3

1670 Words
หญิงสาวกินข้าวผัดเอาแรงอีกครั้ง คิดว่าถ้าเขาเข้ามาอีกรอบ เธอน่าจะหลบอยู่ข้างประตู หาอะไรเหมาะๆ มือตีหัวเขาตอนเขาเข้ามาและหนีไป แต่ในห้องไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย เธอมองจานข้าวของตัวเอง มันเป็นจานกระเบื้องและหนักอยู่เหมือนกัน ถ้าทุบหัวเขาแรงๆ ฟาดไปเต็มๆ เขาต้องเสียหลักและเธออาจจะหนีได้ นราวดีจัดการกับอาหารตรงหน้าจนหมด แล้วคิดทบทวนแผนการของตัวเอง มันอาจจะมีโอกาสรอดเหลือน้อย แต่ก็ต้องเสี่ยง เวลาผ่านไป ความรู้สึกแปลกๆ เริ่มเกิดขึ้นกับตัวเอง เธอหอบหายใจหนักๆ ร่างกายร้อนรุ่มไปหมด อาการเหมือนเมื่อวานไม่มีผิด พลันสายตาก็มองจานข้าวผัดที่เพิ่งทานไปเมื่อครู่ หรือว่าเขาจะใส่อะไรลงไปในข้าวผัดและน้ำให้เธอดื่ม!!! เสียงครวญครางที่ดังอย่างต่อเนื่องบ่งบอกถึงความร้อนแรงของบทรัก นราวดีอยากผลักไสเขาในคราแรก แต่ต้านทานแรงอารมณ์ไม่ไหว เสียงเตียงและเสียงกระแทกกระทั้นบ่งบอกถึงความเร่าร้อนที่คนร่วมเตียงมีต่อกัน เธอเกลียดสัมผัสของผู้ชายคนนี้จับใจในเวลาที่เขาห่างหายไปแล้ว แต่ตอนที่ร่วมเรียงเคียงหมอนด้วยกันเธอกลับปรารถนาสัมผัสของเขาอย่างไม่น่าให้อภัย เขาฝังกายเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะจากไปด้วยความรู้สึกที่ทำให้เธอชอกช้ำเหลือแสน นราวดีคิดจะหนีหลายครั้งแต่หนีไปไหนไม่รอด เพราะห้องแคบๆ ที่กักขังเธอเอาไว้ถูกปิดกั้นทุกหนทาง นราวดีจำต้องกินอาหารที่เขานำมาให้อยากหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเคยแสดงฤทธิ์เดชไม่กิน และเธอก็แทบนอนจมเตียงเมื่อเขาหักหาญเอาแต่ใจ การมีชีวิตรอดจึงเป็นอีกหนทางที่เธอคิดว่าอาจจะยังมีหวัง การประท้วงด้วยการอดข้าวอดน้ำจึงไม่ใช่วิธีที่ดีสำหรับผู้ชายใจร้ายคนนี้ คนที่เธอไม่เคยรู้จักสักนิดว่าเขาคือใคร จับเธอมาทำไม ทุกวันเขามักเข้ามาตักตวงหาความสุขจากร่างกายของเธอ และออกไปเมื่อพึงพอใจแล้ว ทิ้งร่องรอยบอบช้ำเอาไว้ให้เธอทุกคืนวัน เธอพยายามถามเขาหลายครั้งว่าเขาคือใคร แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบ ความเฉยชาและบทรักอันเร่าร้อน ซึ่งทำให้เธอผวาหวาดกลัวหรือไม่ก็หลีกหนีแต่หนีไม่พ้น รสจูบของเขาไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกซาบซ่านอย่างเช่นในนิยายที่เคยอ่าน บทรักของเขากระแทกกระทั้นเอาแต่ใจ เธอเกลียดตัวเองที่หนีไปไหนไม่รอด และไม่มีแรงกายแรงใจสู้เขา สุดท้ายก็นั่งกอดเข่าเจ่าจุกอยู่ในห้องแคบๆ ที่ถูกกักขัง นราวดีนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย อิสรภาพของคนเราเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด ตั้งแต่เล็กจนโตอิสรภาพของเธอนั้นถูกจองจำไปกับคนรอบข้างไม่แม้แต่คนแปลกหน้าที่คอยจ้องจะจองจำเธออยู่เช่นกัน เธอสังเกตเห็นชายหนุ่มที่จับตัวเธอมา ตอนที่เขาเข้ามาเดินป้วนเปี้ยนอยู่ในห้องเล็กๆ แคบๆ เธอเกร็งขึ้นมาทันทีเมื่อเขาหันมา ก่อนจะหันกลับไปจัดการอะไรของเขาสักอย่าง ซึ่งเธอเห็นว่าเขากำลังจัดเรียงเทียนไขในกล่องให้เป็นระเบียบ ปากก็อยากเอ่ยถามไปว่าเขานำเทียนไขมาทำไม แต่เธอไม่กล้าพอที่จะพูดกับเขา ผู้ชายเย็นชาที่มองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า เขาเหมือนคนไร้ความรู้สึก เขาไม่ได้รุนแรงทำร้ายเธอจนบาดเจ็บหรือปางตายแต่ก็ย่ำยีเธอเหมือนผู้หญิงไร้ค่าคนหนึ่ง “น้ำมันตะเกียงหมด” น่าแปลกที่วันนี้เขาพูดกับเธอด้วย ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้เอ่ยถาม แล้วเขาก็หันไปจัดการกับเสื้อผ้าในตู้ “หิวหรือยัง?” วันนี้เขาถามเธออีกด้วยน้ำเสียงไม่ได้ดุดันเหมือนก่อน นราวดีกลัวเขาเลยรีบส่ายหน้าไปมา เขาไม่พูดอะไร หายออกไปพักใหญ่ ก่อนเอาอาหารกลับเข้ามาให้ เธอมองมันอย่างหิวโหย ในใจมักคิดไปว่าเขาอาจจะใส่อะไรลงไปแต่เธอไม่เคยมีอาการแปลกๆ เหมือนดั่งสองครั้งแรกนานแล้ว “ไม่มีอะไรหรอก” เขาพูดเหมือนอ่านใจเธอออก นราวดีเม้มปากแน่นไม่ได้โต้เถียงหรือแสดงฤทธิ์เดชเหมือนตอนแรกๆ ที่ถูกเขาจับมา “ตอนแรกๆ อาจจะยังไม่ชินก็ต้องให้สมยอมกันก่อน หลังๆ ชินแล้ว เสียวอย่างเดียว ความเจ็บไม่มี” เขาก้มลงมากระซิบที่ริมหู เธอหน้าแดง มองเขาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ เขามองเธออย่างเยาะหยัน และไม่พูดอะไรอีก นราวดีมองตามแผ่นหลังกว้างของเขาที่เดินออกไปจากห้องอย่างแค้นใจ เธอเคยคิดวิตกกังวลถึงขนาดกลัวเขาใส่สารเสพติดลงไปหรือยาอะไรสักอย่างที่ค่อยๆ ฆ่าเธอให้ตายอย่างเลือดเย็น แต่เพราะความหิวทำให้เธอทนไม่ไหว คิดว่ายังไงก็ต้องตายอยู่แล้ว อย่าตายแบบอดอยากเลย เธอเลยกินทุกอย่างที่เขายกมาให้กิน ซึ่งคราแรกเขาไม่พอใจที่เธอไม่แตะต้องอาหารของเขา แต่หลังๆ กลายเป็นเขางุนงงที่เธอทานทุกอย่างเกลี้ยงหมดทุกจาน อาหารที่เขายกมาให้เป็นอาหารง่ายๆ แต่รสชาตินั้นอร่อยนัก บางวันเป็นแค่ข้าวไข่เจียวร้อนๆ มันก็แปลกออกไป เธอเคยหิวและไม่ได้กินอะไรตอนอยู่บ้านของป้าใจร้าย พี่สาวของบิดาที่ใช้งานเธอเยี่ยงทาส แม้ภายนอกจะดูเป็นคนใจดีแถมยังดูร่ำรวย แต่เนื้อแท้นั้นป้าของเธอมีเบื้องหลังที่แสนโสมม และมักพาผู้ชายมานอนด้วยทุกวันแทบไม่ซ้ำหน้า ป้าของเธอเปลี่ยนคู่นอนหรือแฟนใหม่ไม่ซ้ำหน้า ผู้ชายพวกนั้นน่ากลัวพอๆ กับป้าของเธอ พวกเขาดูกักขฬะหื่นกามและมักมองเธอด้วยสายตาที่ทำให้เธอร้อนๆ หนาวๆ การกลับมาประเทศไทยนั้นเป็นอะไรที่เธอตัดสินใจอยู่นานเพราะกลัวเหลือเกินว่าบิดาจะโกรธ แต่ยังไม่มีโอกาส เพราะป้าของเธอไม่ยอมปล่อยเธอไปไหนง่ายๆ จนมีเรื่องเกิดขึ้นนั่นแหละ ท่านถึงไล่เธอให้ไปตายซะ เธอจึงได้กลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง แต่กลับมาแล้วก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ โดนใครก็ไม่รู้จับมาปู้ยี้ปู้ยำรังแกกักขังหน่วงเหนี่ยว “คุณจับฉันมาทำไมเหรอคะ” เงียบไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่เดินไปเดินมาอยู่ในห้องอีกครั้ง เขาหายออกไปพักหนึ่ง ก่อนจะกลับมาพร้อมข้าวผัดหอมกรุ่น เธอเหล่มองจานข้าว เขาเลื่อนมาข้างหน้า เป็นข้าวผัดหมูใส่ไข่และผัดคะน้ากรอบๆ หอมๆ เขาไม่ได้พูดอะไรมากมายแต่เดินออกไปจากห้อง เธอมองแล้วทำหน้าเซ็ง ก่อนจะมองข้าวผัดตรงหน้าด้วยความหิว ทุกครั้งที่พยายามคิดว่าจะไม่แตะต้องอาหารของเขา แต่เธอก็อดใจไม่ไหวเพราะความหิวที่มีมากมาย บวกกับเป็นโรคกระเพาะอาหารมาก่อนทำให้ทนไม่ไหวเมื่อต้องอดอาหารและมีอาการปวดท้อง คนที่เคยเป็นโรคกระเพาะอาหารจะรู้ดีว่าทรมานแค่ไหน สุดท้ายข้าวผัดจานนั้นก็หมดเกลี้ยงลงในพริบตา พอหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน เธอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็รู้สึกมึนๆ เลยเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ เป็นอะไรที่คุ้นเคยและต้องทำบ่อยๆ พออาบน้ำเสร็จออกมานั่งๆ นอนๆ ยืนๆ หาทางออกจากห้องเมื่อหาไม่เจอก็ท้อแท้กลับไปทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง เป็นแบบนี้ทุกวันจนเธอเริ่มหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต อยู่ไปวันๆ หวังว่าคนที่จับตัวเธอมาจะปล่อยเธอไป เมื่อยามดึกมาถึงสัมผัสแปลกใหม่ที่แสนคุ้นเคยก็มาเยือนเธออีกครั้ง นราวดีพยายามดิ้นหนีหลายครั้งแต่มันก็ไม่เคยสำเร็จ เธอตกเป็นของเขาคืนแล้วคืนเล่า บทรักของเขาเร่าร้อนและเอาแต่ใจไร้ความอ่อนโยนอ่อนหวานซึ่งทำให้เธอชาชินมากกว่าจะเสียวซ่านกระสันและชื่นชอบ “ปล่อยฉันนะ” นราวดีกรีดร้องอาละวาดในวันหนึ่งเมื่อถูกเขากอด เธอทุบตีดิ้นรนจากอ้อมแขนแข็งแรงของเขา วันนี้เขาก็ดูงุนงงกับอาการของเธอ “เป็นอะไร” “คุณนั่นแหละเป็นอะไร จับฉันมาทำไม” เป็นคำถามที่เธอมักถามแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ เธอคิดว่าสักวันเธอคงได้คำตอบจากมัน ก่อนตายอยากรู้สักนิดว่าถูกจับมาทำแบบนี้ทำไม ทำผิดอะไรนักหนา เธออาละวาดใส่เขาอย่างอัดอั้นตันใจ ดูเหมือนว่าเขาจะลงโทษเธอโดยการกดเธอลงบนเตียง หน้าเธอคะมำไปกับหมอนใบโต สะโพกของเธอถูกดึงให้แอ่นขึ้นไป เขาถลกกระโปรงยาวกรอมเท้าที่เธอสวมอยู่ไปถึงเอวคอด “ปล่อยฉันนะ ฉันไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของคุณนะ” เธอพูดอย่างคับแค้นใจ “เธอท้องเมื่อไหร่ฉันจะปล่อย” เขาพูดอย่างเย็นชา เธอกรีดร้องเมื่อเขาฝังกายเข้ามาอย่างหนักหน่วงไร้ความปรานี เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นดิ้นรนแต่หนีไม่พ้นโดนเขากระแทกเสียจนจมเตียง สิ้นฤทธิ์ลงในเวลาต่อมา “ออกไปได้แล้ว” เธอบอกตัวเองว่าเกลียดเขาจับใจหลังจากที่เขาคำรามลั่นเมื่อปลดปล่อยภายในกายเธอจนหมดสิ้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD