เก้าโมงเช้า ณ บริษัท กราเซียร์ ยูเนี่ยนคาร์
รัญตานั่งพิจารณาเอกสารอยู่ที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน เลขาของแมคโลริคมอบหมายงานนี้ให้เธอเพียงงานเดียวตั้งแต่เดินเข้าบริษัทมา เธอเรียกหล่อนว่าพี่พิงค์ พี่พิงค์คอยช่วยสอนงานให้เธอตั้งแต่วันแรกที่มาทำงานที่นี่ เจ้าหล่อนทำงานเก่ง แต่งตัวเก่ง และมีรูปร่างที่เธอยังอิจฉาแม้ว่าอายุจะเลขสี่ปลายๆ แล้ว
“พี่พิงค์คะ วันนี้บอสไม่เข้าบริษัทหรือคะ” หันไปถามเลขาสาวใหญ่ที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ
“ไม่น่าจะเข้าจ้ะ ประชุมบ่ายนี้ก็โทรมาเลื่อนพี่แล้ว บอกว่าติดธุระด่วน”
“เอ้า...ไม่เห็นบอกกันเลยอาแมค” ประโยคนี้เอ่ยกับตัวเองเพียงเบาๆ ทว่าก็ทำให้สาวใหญ่ได้ยิน
“บอกอะไรจ๊ะคนสวย”
“อ่า...เปล่า เปล่าค่ะพี่พิงค์ ถ้างั้นวันนี้รัญขอลาครึ่งวันช่วงบ่ายได้ไหมคะ”
พิงค์นั่งนึกอยู่ชั่วครู่ก็พยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าอนุญาต ความจริงรัญตาไม่มีธุระอะไรหรอก เธอแต่เบื่อๆ เซ็งๆ เท่านั้น ทั้งน้าสาวและแฟนหนุ่มหายไปพร้อมกันเลยทำให้เธออดกังวลไม่ได้ ฝ่ายชายไม่เท่าไหร่ แต่ฝ่ายน้าสาวนี่สิ
แสงไฟสีเขียวสว่างวาบจากหน้าจอโทรศัพท์ที่ใส่ไว้ในกระเป๋าชุดฟอร์ม ทำให้รัญตาขออนุญาตเลขารุ่นพี่ไปเข้าห้องน้ำ เธอจะเปิดเป็นระบบสั่นเสมอเมื่ออยู่ในเวลางาน
“สวัสดีค่ะคุณท่าน” รับโทรศัพท์อย่างดีใจเมื่อเดินเข้าไปในห้องน้ำเรียบร้อย ดีที่ห้องน้ำของชั้นนี้อยู่ห่างจากโต๊ะทำงานของเธอไม่มาก
“สวัสดีจ้ะหนูรัญ วันนี้เลิกงานหนูรัญว่างไหม พอดีคุณเดือนเขาทำข้าวเกรียบปากหม้อสูตรพิเศษ ฉันเลยอยากให้มาลองชิมด้วยกัน”
เสียงทุ้มกังวานอย่างผู้ใหญ่ใจดี ดังเล็ดลอดออกมาจากโทรศัพท์มือถือ รัญตารู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เธอได้พบท่านติภพและภรรยาอยู่บ่อยครั้ง และทุกครั้งก็รู้สึกเหมือนว่าผูกพันกับท่านมานานเหลือเกิน ความจริงเธอต้องเรียกท่านว่าพี่ เพราะท่านเป็นพี่ชายของแฟนเธอ แต่อายุอานามที่มากโขทำให้เธอละอายใจ จึงเรียกท่านและภรรยาของท่านว่าคุณท่านแทน
“โอโฮ...ของโปรดรัญเลยค่ะ แต่คงรอถึงงานเลิกไม่ไหวนะคะ วันนี้รัญลางานครึ่งวันไว้แล้ว ยังไงจะรีบไปตั้งแต่ยังไม่บ่ายดีเลยค่ะ”
“โอ...ดีๆ คุณเดือนคงดีใจที่หนูรัญจะรีบมา แล้ววันนี้นายแมคไม่อยู่รึ หนูรัญถึงได้กล้าเกงานเนี่ย”
“อาแมคแหละตัวดี หายไปไหนก็ไม่รู้ยังไม่เข้าบริษัทเลยค่ะ เจอหน้านะ รัญจะบ่นให้หูชาเลยคอยดู” บ่นพลางทำหน้าบูดหน้าบึ้งใส่กระจกเงาที่อยู่ในห้องน้ำ ราวกับคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามในกระจกไม่ใช่ตัวเองแต่เป็นแมคโลริค
“ใจเย็นๆ นะหนูรัญ นายแมคอาจจะยุ่งกับลูกค้าอยู่ก็ได้จ้า” คนปลายสายปลอบใจพร้อมรอยยิ้มบางๆ ท่านยินดีเสมอเมื่อได้คุยกับบุตรสาวที่รัก
“กลัวจะเป็นลูกค้าสาวๆ สิคะ” เอ่ยทีเล่นทีจริง พลอยทำให้คนปลายสายอมยิ้มไม่หยุด
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงละก็ ฉันจะช่วยหนูรัญเล่นงานนายแมคเอง ดีไหมจ๊ะ”
“ดีค่าคุณท่าน เอาให้นอนหยอดน้ำข้าวต้มเลยนะคะ”
“ฮ่าๆๆ ฉันว่าเราเลิกพูดถึงนายแมคดีกว่า ป่านนี้จามจนจมูกแดงไปแล้ว เอาเป็นว่าฉันจะรอกินมื้อเที่ยงกับหนูรัญนะ รีบมานะจ๊ะ ฉันไปบอกคุณเดือนก่อน”
“ค่า...ขอบคุณมากนะคะ คุณท่านทั้งสองใจดีที่สุดเลย รัญจะรีบไปเลยค่า”
รัญตาร่ำลาท่านติภพอีกสองสามคำ ก่อนจะวางสายแล้วรีบกลับมานั่งยังโต๊ะทำงานของตัวเอง เร่งทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จเพื่อจะได้เกงานตอนบ่ายได้อย่างสบายใจ
รัญตามาถึงบ้านจิรายุทธตอนเกือบบ่ายโมง เธอนั่งแท็กซี่มาจอดที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ท่านติภพและภรรยารอต้อนรับอยู่หน้าบ้านอย่างออกนอกหน้า
“มาแล้วๆ ยัยหนูมาแล้วค่ะคุณ” เดือนเด่นบอกสามี ใบหน้างามมีรอยยิ้มแต้มแต่งวงหน้า เธอแต่งงานกับติภพมานานแต่ไม่มีบุตรด้วยกัน รัญตาจึงเป็นเหมือนเทพธิดาตัวน้อยสำหรับเธอและสามีเลยก็ว่าได้ ทุกครั้งที่รัญตามาที่นี่ ก็เหมือนว่าสาวน้อยได้ทำให้บ้านหลังนี้สมบูรณ์แบบ บ้านที่เป็นบ้าน มีพ่อแม่และลูกสาว
“สวัสดีค่ะคุณท่าน”
รัญตายกมือไหว้สองสามีภรรยา เมื่อลงจากรถแท็กซี่แล้วเรียบร้อย สองสามีภรรยารับไหว้พร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ ก่อนจะพาสาวน้อยเข้าบ้าน ตรงไปที่ห้องอาหาร
คนทั้งสามร่วมรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย มีเสียงเจรจา เสียงหัวเราะและรอยยิ้มแห่งความสุขพร่างพรมเต็มโต๊ะอาหาร รัญตาหลงลืมไปด้วยซ้ำว่ากำลังโกรธแฟนอยู่ หญิงสาวสุขใจอย่างประหลาดที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับบุรุษสูงวัยอย่างท่านติภพ
แมคโลริคแวะเข้ามาที่บ้านจิรายุทธเมื่อรู้ว่ารัญตาอยู่ที่นี่ เขาถูกขอร้องกึ่งบังคับให้มารับรัญตาไปส่งที่บ้าน และนั่นทำให้เขาต้องปล่อยพิชฎากลับบ้านของหล่อนหลังจากที่กกไว้ข้ามวัน ป่านนี้หล่อนคงจะถึงบ้านแล้วกระมัง
“มาแล้วเหรอ ยัยรัญทำคุกกี้อยู่ในครัวกับคุณเดือนโน่นแน่ะ” ท่านติภพเอ่ยกับน้องชาย แมคโลริคยิ้มน้อยๆ รับคำ เขามองไปยังทางเข้าห้องรับแขก เมื่อมั่นใจว่าจะไม่มีใครมาขัดขวางการสนทนาจึงได้เอ่ยเรื่องของพิชฎาขึ้นมา
“ผมพยายามคุยกับน้ายัยรัญแล้วนะครับ แต่ดูเหมือนว่าเธอยังยืนยันคำเดิม” กล่าวออกมาอย่างไม่สบายใจนัก
ท่านติภพถอนหายใจ บางครั้งการละลายความแค้นในใจคน มันก็ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร