บทที่ 3
ผู้หญิงขัดดอก
นิยายในเมพ อัญล็อกเอาไว้ ไม่สามารถโหลดได้นะคะ อัญจะอัปในเว็บ รีไรท์ใหม่สักรอบแล้วค่อยปล่อยขายอีบุ๊กค่ะ อ่านในเว็บรอไปด่อนนะคะ
รัญตาวางโทรศัพท์น้าสาวอย่างเซ็งๆ ใกล้ถึงเวลาเข้านอนแล้ว แต่เธอยังไม่ง่วงเท่าไหร่ เลยลงมาหาอะไรรับประทานที่ชั้นล่าง ระหว่างที่นั่งแทะขนมปังกรอบกับจิบโกโก้อยู่หน้าจอโทรทัศน์ หางตาก็แลเห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ที่หน้ารั้วบ้าน พอลุกไปดูที่หน้าต่างกระจก เพ่งพิจารณาผ่านต้นมะม่วงสูงใหญ่จึงได้เห็นรถยุโรปคันงามจอดอยู่ไม่ไกลจากหน้ารั้วมากนัก แน่นอนว่าเธอไม่เคยเห็นรถคันนี้มาก่อน
“รถใครนะ” ถามตัวเองอย่างสงสัย แต่สุดท้ายก็ยักไหล่เพราะไม่รู้ว่าเป็นรถของใคร บ้านใกล้เรือนเคียงแถบนี้ก็ไม่ค่อยมี บางทีอาจเป็นรถของแขกจากบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ก่อนบ้านของเธอก็ได้ บ้านนั้นชอบจัดงานปาร์ตี้ รถแขกเหรื่อมักจะล้นลานจอดด้านในจนต้องมาจอดตามรายทางอยู่บ่อยครั้ง
สาวน้อยคนงามยังไม่หายสงสัย เลยเดินออกไปหน้าบ้าน โก่งตัวข้ามรั้วเตี้ยเพื่อจะมองรถคันนั้นฝ่าแสงสลัว เธอพบเพียงความเงียบของรถที่จอดอยู่กับช่อดอกรักที่เอนเบาๆ ตามแรงลม มันพร้อมใจกันแตกดอกออกช่อจนสองข้างทางรกไปหมด เธอเพ่งสายตาไปที่รถคันหรู แต่รู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องมองจากคนที่อยู่ในนั้นมากกว่า
“น่ากลัวจังแฮะ เข้าบ้านดีกว่า” บอกตัวเองแล้ววิ่งแจ้นเข้าบ้าน ในขณะที่คนซึ่งนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถคันดังกล่าว แอบอมยิ้มกับกระจกมองข้างเมื่อเห็นท่าทีของหญิงสาว
“กลัวแล้วยังจะออกมามองนะสาวน้อย หึๆ”
เชน เคิร์ฟ พึมพำกับความเงียบภายในตัวรถ เขาไม่ได้เปิดแอร์เพราะฝนกำลังจะตก อากาศจึงเริ่มเย็น บุรุษหนุ่มตาเล็กเรียวแต่นัยน์ตาสีเดียวกับเจ้านาย ปรับเบาะให้เอนลงเพื่อพักสายตา วันนี้เขาคงไม่ได้นอนเพราะต้องคอยเป็นยามให้สาวน้อยที่อยู่เพียงลำพังในบ้านหลังน้อยนี้ กะเอาไว้ว่าอีกสักครึ่งชั่วโมง ให้เจ้าหล่อนปิดไฟนอน เขาจึงจะออกไปสำรวจความเรียบร้อยสักหนึ่งรอบ เพื่อความปลอดภัยของแฟนสาวเจ้านาย
กว่าสองชั่วโมงแล้วที่พิชฎานั่งมองแมคโลริค เธอเริ่มนั่งหาวบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ในขณะที่เขายังนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ รัวนิ้วบนแป้นคีย์บอร์ดราวกับแฮกเกอร์ผู้ชำนิชำนาญ
“นี่คุณ ถ้าคุณจะทำงาน...งั้นฉันกลับแล้วนะ ฉันง่วง” บอกโดยไม่ได้คิดอะไร แต่เขากลับคิดเป็นอื่น
“โอ๊ะโอ...วันนี้คึกหรือคุณนักเขียน แต่เสียใจด้วยนะวันนี้ผมงานยุ่งมาก ยังไม่อยากเล่นจ้ำจี้กับคุณตอนนี้หรอก ถ้าคุณง่วงก็โน่นไงเตียง นอนได้เลย แต่ต้องอาบน้ำก่อนนะ ผมชอบหมอนข้างตัวหอมๆ” เขาว่าแล้วหันมายิ้มเก๋ให้หนึ่งที
พิชฎาค้อนฟ้าค้อนลม เธอไม่ได้คึกนะ เธอง่วงต่างหาก
“ฉันไม่ใช่หมอนข้าง!” กระแทกเสียงใส่แล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำ ห้องนอนของแมคโลริคกว้างขวางทีเดียว มีตู้หนังสือวางกั้นระหว่างเตียงกับโต๊ะทำงาน ถัดมาเป็นตู้เสื้อผ้าแบบฝังเข้ากับผนัง ข้างกันเป็นห้องน้ำ เตียงใหญ่ของเขาอยู่ตรงกลางระหว่างชั้นหนังสือกับตู้เสื้อผ้า
เธอได้ยินเสียงหัวเราะของเขาตอนเดินเข้าใกล้ห้องน้ำ แล้วก็นึกออกว่าตัวเองไม่มีผ้าเช็ดตัวและชุดสำหรับเปลี่ยน
“นี่คุณ คือ...ฉันไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน ทำไงดี” เธอถามหน้ายุ่ง เดินไปหาผ้าเช็ดตัวในตู้เสื้อผ้า แล้วกลับมารอคำตอบจากคนที่ยังนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์
เขาหันมามองพิชฎา แววตาเจ้าเล่ห์เหลือร้าย
“ไม่มีก็ไม่ต้องใส่ครับคุณน้า เพราะว่าใส่แล้วก็ต้องถอดอยู่ดี” บอกแล้วยิ้มกริ่ม
พิชฎาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วเดินเข้าห้องน้ำ เธอเปล่าเปลือยใต้ชาวเวอร์เรน ตั้งใจจะอาบให้สะอาดทุกซอกทุกมุม อาบไปหัวใจก็ปวดร้าว เพราะเริ่มทำตัวเหมือนโสเภณีมากเข้าไปทุกนาที
“นี่ฉันใกล้จะเป็นอีตัวมากเข้าไปทุกทีแล้วนะ ทำอะไรสักอย่างสิพิชฎา แกจะได้หลุดรอดจากเขา” พึมพำกับสายน้ำที่กำลังหล่นร่วงบนศีรษะ เส้นผมยาวสลวยเปียกลู่ หยดน้ำอาบไล้ทุกรูขุมขน ยอดทรวงหดตัวเข้าหากันเป็นไตแข็งด้วยความเย็นของหยาดน้ำที่พร่างพรม หยดน้ำตาของนักเขียนสาวไหลรวมกับหยาดน้ำจากชาวเวอร์เรน
พิชฎายืนหลับตานิ่ง ปลดปล่อยความอดสูไปกับสายน้ำ กระทั่งมือแกร่งของใครบางคนเลื่อนมาโอบอุ้มพุ่มทรวง หญิงสาวจึงได้สติ
“มะ...ไม่ ฉันยังอาบน้ำไม่เสร็จ” ประท้วงเมื่อกายแกร่งแห่งชายทาบอยู่ที่บั้นท้ายของเธอ สองมือเขาโอบอุ้มทรวงอกเธอ ฝ่ามือร้อนผ่าวแผ่กระไอตัดกับสายน้ำเย็นที่ไหลริน