“อาบน้ำถูหลังให้ผัวหน่อย ด้านหลังขี้ไคลเต็มเห็นไหม”
“ถูเองสิ”
“มันถูไม่ถึงไง มีเมียก็ต้องให้เมียถูให้” เขาวางเธอบนโขดหินใหญ่กลางลำธาร ก่อนจะส่งแชมพูและสบู่ให้เธอ ขณะหันหลังให้
“ฉันไม่ถูให้หรอก”
“ถ้าไม่ถูก็ทำอย่างอื่น” เขาหันมา นราวดีใบหน้าเหลอหลา สภาพเธอตอนนี้ล่อแหลมเหลือเกิน
“ถูแล้วๆ หันหลังไปสิ” เธอรีบบอก พอเขาหันไป เธอก็ค้อนเขาขวับๆ
“ถูแรงๆ หน่อยสิ มีแรงแค่นี้เองเหรอ”
“โอ๊ย! จะฆ่ากันหรือไง” เขาหันมาจับมือของเธอเอาไว้แน่น
“เจ็บนะ ปล่อยฉันสิ”
“จะฆ่ากันหรือไง ถูแรงขนาดนี้”
“คุณบอกว่าฉันถูเบา ฉันก็ถูแรงๆ แล้วไง” เธอพูดอย่างโมโหบ้าง
“ปัญญาอ่อนหรือไงห้ะ! มันต้องลงแรงพอประมาณ ไม่ใช่แรงเกิน หรือเบาเกิน”
“ฉันไม่เคยถูหลังให้ใคร” เธอปดคำโต อย่างน้อยคนเป็นป้าก็ใช้ให้เธอทำแบบนั้นออกบ่อย
“ถูให้ฉันนี่แหละ ถ้ายังถูไม่ถูกใจ ฉันจะลงโทษเธอให้หนักเลย” เขาคาดโทษ นราวดีแอบเบ้ปากใส่แผ่นหลังเขา
“นินทาฉันอยู่ในใจล่ะสิ”
“เอ๊ะ! เปล่าเสียหน่อย” เธอรีบถูหลังให้เขา กลัวคนเผด็จการสุดแสนจะเอาแต่ใจ จะทำอย่างที่เขาบอกเธอเอาไว้จริงๆ
“สระผมให้ฉันด้วย”
“คุณโตแล้วนะคะ ไม่ใช่เด็ก”
“ฉันอยากให้เธอสระผมให้” เขาย้ำ นราวดีไม่อยากรำคาญใจกับความบ้าอำนาจของเขาจึงสระผมให้ เขาดูมีความสุขที่ได้แกล้งเธอ หญิงสาวเผลอขยี้แรงๆ จนฟองแชมพูเข้าตาเขาจนได้
“โอ๊ย! ฉันแสบตานะ อะไรของเธอนี่”
“ขอโทษค่ะ” เธอรีบจัดการล้างผมให้เขา
“ฉันจะจับเธอทำโทษให้หนัก”
“เอ๊ะ! ฉันสระผม ถูหลังให้คุณแล้วไง จะจับฉันทำโทษอะไรอีก”
“โทษฐานที่ทำฟองเข้าตาฉันจนแสบ”
“คนเอาแต่ใจ” เธอหน้างอ โมโหเขาจริงๆ
“แต่ตอนนี้ฉันอยากจะตอบแทนน้ำใจเธอด้วย”
“ตอบแทนอะไรคะ” เธอทำหน้างง ตามไม่ค่อยทันอารมณ์เขานักหรอก
“ที่เธอช่วยถูหลังและสระผมให้ฉันไง”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” เธอหน้าแดงเมื่อสบตาเขา ดวงตาแบบนี้ของเขาบ่งบอกถึงความปรารถนาอันร้อนแรง เหมือนเขาเพิ่งจะเสร็จสม แต่เขาก็กระหายในตัวเธออีกแล้ว เขาไม่เคยพอและเขาก็เรียกร้องอยู่เสมอ
“แต่ฉันว่าต้องทำนะ เดี๋ยวเธอจะหาว่าฉันเอาเปรียบยังไงล่ะ”
“ฉันไม่ว่าหรอกค่ะ อื้อ...” เธอโดนจุมพิตปิดปากเสีย
นราวดีตัวสั่นอยู่ใต้ฝ่ามือของเขา มือหนาที่เต็มไปด้วยฟองสบู่หอมกรุ่นลูบไล้เธอไปตามเรือนร่างอย่างถ้วนทั่ว หญิงสาวร้องครางอย่างหักห้ามใจไม่อยู่ ในขณะที่ฝ่ามือหนาของเขานวดเฟ้นอยู่ตรงปทุมถันอวบอิ่ม ปลายยอดถันแข็งเป็นไตเมื่อเขาใช้นิ้วโป้งขยับไปมาแล้ววนรอบๆ ด้วยชั้นเชิงที่เหนือกว่า
“ไม่ค่ะ” เธอพยายามปฏิเสธ หอบหายใจจนตัวโยน แต่เขาหาได้สนใจไม่ ยังคงเร่งเร้าเกลี่ยนิ้วกับยอดถันจนหญิงสาวเสียวซ่านสุดแสนจะทรมาน
มือหนาของชายหนุ่มเลือนลูบลงไปยังสะโพกผาย เขานวดเฟ้นจนเธอสั่นระริก นราวดีอยากผลักไส วางมือลงบนอกกว้างของเขา แต่กลายเป็นวางแหมะเอาไว้ตรงนั้น ก่อนที่เขาจะกระซิบสั่งให้เธอลูบไล้อกกว้างของเขาแทน
หญิงสาวทำตามอย่างว่าง่าย อารมณ์พิศวาสรุนแรงเกินต้านทาน เขากวักน้ำจากลำธารขึ้นเหนืออกของเธอ ก่อนจะก้มลงดูดเม้มยอดปทุมถันปริ่มน้ำ นราวดีแอ่นอกให้เขาเชยชิดสนิทเนื้อ ในขณะที่เขายกสะโพกของเธอขึ้นนั่งบนตักของเขา
“อื้อ...” นราวดีร้องครางกับสิ่งที่เขาทำ ความเสียวซ่านแล่นจู่โจมเข้ามาอย่างรุนแรงในขณะที่เธอสวมครอบโอบกายรอบแก่นชายของเขาจนหมดสิ้น สนครางด้วยน้ำเสียงสั่น ใบหน้าเหยเก เขาขย้ำสะโพกของเธอให้โยกบนแก่นกายของเขาซ้ำๆ
หญิงสาวจิกมือกับบ่าแกร่งของเขา ใบหน้าของเธอเริดไปด้านหลังอย่างเสียวซ่าน เนื้อกายเชื่อมต่อประสานเข้าหากันอย่างลึกซึ้ง ก่อเกิดความเสียวซ่านจับจิตจับใจ
กลีบเนื้อกายสาวโอบรัดแก่นกายที่วิ่งเข้าวิ่งออกในซอกทางลี้ลับ เสียงเนื้อกายประสานกับเสียงหอบ เสียงครวญครางเสียงสายน้ำ บรรยากาศรอบข้างที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติอันหอมหวานสดชื่น และแสนรัญจวน
นราวดีรู้สึกได้ถึงแรงรักที่เขากดสะโพกเธอลงไปหาเพื่อให้โอบรัดแก่นแกร่งของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวร้องครางเสียงโหย สะอื้นเป็นช่วงๆ เมื่อรับรู้ถึงความเสียวซ่านเหลือคณานับ
กลิ่นเพศรสหอมหวานหล่อหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวเมื่อสองร่างพัวพันกันอย่างหฤหรรษ์ สนขับเคลื่อนจังหวะร้อนรัก ล้ำลึกตอกตรึงเข้าหาไม่เว้นวาง
“รางวัลของฉัน เธอถูกใจหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามในขณะที่เธอส่ายหน้าไปมา
“ไม่ตอบแสดงว่า...” เขาไม่ได้พูดต่อ แต่ขยับกายซ้ำๆ เป็นจังหวะกระชั้นถี่ขึ้น นราวดีส่ายหน้าไปมาด้วยความเสียว จนผมนุ่มสลวยกระจายไปทางเบื้องหลัง บางครั้งเธอก็เผลองับต้นคอของเขาเพื่อระบายอารมณ์กระสันซ่าน เขาบรรเลงเพลงรัก พาเธอไปสู่ดินแดนสุขาวดีอย่างรุนแรง
สองร่างซุกซบเข้าหากันบนโขดหิน อยู่ท่ามกลางสายน้ำและกลิ่นไอแห่งเปลวเพลงพิศวาส...
นราวดีนั่งมองคนใจร้ายทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เธอไม่ได้เห็นสภาพของปลาดุกตัวนั้นหรอกว่าตายยังไง เห็นอีกทีเขาก็นำมาย่างสุกเรียบร้อยแล้ว เธอนั่งมองแต่ไม่กล้ากิน รู้สึกพะอืดพะอมชอบกลอยู่ แต่ก็ไม่แสดงให้เขาเห็น
“ทำไมไม่กินล่ะ” เขาเอ่ยถาม นราวดีเม้มปากเข้าหากัน รู้ดีว่าเขากำลังแกล้ง
“ฉันไม่ค่อยหิวค่ะ”
“ไม่หิวหรืออยากกินปลาดุกกันแน่”
“ฉันไม่กินหรอก ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต”
“จะกินเจว่างั้น” เขามองคนดื้อดึง
“ฉันจะไปนอนแล้ว” เธอทำท่าจะลุกแต่เขาดึงมือเอาไว้
“เสียมารยาท ผัวยังกินข้าวไม่เสร็จ” เธออ้าปากค้าง
“พูดจาหยาบคาย”
“พูดเรื่องจริงนี่แหละ ไม่งั้นจะมีไอ้ตัวเล็กอยู่ในนั่นหรือไง” เขาชี้ที่หน้าท้องของเธอ นราวดีกุมท้องกอดเอาไว้อย่างหวงๆ เขามองท่าทีเธอแล้วรู้สึกสับสนในความรู้สึก
“อยากจะกินก็กินเถอะ เดี๋ยวลูกหิว ไม่ได้ใจร้ายจะให้กินเกลือจริงๆ หรอก” เขาหยิบปลาให้เธอ
“ฉันไม่อยากกินจริงๆ” เธอปิดจมูกเมินหน้าหนี
“บอกว่าไม่ต้องรักษาฟอร์มยังไงล่ะ ปลามันเป็นอาหารของมนุษย์ จะกินปลาก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอก”
“ฉันบอกว่าไม่หิวยังไงล่ะ”
“กินสิ อย่าเรื่องมากนักเลย ถ้าไม่กินให้นอนหิวทั้งคืนนะ” เขาตักปลากับข้าวสวยยื่นไปที่ปากของเธอ
“ไม่กิน” เธอปัดออก
“เป็นอะไรของเธอ” เขาพูดอย่างโมโห
“บอกว่าไม่กินยังไงล่ะ อุ๊บ แหวะ!” นราวดีอ้วกใส่เขาเต็มๆ
“เฮ้ย!”
“บอกว่าไม่กินยังไงล่ะ เหม็นคาวจะตายไป” เธอว่าให้ ก่อนจะวิ่งไปอาเจียนหมดไส้หมดพุง สนนั่งมองอ้วกของเธอเต็มหน้าตักของเขาและจานอาหาร รู้สึกหมดความหิวไปโดยปริยาย เขาอยากจะใจร้ายกับเธอนัก แต่เท้าก็ดื้อรั้นเหลือเกิน เดินไปลูบหลังให้เธอเบาๆ
“ไม่ต้องมายุ่ง”
“อย่าเรื่องมากนักได้ไหม”
“คุณไปกินต่อเถอะ” ถึงปากจะไล่แต่ก็รับน้ำจากมือของเขามาบ้วนปาก
“อยากกินอะไรล่ะ” เขานั่งลงใกล้ๆ เอ่ยถามเธอเสียงอ่อนลง
“ถ้าบอกแล้วจะทำให้กินเหรอ”
“บอกมาก่อนสิ”
“ไม่ใช่ข้าวกับเกลือนะ แต่คุณต้องไปทำให้ฉันกิน”
“ทำไมไม่รู้จักทำกินเอง” เขาบ่น แต่ไม่จริงจังนัก
“งั้นก็ไม่ต้องถาม” เธอเมินหน้าหนี ก่อนที่ท้องจะร้องประท้วง เธอหน้าแดงด้วยความอาย กุมหน้าท้องของตัวเองเอาไว้
“หิวขนาดนี้ยังจะอวดเก่ง อยากกินอะไรล่ะ” เขาถามย้ำอีกครั้ง นราวดีทำปากยื่นใส่เขาเล็กน้อย ก่อนจะบอกสิ่งที่อยากกินออกไป
ไม่ได้คาดหวังเลยว่าเขาจะจัดหาให้...