บท 8

1382 Words
เมืองสันต์ภพ ๘ ดวงตากลมใสคู่นั้นดูไม่มีพิรุธแม้แต่น้อย เมื่อคลายสงสัยก็ขยับตัวก่อนจะปล่อยคนตัวเล็กให้เป็นอิสระ หนูดียันตัวลุกขึ้นนั่งเผชิญหน้ากับชายหนุ่มตรงหน้าไม่มีแม้แต่ความเกรงกลัว “เช่นนั้น ก็แสร้งต่อไป” ดวงตาลุ่มลึกจ้องใบหน้าเรียวเล็กผ่านแสงตะเกียงสีเหลืองนวล ใช่ว่าเขาเชื่อหนูดีโดยง่าย เพียงคิดว่าดีเช่นกันที่หนูดีแสร้งต่อไปแบบนี้ หากคนบางกลุ่มทราบว่าหนูดีคืนสติแล้วมีแต่จะเป็นอันตรายต่อตัวเธอ “น้าจะไม่บอกคนอื่นใช่ไหม?” “บอก! หากเอ็งยังเรียกข้าน้าอยู่เช่นนี้!” “อ้าว โอเคค่ะคุณพี่สิบหมื่น พอใจยัง?” หนูดีเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชันพร้อมกับมุ่ยหน้าใส่คนแก่แต่อยากเด็กแต่คนตัวโตหาได้ใส่ใจพฤติกรรมเด็กน้อยของหญิงสาวทั้งยังรู้สึกเอ็นดูไม่น้อยที่หนูดีสติกลับคืนมาและยังคงเป็นเด็กแสบเหมือนในวัยเด็กไม่มีผิด “อืมมม” “อืมม?” คิ้วเลิกสวยขึ้นเอียงคอมองชายตรงหน้าเมื่อรับปากเธอแล้วเหตุใดไม่รีบกลับ ไม่ใช่ว่าจะอยู่ที่นี่จนรุ่งสางหรอกนะ? “แต่ข้ามีข้อแม้...” “ข้อแม้อะไร?” “ข้าจะไม่บอกใครแต่เอ็งต้องไว้ใจข้าเพียงผู้เดียวห้ามไว้ใจใคร ตกลงหรือไม่?” ใบหน้าเรียบเฉยจ้องเขม็งใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือรอคำตอบ เขาหวังในใจว่าหนูดีจะพยักหน้าตอบรับแล้วหนูดีก็ทำเช่นนั้น ริมฝีปากหนาจึงค่อย ๆ ระบายยิ้มบางเบาโดยไม่ให้ใครได้เห็น... “ได้ ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่” หนูดีพยักหน้ารับก่อนจะถอนหายใจ ไม่ว่าจะมีตัวเลือกไหนชายตรงหน้าก็ถือไพ่เหนือเธอตั้งแต่ที่รู้ความจริงว่าเธอไม่บ้าแล้ว “ดี ไปนอนพักเถิดส่วนนั่นยา” สิบหมื่นส่งสายตาไปยังถุงยาที่ทำหล่นไว้บนหัวนอน “...” หนูดีเพียงมองอย่างชั่งใจไม่กล้าแม้แต่จะหยิบถุงยามาดู แบบนี้คงลำบากเธอต้องเอาไปทดสอบยาพิษก่อนกินอีก “ไม่ต้องกลัวยาพิษหรอก ฆ่าเอ็งไปก็ไม่ประโยชน์อะไรนอกจากกลายเป็นพ่อหม้าย” สิบหมื่นเอ่ยอย่างรู้ทัน เขาไม่โกรธที่หนูดีรับปากว่าจะเชื่อใจเขาแต่ไม่เชื่อ ดีด้วยซ้ำที่เธอใช้ชีวิตระวังตัวเช่นนี้ “ถึงฉันไม่ตายฉันก็ไม่คิดแต่งงานกับน้า..เอ๊ย! กับพี่” หนูดีรีบแก้คำพร้อมทั้งปิดปากป้องกันตัวแทบจะทันทีตามสัญชาตญาณ ชายหนุ่มเพียงทำหน้านิ่งก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “มีตาหามีแวว” “...” ดวงตากลมใสถึงกับกลอกตาแอบเบ้ปาก ก่อนจะหยิบถุงขึ้นมาเพื่อสำรวจยาที่ชายหนุ่มเอามาให้ด้วยท่าทางไม่ไว้วางใจแม้จะรับปากไปเมื่อครู่แต่ใครจะไปทำได้ ขนาดครอบครัวเธอยังไม่น่าไว้ใจเลย “เฮ้อออ” สิบหมื่นดึงยาจากมือหนูดีมาแล้วสุ่มกินไปหนึ่งเม็ด สายตาดุดันคู่นั้นมองเธอด้วยสีหน้าจริงจังบ่งบอกถึงความจริงใจ หนูดีเห็นดังนั้นจึงจำต้องยอมกินยาเข้าไปแต่โดยดีตามด้วยการหยิบน้ำมาล้างปากแล้วยื่นแก้วไม้ไผ่พร้อมน้ำที่เหลือจากเธอกินให้ชายตรงหน้า “...” มือหนารับน้ำมาแล้วก้มมองเงาสะท้อนของตนในแก้วน้ำก่อนจะย้ายสายตาไปจับจ้องริมฝีปากนุ่มนิ่มคู่นั้นแล้วดื่มน้ำลงไป ดื่มไปแอบกระตุกยิ้มไปอย่างมีเลศนัยโดยที่หนูดีไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยก่อนจะส่งแก้วน้ำคืนร่างเล็กด้วยสีหน้าเรียบเฉย หนูดีเปิดมุ้งวางแก้วทิ้งไว้แล้วหันกลับมามองคนข้างกายที่ไม่ยอมยกตูดออกไปเสียที ทั้งคู่สบตากันนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้นท่ามกลางเสียงร้องของเหล่าแมลงและจิ้งหรีด กลับกลายเป็นหนูดีที่อดไม่ได้จำต้องเอ่ยปากก่อน... “น้า..ไม่สิ! พี่ไม่กลับหรือ?” “ข้านอนนี่” “หา?” หนูดีอ้าปากเหวอ นอนนี่หมายความว่ายังไง? “ข้าจะนอนนอกมุ้ง ไม่ต้องกลัวว่าข้าจะตาบอดไปปลุกปล้ำเอ็ง” เขาว่าก่อนจะเปิดมุ้งออกไปโดยไม่ได้รู้สึกเลยว่าคำพูดของตนนั้นผิดแปลก ไม่ตาบอดแต่เมื่อครู่ใครกันที่จูบก่อน? “พี่จะนอนนี่ทำไมหรือ? ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิด” “เป็นไข้ก็หลับไปเถิด” “ฉันไม่ตายหรอกน่า พี่กลับไปเถิด” หนูดีพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติเพื่อเกลี้ยกล่อมชายตรงหน้า แต่เขากลับทิ้งตัวนอนข้างมุ้งแล้วเอาแขนตนเองขึ้นมาหนุนแทนหมอน “ไปนอนเสีย อย่าให้ข้าต้องพูดหลายรอบ” “แต่...” “ไม่งั้นข้าจะเข้าไปนอนกับเอ็งตอนนี้เลย” ใบหน้านิ่งกดเสียงต่ำดุเด็กน้อย หนูดีเห็นว่าสิบหมื่นเริ่มเอาจริงก็รีบทิ้งตัวนอนทันทีโดยหันหน้าไปทางชายหนุ่ม เผื่อเขาเกิดมีความคิดร้าย ๆ ขึ้นมาเธอจะได้ไหวตัวทัน “หึ” มือหนาเอื้อมไปพัดดับไฟตะเกียง “ไม่ตลก!” “พรุ่งนี้ข้าจะเขียนข้อมูลพวกนั้นให้เอ็งเผื่อจำเป็นต้องใช้” เสียงเอ่ยลอย ๆ ของสิบหมื่นทำให้เธอสนใจไม่น้อยจึงดีดตัวขึ้นมานั่งเพราะกลัวหลับ “พี่รู้จักพวกนั้นหรือ?” “ก็พอรู้” “ดีเลย ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะเอาอะไรไปบีบบังคับพวกนั้นเพื่อเอาเงินอีกครึ่งมาจากชบา!” ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายลุกวาวเอ่ยออกมาด้วยความดีใจ ปล้นพวกนี้มาได้อีกสักนิดก็คงจะดีไม่น้อย “เอ็งจะเอาเงินไปทำไมเยอะแยะ?” “ชีวิตขับเคลื่อนด้วยเงินพี่ไม่รู้หรือไง ฉันจนขนาดนี้ต้องมีเงินเยอะ ๆ ไว้ใช้สอยสิ!” “อยากได้อะไรก็บอก” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยออกมาเหมือนพูดเรื่องทั่วไปแต่หนูดีกลับหันขวับคอแทบหัก คำนี้มันคำพูดของพวกป๋าสายเปย์ในโลกเก่าของเธอมักพูดกันนี่ หรือว่า... “ข้าจะซื้อให้” “นั่นไง!” หนูดีตบเข่าดังฉาด โลกใบนี้ก็มีคุณป๋าเหมือนกัน! “อะไรของเอ็ง?” “เปล่า ฉันแค่อยากมีเงินเป็นของตัวเอง” “เช่นนั้นก็ไปเอาที่เรือนข้า” ได้ยินเสียงของสิบหมื่นเอ่ยออกมาหนูดีก็แทบจะหัวเราะดังลั่น ใช่เลย คุณป๋าทุกยุคสมัยเป็นเหมือนกันหมดสินะ “ทำไมพี่ต้องใจดีกับฉันด้วย อย่าบอกนะว่าเพราะฉันคือว่าที่เมียในอนาคต?” “ใช่ หาเงินแล้วไม่ให้เมียไม่เลี้ยงเมีย ข้าจะเอาไปให้ใคร?” “ฉันนอนแล้ว” คำพูดนั้นของสิบหมื่นทำเอาหนูดีพูดไม่ออก จำต้องบ่ายเบี่ยงทิ้งตัวนอนแล้วหลับตาไปด้วยอาการหัวใจเต้นแรงผิดจังหวะ พุทโธ พุทโธ หนูดีท่องในใจ ความมืดมิดปกคลุม มีเพียงแสงจันทร์ที่ลอดผ่านรูหน้าต่างส่องสว่างพอรำไร ค่ำคืนอันเงียบสงบขับกล่อมโดยเสียงแมลงในทุ่งนา ไม่นานนักหนูดีก็เผลอหลับโดยไม่รู้ตัว หลังจากได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอของคนตัวเล็ก สิบหมื่นก็เปิดมุ้งเข้าไปนอนด้านใน ยุงมากมายขนาดนี้มีหรือที่เขาจะยอมทน ดวงตาลุ่มลึกจับจ้องใบหน้าเล็กที่เขาเคยเห็นมาตั้งแต่เด็ก ไม่รู้เมื่อไหร่เผลอแปปเดียวหนูดีเติบโตขึ้นมาได้ขนาดนี้แล้ว ท่ามกลางการเลี้ยงดูของแม่เลี้ยงร้ายกาจแบบชบาน้องสาวนิสัยเสียแบบดาวดาวเรือง และพ่อที่ปิดตาข้างเดียว ก่อนหน้านี้เขารอเวลาที่จะพาหนูดีออกจากบ้านหลังนั้นมาตลอด ถึงแม้เธอจะบ้าบอเสียสติแต่เขาก็คิดจะแต่งเธอเข้าบ้านแล้วเลี้ยงดูเธอดั่งน้องสาวไม่ให้ใครมากลั่นแกล้งเธอได้อีก ตามที่ให้สัญญาไว้กับน้าหนูแดง... “ข้าเลี้ยงเอ็งได้ทั้งชีวิตจริง ๆ นะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD