมหมายถึงเรื่องเมื่อคืน”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูเองก็ผิด”
“ขอโทษ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นคุณ แล้วก็…เป็นครั้งแรกของคุณด้วย”
คำพูดเปิดเผยตรงไปตรงมาทำให้หญิงสาวหน้าแดงซ่าน ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน
“คุณโอเคหรือเปล่า”
น้ำเสียงจริงจังย้ำถามอีกครั้ง คราวนี้เข้าใจตรงกันแล้ว จะพูดว่าไม่เป็นก็ดูทรยศตัวเองเกินไป นัทธ์กมลจึงได้แต่เงียบ
เป็นความเงียบที่ทำให้คนรอฟังและหวังว่าเธอจะพูดอะไรสักอย่างหรือโวยวายก็ได้ไม่สบายใจ ความเงียบกำลังบอกเขาว่าเธอไม่โอเคกับสิ่งที่เกิดขึ้น
อาจารย์นายแพทย์ธีรกร ภควัฒน์ ปกติเขาไม่มีรสนิยมกินเด็ก ไม่นิยมเคลมเด็กตัวเอง นักศึกษาเหมือนของร้อนของต้องห้าม คนไข้ก็ไม่เอา ญาติคนไข้หรืออะไรก็ไม่เอาทั้งนั้นแหละ วันไนท์สแตนด์ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาอาจไม่แคร์ แต่พอรู้ว่าเธอเป็นลูกศิษย์… ถึงตอนนี้จะไม่ได้เป็นแล้วก็เถอะ วันนี้ทั้งวันชายหนุ่มยอมรับว่าเขาไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเท่าไรนัก
มีหลายเรื่องที่เขาอยากคุยกับเธอให้เข้าใจ ภาพวันที่ไปเห็นนัทธ์กมลยืนเหม่ออยู่บนสะพานตอนดึกๆ ดื่นๆ เมื่อหลายปีก่อนมันฉายชัดขึ้นมาในหัวเขา ชายหนุ่มไม่อยากคิดว่าถ้าวันนั้นเขาไม่บังเอิญขับรถผ่านไปเห็นเข้า เหตุการณ์หลังจากนั้นชีวิตเธอจะเป็นยังไง แล้วถ้ากับเรื่องเมื่อคืนถ้าเธอคิดจะทำแบบนั้นอีก
“วันนี้ว่างหรือเปล่า ขอเจอหน่อยได้มั้ย ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
ชายหนุ่มตัดสินใจถาม หลบหน้าเขาไปก็เท่านั้น ยังไงวันนี้เขาก็ต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่อง
“อาจารย์มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“มี ก็เรื่องของเราไง แล้วเลิกเรียกผมว่าอาจารย์ได้แล้วมั้ง ผมเซ็นจบให้คุณไปแล้วนี่”
“…”
“ตกลงเย็นนี้ว่างมั้ย เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
เสียงขรึมยังคาดคั้น บอกให้เลิกเรียกว่าอาจารย์ แล้วดูที่เขาทำ
“ขอโทษค่ะ หนูไม่สะดวก ถึงอาจารย์เซ็นให้แล้ว แต่หนูยังต้องแก้เล่มอีกเยอะเลยค่ะ กลัวจะไม่ทันเวลา”
“ถ้าไม่ทันเดี๋ยวผมช่วย”
ช่วยซ้ำเติมล่ะสิไม่ว่า
“แต่ นัทธ์กมล… ผมขอเวลาไม่นานหรอก ผมรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่อย่างนั้นคุณจะหนี หลบหน้าผมแบบนี้ทำไม”
“…”
“ที่สำคัญอย่าไปคิดสั้นทำอะไรแบบนั้นอีกนะ”
“หนูไม่ได้คิดสั้นนะคะ”
คนถูกกล่าวหารีบแย้ง ถ้าหมายถึงเรื่องวันนั้น เขาเองนั่นล่ะที่เข้าใจผิด
“นี่ไง ต่างคนต่างไม่เข้าใจ เราถึงมีเรื่องต้องคุยกัน” …ผมเองก็ไม่สบายใจเหมือนกัน เขาว่าอย่างนั้น
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ”
หญิงสาวลอบถอนหายใจ ทั้งที่เธอตั้งใจไว้แล้วว่าอยากให้เรื่องทั้งหมดจบไปเงียบๆ
“โอเค เราเจอกันที่ไหนดี”
น้ำเสียงที่ถามฟังดูผ่อนคลายขึ้น อาจารย์หนุ่มให้เธอเลือกสถานที่ นัทธ์กมลเลือกเป็นร้านกาแฟแถวสถานีรถไฟบีทีเอสเพื่อความสะดวกของทั้งสองฝ่าย แต่เขาว่า
“ผมว่าเลือกที่ที่เป็นส่วนตัวกว่านี้หน่อยดีกว่า”
ก็จริงของเขา เธอลืมคิดไป ถ้ามีคนที่รู้จักมาเห็นเข้าจะคิดยังไง เธอไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีเรื่องเกินเลยกับเขา
“ได้ค่ะ งั้นที่ไหนดีคะ”
หญิงสาวถาม อาจารย์เธอเสนอเป็นห้องส่วนตัวในร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่ง แต่พอดูเงินในบัญชีถ้าต้องหารครึ่งกันนั่นมันค่ากินค่าอยู่ที่เหลือทั้งเดือนของเธอเลยนะ
นัทธ์กมลปฏิเสธทางอ้อม มีอีกสองสามที่ที่เขาเสนอมา ซึ่งถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวขนาดนั้นก็มีแต่แพงๆ ทั้งนั้น เธอเลยปฏิเสธเขาอีก
“หนูไม่มีเงินขนาดนั้นหรอกค่ะ” คนขี้งกตัดสินใจบอกออกไปตามตรง เธอไม่อยากเลือกอะไรอีกแล้ว ความจริงนี่ล่ะที่จะจบปัญหา เขาจะได้ไม่เลือกที่แพงๆ มาเสนอเธออีก ธีรกรฟังแล้วถอนหายใจ
“ผมไม่ได้ให้คุณออกสักหน่อย”
“แต่หนูเกรงใจค่ะ”
อาจารย์เทมส์ถอนหายใจอีกครั้ง เขานิ่งไปครู่
“ถ้าอย่างนั้นมาที่โรงพยาบาล… แล้วกัน เดี๋ยวคุยกันในห้องตรวจผมก็ได้ มาถูกใช่มั้ย”