พลอยพัตรา 1.3

1889 Words
“ทำไมหาตัวมันยากจังนะ เปลี่ยนนักสืบดีไหมเผื่อมีความคืบหน้า” จิรวรรณไม่คิดว่า การตามหาคนคนหนึ่งจะยากเย็นขนาดนี้ ผ่านมาสองปีเรื่องไม่คืบหน้าเอาเสียเลย “นักสืบบอกว่า เขาเช็คข้อมูลประกันสังคมก็ไม่เจอ เพราะถ้ามีก็เป็นเรื่องง่าย อย่างน้อยก็ได้รู้ว่ามันทำงานที่ไหน จะหวังพึ่งข้อมูลทะเบียนราษฎร์ก็ไม่ได้ เพราะข้อมูลของมันก็คือบ้านของเรา นักสืบก็เลยต้องหาวิธีอื่น ตามหาจากเพื่อนของมันหรือจากญาติของเรา เผื่อมันจะติดต่อมา แต่สุดท้ายก็ยังหาไม่เจอ” พลอยพัตราบอกมารดาตามที่นักสืบรายงาน “แม่อยากรู้จังว่า มันจะเอาเด็กออกหรือเปล่า” “คงเอาออกแหละคะคุณแม่ จะเอาไว้ให้ตัวเองลำบากทำไม ตอนคุณพ่อไล่มันออกจากบ้าน คุณพ่อไม่ให้อะไรมันเลย ระงับบัตรเครดิตทุกใบ เงินในบัญชีของมันคุณพ่อก็อายัดทั้งหมด มันไปแต่ตัวนะคะคุณแม่ จะเพิ่มภาระให้ตัวเองทำไม” “อืมจริงด้วย” คนเป็นแม่เห็นด้วย “เราต้องตามหาตัวมันให้เจอนะแล้วจัดการมัน ไม่งั้นในอนาคตมันอาจทำความยุ่งยากให้กับเรา เราต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ลูกของแม่จะต้องได้ทรัพย์สมบัติของคุณพ่อคนเดียวเท่านั้น” จิรวรรณไม่ใช่มารดาของชมพลอย นางเป็นแม่เลี้ยงที่ภายนอกรักใคร่และเป็นห่วงชมพลอยหนักหนา ร้องห่มร้องไห้ตอนที่อัยการขับไล่ชมพลอยออกจากบ้าน พูดกับสามีให้เลิกล้มความตั้งใจ แสดงละครได้อย่างแนบเนียน ทว่าในใจตรงกันข้าม แน่นอนว่าการตามหาชมพลอยไม่ใช่เพราะเป็นห่วง นางห่วงตัวเองกับลูกสาวมากกว่า เพราะหากวันหนึ่งวันใดอัยการเกิดเปลี่ยนใจให้ชมพลอยกลับเข้ามาในบ้าน นั่นหมายความว่า ชมพลอยมีสิทธิ์ในสมบัติของอัยการ นางไม่มีวันยอมให้สมบัติตกเป็นของชมพลอย ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นของพลอยพัตราคนเดียว อีกทั้งยังมีอีกเหตุผลหนึ่งซุกซ่อนอยู่ เป็นความลับที่นางไม่เปิดเผยให้ใครรู้ “ค่ะ ทุกอย่างต้องเป็นของแพทคนเดียว” ภายใต้ใบหน้าสวยหรูดูแพง พลอยพัตราซุกซ่อนความร้ายกาจไว้จนมิด แม้แต่พ่อบังเกิดเกล้ายังไม่ระแคะระคาย เชื่อทุกคำพูดของเธอ “ลองดูอีกสักเดือน ถ้ายังไม่มีความคืบหน้ายังไง แพทจะเปลี่ยนนักสืบค่ะ” “ดีลูก ถ้าตามหาตัวมันเจอ แม่จะได้จัดการแผนขั้นต่อไป เอาให้มันหายไปจากชีวิตเราเป็นการถาวรไปเลย เราจะได้สบายใจด้วยว่า ไม่มีใครแบ่งสมบัติของลูกแม่” ความโลภเป็นเหตุผลหลักที่สองแม่ลูกคิดชั่ว โดยเฉพาะพลอยพัตรา เพราะถึงอย่างไรเสียชมพลอยก็เป็นพี่สาวของเธอ แต่อย่างว่า...