“แต่ฉันอยากให้สิ่งนั้นกับรัญตาด้วยตัวเอง ไม่ใช่จากพวกจิรายุทธ” น้ำเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย
“ผมไม่ใช่จิรายุทธ ผมคือ เดอ กราเซียร์” เขาย้ำถึงนามสกุลของตัวเอง
น้าสาวของรัญตาพ่นลมหายใจออกมาอย่างสุดจะทน แมคโลริคช่างเป็นบุรุษที่ยั่วโทสะได้ดีแท้
“มันก็คล้ายๆ กันนั่นแหละ ยังไงคุณก็เป็นน้องชายเขา” เธอหมายถึงท่านติภพ บิดาของหลานสาว
“แต่คุณก็กำลังจะยืมเงินของผมนะ”
เขาเตือนหล่อนในสิ่งที่หล่อนทำเป็นลืม
“ก็ใช่ แต่ฉันขอยืมไม่ได้ขอฟรี ถ้าคุณจะ...เอ่อ...ถ้าคุณจะเห็นแก่เรื่องเมื่อสองสามวันก่อน ที่ฉันไม่ได้เรียกร้องอะไร ฉันจะถือว่าคุณเป็นคนที่มีน้ำใจมาก” กล้ำกลืนเอ่ยถึงเรื่องวันนั้น รู้สึกว่ายางอายบนใบหน้าหนาขึ้นเป็นนิ้วยามเอ่ยถึงเรื่องดังกล่าว
แมคโลริคยิ้มร้ายเจ้าเล่ห์ ฟันขาวเป็นมุกเรียงกันได้รูปรับกับริมฝีปากหยักคมอย่างพอเหมาะพอดี
“คุณไม่มีสิทธิ์เรียกร้องต่างหากคุณน้า คุณไม่ได้ถูกผมข่มขืนนะ ผมแค่ฝากรอยจูบตอบแทนบางสิ่งที่คุณทำหกใส่ผ้าปูเตียงผมก็เท่านั้น แต่เอาเถอะ ในเมื่อคุณกล้ามาที่นี่ ผมก็จะช่วยคุณก็แล้วกัน” เอ่ยพร้อมกลั้วหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก ความจริงเขาแค่อยากแกล้งคนปากเก่งอย่างพิชฎาเท่านั้น รู้ดีว่านาทีต่อมาหล่อนต้องลุกมาแวดๆ ใส่หน้าเขา
ความเงียบงันบังเกิดขึ้นในนาทีต่อมา พิชฎาน้ำตาคลอเบ้า เธอไม่น่ามาให้เขาดูถูกเลย นี่แค่เกินเลยกันภายนอกเขายังกล้าเอามาพูดให้เธอได้อาย ถ้าเกิดเสียตัวให้เขาจริงๆ เขาไม่เหยียบเธอจมดินเลยหรือ
“ฉัน...ไม่น่ามาที่นี่เลย คิดเสียว่าฉันไม่ได้มาและไม่ได้คุยเรื่องนี้ก็แล้วกัน” แข็งใจตอบเขาแล้วลุกพรวดจากเก้าอี้ รีบจนลนลานเพราะไม่อยากให้เขาเห็นน้ำตา ความเข้มแข็งที่พกมาเต็มกระเป๋าดูเหมือนจะละลายไปพร้อมๆ กับคำพูดของบุรุษตรงหน้า
“โอ...ที่รัก ผมขอโทษถ้าทำให้คุณไม่พอใจ” เขาโผไปขวางทาง และมันทำให้เห็นน้ำตาของอีกฝ่าย “คุณร้องไห้? ผมไม่ชอบที่เห็นคุณร้องไห้”
เขาว่าแล้วเช็ดน้ำตาให้หล่อน ทำเอาคนที่ยืนร้องไห้ งงกับการกระทำนี้
“ตกลงว่าคุณเป็นเทพบุตรแสนดีหรือว่าพญามัจจุราชกันแน่แมคโลริค คุณทำให้ฉันเสียใจแต่คุณก็เป็นคนปลอบใจฉัน ฉันไม่สงสัยสักนิดว่าทำไมยัยรัญถึงรักคุณ เอ่อ...ได้โปรดอย่าขวางทาง ฉันจะกลับแล้ว” ว่าแล้วปาดน้ำตาแรงๆ นึกสมเพชตัวเองที่ไม่น่าเอาศักดิ์ศรีมาให้เขาเหยียบย่ำเล่น
“ผมไม่ให้กลับ คืนนี้คุณต้องค้างกับผม”
เขาเอ่ยเสียงหนักแน่น ใบหน้าหล่อเหลาไม่ได้มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อย
พิชฎาเป็นงง ไม่มีทางที่เธอจะทำอย่างนั้น
“ยัยรัญอยู่บ้านคนเดียว ฉันทิ้งหลานไว้ไม่ได้”
เธอแก้ต่าง ร้อนๆ หนาวๆ กับเรือนกายสูงใหญ่ที่ขยับเข้ามาประชิด พยายามบอกตัวเองว่าให้ใจแข็งเข้าไว้ อย่าหลงมัวเมาไปกับอ้อมแขนจอมมัจจุราชเด็ดขาด
“ผมจะสั่งให้คนไปคอยดูความเรียบร้อยรอบบ้านคุณ โดยที่รัญตาจะไม่มีวันรู้ ส่วนคุณ มีหน้าที่โทรไปบอกหลานสาวว่ามีธุระมากมายจนทำให้คืนนี้กลับไปนอนบ้านไม่ได้”
แมคโลริคเตรียมการให้พิชฎาเสร็จสรรพ
“ไม่” นักเขียนสาวปฏิเสธ
“ถ้าคุณไม่โทรผมจะโทรไปบอกรัญตาเอง และเธอคงสงสัยไม่น้อยว่าทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่กับผม”
“นี่คุณจะแบล็กเมล์ฉันเหรอ” ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ หยดน้ำตาเมื่อครู่เลือนหายในพริบตา
ชายหนุ่มยิ้มเก๋ ดวงตาคมวาววับอย่างเป็นต่อ
“เปล่านะ ก็แค่อยากอยู่กับคุณเพื่อรำลึกความหลังเมื่อสองสามวันก่อน” ไม่ว่าเปล่าๆ แต่โน้มศีรษะลงเพื่อประทับปลายจมูกโด่งคมกับแก้มบางนุ่มอ่อน
พิชฎาผวาเฮือก พยายามผลักเขาออกแต่ทำได้ยากเย็น ยิ่งดิ้นแรงคนตัวใหญ่ยิ่งรัดแน่นด้วยสองแขนเขา
“หอมจัง”
เขาชมจนคนที่ถูกหอม แก้มแดงแล้วแดงอีก พิชฎาอยากฆ่าตัวเองนักที่ไม่สามารถขัดขืนหรือปฏิเสธ เธอไม่ได้ทำแม้แต่จะกรีดร้องขอความช่วยเหลือ
“ปล่อยฉันนะ!”
“ไม่ปล่อย ถ้าคุณอยู่กับผมคืนนี้ พรุ่งนี้ผมจะเซ็นเช็คให้ตามที่คุณต้องการ”
“แต่ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อขายตัว” เธอโต้กลับ
“ผมก็ไม่ได้ให้คุณขายตัวเพื่อแลกเงิน ผมจะให้คุณยืมต่างหาก ไม่ได้ให้ฟรีๆ ส่วนเรื่องที่เราจะสนุกกันคืนนี้ ผมจะถือว่ามันเป็นดอกเบี้ยก็แล้วกัน”
“คุณนี่มันเจ้าเล่ห์ร้ายกาจที่สุด!” ว่าพลางทุบปึกๆ ลงกับแผงอกแกร่งอย่างไม่รู้จะทำสิ่งใดได้มากกว่านั้น
แมคโลริคจำต้องปล่อยหล่อนออกจากอ้อมแขน
“ขอบคุณที่รัก เอาละนะ ผมว่าเราแยกย้ายกันไปโทรศัพท์ดีกว่า ผมจะโทรหาคนของผมให้เขารีบไปบ้านเช่าหลังนั้น ส่วนคุณก็โทรหาหลานสาวซะ ผมจะได้เชยชมดอกเบี้ยของผมซะที” ว่าพลางกวาดสายตาคมทั่วร่างงาม รอยยิ้มร้ายเจ้าเล่ห์ปรากฏที่มุมปากได้รูปไม่หยุดหย่อน
พิชฎาได้แต่ยืนกำหมัดแน่น เธอคงโทษใครไม่ได้ คงต้องโทษตัวเองที่ดันเดินเข้ามาในอุ้งมือของมัจจุราชร้ายเช่นแมคโลริค
“คุณนี่มัน...ทุเรศที่สุดเลย!”
ด่าเขาด้วยคำด่าที่คิดว่าเจ็บที่สุดแล้วในตอนนี้ สมองมึนๆ ด้วยว่าตัวเองกลับกลายเป็นฝ่ายถูกบีบเสียเอง จะไม่ทำก็ไม่ได้เพราะตอนนี้ความลับระหว่างเขาและเธออาจจะถูกแพร่งพรายไปให้รัญตารู้ เธอไม่น่าหลวมตัวให้เขาได้ใกล้ชิดเลย
บุรุษร่างสูงปลีกตัวไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียง ผู้ช่วยของเขาเพิ่งบินมาจากเมืองจีน เชน คงเหมาะที่จะทำงานนี้
พิชฎาล้วงเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาจากกระเป๋าสะพายเพื่อโทรไปหาหลานสาว เธอเจรจาอยู่พักหนึ่ง รัญตาจึงยอมเข้าใจ และรับปากว่าจะปิดบ้านช่องให้เรียบร้อยและจะเข้านอนทันทีที่วางสาย
“อย่าลืมเปิดมือถือไว้ด้วยนะเผื่อน้าโทรฯ ไป ถ้าพรุ่งนี้คุยเรื่องงานเรียบร้อย น้าจะรีบกลับแต่เช้า”
“ค่ะ น้าฎา อย่าหักโหมมากนะคะ สู้ๆ ค่า”
สาวน้อยเสียงใสตอบกลับมาก่อนจะวางสายไป พิชฎาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอจำต้องแต่งเรื่องโกหกหลานสาวว่าอยู่ปรึกษาเรื่องโปรเจกต์นิยายชุดใหญ่ที่สำนักพิมพ์ อาจจะดึกเลยจะไปนอนบ้านพี่บอกอที่สนิทกัน รัญตาไม่สงสัยเลย ด้วยว่าเธอมักจะมีโปรเจกต์เช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง เพียงแต่ไม่เคยมีครั้งไหนไม่กลับบ้านเท่านั้นเอง
“เรียบร้อยดีไหมจ้ะยาหยี” น้ำเสียงยียวนกวนประสาทดังมาจากระเบียง
พิชฎาค้อนให้ชายหนุ่มวงใหญ่ ใบหน้างามบูดบึ้งในทันที
“เซ็นเช็คให้ฉันก่อน” เธอต่อรอง
แมคโลริคยิ้มเจ้าเล่ห์ เดินเข้าห้องนอนแล้วกลับมาพร้อมกับเช็คหนึ่งใบที่ยังไม่ได้ลงตัวเลข แต่ลงชื่อพิชฎาไว้เรียบร้อย
นักเขียนคนสวยจ้องมองเช็คไม่วางตา รู้สึกเหมือนเป็นนางเอกในนิยายน้ำเน่าที่เขียนเองไม่มีผิด
“อ๊ะๆ อย่าเพิ่งสิคุณน้า ขอมัดจำก่อน”
แมคโลริคแกล้งคนที่เอื้อมมือมาหมายคว้าเอาเช็ค
พิชฎาค้อนขวับ จะเอามัดจำอะไรอีกในเมื่อคืนนี้เธอก็ต้องค้างที่นี่กับเขาอยู่ดี
ชายหนุ่มเอียงแก้มขวาเข้าหาใบหน้าน้อย พิชฎาเลยจำต้องประทับปลายจมูกลงไปอย่างรวดเร็ว
“โอ...ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ แต่ก็ให้อภัยเพราะคาดว่ายังไม่เคยทำแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อน หึๆๆ”
“นี่คุณ!” หญิงสาวทำหน้าบึ้ง เขาล้อเลียนในเรื่องที่เธอไม่อยากจดจำสักนิด
แมคโลริคยิ้มหวาน ยื่นเช็คแผ่นบางส่งให้
“ขอบคุณ แต่แน่ใจนะว่าจะไม่ลงตัวเลขเอง ฉันยืมคุณแค่สองแสนเท่านั้นนะ” เธอหรี่ตาถามอย่างเจ้าเล่ห์ อะไรทำให้แมคโลริคไม่ยอมลงตัวเลขด้วยตัวเอง
ชายหนุ่มยักไหล่ให้ ยิ้มเก๋ที่มุมปากก่อนจะรวบร่างบางมาแนบชิดทั้งที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ยินยอม
“ตามใจคุณสิ ใส่เลขเยอะคุณก็เป็นหนี้เยอะ ผมมีแต่ได้กับได้” เขาว่า
พิชฎายิ้มเหยียด ช่างมั่นใจเหลือเกินนะพ่อคุณ
“โอเค...ได้ แล้วฉัน...เอ่อ...ต้องทำอะไรบ้างล่ะ” ถามด้วยความประหม่า พวงแก้มเนียนเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ ขนลุกเกรียวเมื่อเขาลูบไล้แผ่นหลังเธอด้วยมืออันผ่าวร้อน
“ไม่ต้องทำอะไร แค่...ช่วยชงกาแฟแล้วเอาไปให้ผมในห้องนอน เข้าใจไหมคุณน้า” ว่าแล้วก็ก้มลงจุมพิตเบาๆ ที่ริมฝีปาก
พิชฎางุนงงแต่ก็ไม่ได้เอ่ยท้วง ดีเสียอีกเพราะเธอยังไม่ได้เตรียมใจหากต้องทำกิจกรรมเข้าจังหวะบนเตียงในเวลานี้
บุรุษร่างสูงถอดเสื้อสูทวางพาดบนแขนแล้วเดินเข้าห้อง ก่อนเข้าไปก็ชี้มือไปทางโซนห้องครัวสุดทันสมัย ที่ตั้งอยู่ติดระเบียง
พิชฎาทำตามราวกับทาสรับใช้ เป็นทาสรับใช้มันก็ดีกว่าเป็นโสเภณีบนเตียงละนะ เธอจัดการไปชงกาแฟให้เขา เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติช่วยให้เรื่องนี้ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก ระหว่างที่รอกาแฟ ก็ถือโอกาสสำรวจคอนโดฯ อันแสนโอ่อ่าของเขาไปด้วย