ความโลภกับความริษยาไม่เข้าใครออกใคร แม้แต่คนในครอบครัวก็ไม่เว้น “ค่ะคุณแม่” “พรุ่งนี้ตอนเย็นมีนัดหรือเปล่าลูก” “ตอนเย็นไม่มีค่ะ มีตอนสองทุ่มครึ่ง นัดกับอรที่ผับค่ะ” “ถ้างั้นไปกินข้าวบ้านลุงโมทย์นะลูก ลุงโมทย์บ่นคิดถึง แพทไม่ได้ไปหาลุงโมทย์เดือนกว่าแล้ว บ่นอุบเลยว่าเมื่อไหร่แพทจะมา จะได้ทำของโปรดให้กิน” โมทย์หรือปราโมทย์ พี่ชายจิรวรรณ ปราโมทย์รักหลานสาวมาก ตามใจทุกอย่าง ที่สำคัญหากสองแม่ลูกไปที่บ้านก็มักทำของอร่อย ของที่ทั้งสองชอบกินทุกครั้ง “ได้ค่ะ คิดถึงลุงโมทย์เหมือนกัน” “จ้ะ แม่จะได้โทรบอกลุงโมทย์ให้เตรียมตัว” จิรวรรณบอกลูกสาว “ใกล้เวลาเลิกงานแล้ว แม่กลับบ้านพร้อมแพทเลยนะ” พลอยพัตราพยักหน้าและยิ้มให้มารดา ก่อนจัดการตรวจดูเอกสารบนโต๊ะ และทำงานต่อราวครึ่งชั่วโมง สองแม่ลูกได้เดินทางกลับบ้านพร้อมกัน   ภาวิตหอบความรัก ความคิดถึงกระบุงใหญ่มาให้ชมพลอย หญิงสาวที่ตนหลงรักและตามจีบมานานกว่าหกเดือน รถยนต์คันหรูมาหยุดจอดตรงต้นไม้ใหญ่ริมถนน ห่างจากบ้านของชมพลอยราวสิบเมตร เมื่อก้าวลงจากรถพร้อมของฝากหลายถุง เสียงกริ่งดังขึ้นในบ้าน เจ้าของบ้านรีบนำเสื้อที่เพิ่งรีดเสร็จแขวนตรงราว ก่อนเดินออกจากบ้าน ชมพลอยยิ้มเมื่อเห็นว่า ใครคือคนกดกริ่ง “คุณภามกลับมาแล้วหรือคะ” ปากถามมือก็เปิดประตูให้ภาวิตเข้ามาในบ้าน “กลับมาเมื่อคืนครับ อยากมาหาเกรซตั้งแต่เมื่อคืน แต่คิดว่ามาเกรซก็คงหลับแล้วเลยไม่อยากกวน วันนี้ผมก็เลยต้องรีบมาหาคุณ ผมคิดถึงคุณนะเกรซ คิดถึงมากๆ เลย” ภาวิตพูดจากใจ คนฟังยิ้ม ชมพลอยดีใจที่มีเขารักและคิดถึงตน ทว่าเธอปิดกั้นตัวเองกับผู้ชายทุกคนเพราะกลัวว่าจะผิดหวังซ้ำรอยเดิม และอาจทำให้เธอขาดสติเช่นรักครั้งแรก ชมพลอยตั้งมั่นและตั้งใจไว้ว่า จะขออยู่กับลูกสาวไปตลอดชีวิต แม้ว่าภาวิตจะดีและรักตนมากแค่ไหนก็ตาม “นี่ครับ ของฝากสำหรับเกรซและน้องแก้ม” ก่อนส่งถุงในมือให้ชมพลอยที่รับไว้อย่างเกรงใจ ใบหน้าสาวตกใจเมื่อเห็นว่า ของในถุงนั้นคืออะไร สุดท้ายภาวิตก็ซื้อมาให้อลิสสาจนได้ “ขอบคุณค่ะสำหรับของฝาก แต่ของน้องแก้มนี่แพงไปนะคะแล้วก็ซื้อมาหลายตัวด้วย อย่างนี้แกจะได้ใจ” ชมพลอยสอนให้ลูกสาวใช้เงินอย่างประหยัด เห็นคุณค่าของเงิน อยากได้อะไรต้องเก็บเงินซื้อ ไม่ใช่ว่าร้องอยากได้แล้วก็ได้ “นิดหน่อยเองเกรซ คิดอย่างนี้ก็ได้นะว่า อีกตัวผมซื้อมาฝาก อาทิตย์หน้าก็วันเกิดน้องเกรซพอดี ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้าให้น้องแก้มก็ได้นะ” ภาวิตหาทางไปจนได้ “แล้วหวังว่าวันนั้นคงไม่มีของขวัญวันเกิดชิ้นใหม่ให้น้องแก้มนะคะ” ชมพลอยดักคอ “ถ้าผมไม่ลืมนะว่า ผมซื้อของขวัญวันเกิดให้น้องแก้มแล้ว แต่ถ้าลืมเกรซก็อย่าผมล่ะกันที่ซื้อของขวัญมาให้ซ้ำ” คุณแม่ลูกหนึ่ฃส่ายหน้า ไม่พูดอะไร เดินคู่เขาเข้าไปในบ้าน “คุณภามนั่งก่อนนะคะ เมื่อเช้านี้เกรซทำน้ำแครอทแช่เย็นไว้ เกรชจะเอามาให้คุณดื่มค่ะ” ชมพลอยต้อนรับเขาอย่างดี เดินเข้าไปในครัวเพื่อหาเครื่องดื่มเย็นๆ ขณะนั้นอลิสสาเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน เด็กหญิงยิ้มให้ภาวิต คุณอาใจดี ไม่เพียงแค่ยิ้มยังโผกอดอย่างสนิทสนม “สวัสดีค่ะคุณอาภาม” อลิสสาทักทาย หอมแก้ภาวิต “คิดถึงคุณอาภามจังค่ะ” “อาก็คิดถึงน้องแก้มครับ” ภาวิตเอ็นดูอลิสสามาก ครั้งแรกที่เขาเห็นหนูน้อย เขารู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเด็กหญิงมาก โดยเฉพาะนัยน์ตาใสซื่อช่างคล้ายกับใครคนหนึ่งเหลือเกิน ราวกับว่าเขาเห็นนัยน์ตาลักษณะนี้ทุกวัน แต่ก็นึกไม่ออกว่า ใครคนหนึ่งที่ว่านี้คือใคร เหมือนจะนึกออกแต่ก็นึกไม่ออกอย่างไรอย่างนั้น ภาวิตอุ้มอลิสสาขึ้นมานั่งบนตัก หอมแก้มหนูน้อยทั้งสองข้าง “อาซื้อของฝากมาให้น้องแก้มด้วยนะ ตุ๊กตาที่หนูแก้มบ่นอยากได้ไงลูก อาซื้อมาให้ตั้งสามตัว” “จริงหรือคะ” อลิสสาทำหน้าดีใจ รอยยิ้มกระจ่างเต็มดวงหน้าน่ารัก “นี่ไงครับ อาหยิบให้ดูนะ” ภาวิตหยิบถุงที่ใส่ตุ๊กตาบาร์บี้ขนาดสี่สิบเซนติเมตรสองตัว กับอีกตัวหนึ่งขนาดหกสิบเซนติเมตรออกมาจากถุง เอามาวางไว้ตรงโต๊ะให้อลิสสาเห็นของที่ตั้งใจซื้อมาให้ คนเห็นของฝากตาโต ยิ้มแก้มแทบแตก ใบหน้าเกลื่อนไปด้วยความดีใจแบบสุดๆ “โอ้โห...สามตัวจริงๆ ด้วย” เด็กหญิงเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ขอบคุณคุณอาภามมากค่ะที่ซื้อตุ๊กตาให้น้องแก้ม น้องแก้มหอมแก้มคุณอาภามเป็นการตอบแทนนะคะ” อลิสสาช่างพูด หอมแก้มภาวิตทั้งสองข้าง ภาวิตขยี้หัวอลิสสาเบาๆ อย่างเอ็นดู เด็กหญิงคนนี้นอกจากจะหน้าตาน่ารักและมีความสวยตั้งแต่เด็ก หนูน้อยยังช่างพูด ช่างเจรจา พูดจาไพเราะตามคำสอนของชมพลอย และมีความฉลาด อลิสสาจึงได้รับความรักและความเอ็นดูจากคนรอบข้าง หนึ่งในนั้นคือภาวิตที่รักทั้งแม่และลูก “คุณแม่ขา คุณอาภามซื้อตุ๊กตามาฝากน้องแก้มค่ะ น่ารักมั้ยคะ” คนเป็นลูกอวดแม่ “ขอบคุณคุณอาภามหรือยังคะน้องแก้ม” ชมพลอยถามลูกสาว “ขอบคุณแล้วค่ะ หอมแก้มทั้งสองข้างด้วยค่ะ” หนูน้อยตอบ “แม่จะหอมแก้มผมอีกคนก็ได้นะ ให้รางวัลที่ซื้อของมาฝาก” ภาวิตได้ทีพูดทีเล่นทีจริง “ตอบแทนเป็นอาหารเย็นดีกว่าค่ะ เย็นนี้เอ็กซ์กับพู่จะมากินข้าวด้วย เกรซจะทำแกงเขียวหวานไก่ของโปรดคุณดีไหมคะ” “ดีครับ ผมจะกินให้ท้องแตกเลย” ภาวิตยิ้มกว้าง “ตอนนี้สิบโมงกว่ากว่าจะถึงมื้อเย็นผมคงหิวจนไส้ขาดแน่ๆ เอาอย่างนี้ดีไหมผมเลี้ยงข้าวเกรซกับน้องแก้ม แถมดูหนังอีกหนึ่งรอบ ผมดูโปรแกรมหนังแล้วมีการ์ตูนเข้ามาพอดี จากนั้นก็ไปซื้อของที่ซุปเปอร์เผื่อเกรซขอยากได้อะไรเพิ่ม แล้วค่อยกลับมาทำกับข้าวดีไหม” ชมพลอยยังไม่ตอบ ภาวิตจึงต้องหาผู้ช่วย “น้องแก้มครับ น้องแก้มไปเที่ยวห้างกับอาภามไหม ไปกินข้าวเป็นเพื่อนอาหน่อย อาหิ๊วหิว หิวจนท้องร้องจ๊อกๆ แล้ว ถ้าอาไม่ได้กินข้าว อาคงไส้ขาดแน่ๆ กินเสร็จไปดูการ์ตูนกันต่อ ไปกับอาภามนะครับ” ถ้าลูกไปแม่ก็ต้องไปด้วย นี่คือแผนการของภาวิต “ถ้าน้องแก้มไปกับอาภาม คุณแม่ก็ต้องไปด้วย ถ้าน้องแก้มไม่ไป อาภามก็ไม่ได้กินข้าว” “เดี๋ยวน้องแก้มมานะคะ” อลิสสาลงจากตักภาวิต เด็กหญิงวิ่งไปยังห้องครัวแล้วกลับมาอีกครั้งพร้อมกับกล้วยหนึ่งผล “คุณอาภามกินกล้วยรองท้องก่อนนะคะ ท้องจะได้หายร้องจ๊อกๆ” ภาวิตยิ้มกับความน่ารักและความฉลาดของอลิสสา มือใหญ่รับกล้วยน้ำว้าจากมือน้อยๆ ปอกแล้วกินตามความตั้งใจของคนที่เอามาให้ “คุณแม่ขา ไปกินข้าวกับคุณอาภามนะคะ เดี๋ยวคุณอาภามไส้ขาด” อลิสสาหันมาพูดกับมารดาที่ยิ้มกับความฉลาดของลูกสาว “ไปค่ะ แม่ไปหยิบกระเป๋าก่อนนะคะ” ภาวิตปูทางมาแบบนี้ แถมมีผู้ช่วย ชมพลอยก็ไม่ขัดใจ ภาวิตยิ้มหอมแก้มอลิสสา ผู้ช่วยมือหนึ่ง ไม่ถึงห้านาทีต่อมา ทั้งสามเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางเมือง สถานที่ที่ภาวิตพาสองแม่ลูกไปกินข้าวและดูภาพยนตร์  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD