บท 2

1475 Words
เมืองสันต์ภพ ๒ เช้าวันต่อมา... ร่างผอมบางของหนูนอนเอาแรงจนเต็มอิ่ม วันนี้เธอจะต้องออกไปสำรวจโลกใบนี้ให้คลายสงสัยว่ามันเป็นยังไงกันแน่ หลังจากล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกจากกระท่อมไปอย่างไร้จุดหมาย ตามความทรงจำร่างเดิมเธอไม่เคยมาที่นี้เลยสักครั้งจึงทำได้เพียงเดินไปตามรอยหญ้าที่มีคนเหยียบล้มหักไปเรื่อย ๆ เดินห่างออกไปเกือบห้าร้อยเมตรถึงได้พบบ้านของผู้คนที่เป็นเรือนแบบชนบทโบราณมีใต้ถุนโดยสร้างห่างกันไปตามทางไร้ซึ่งรั้วกำแพงปิดกั้น ทางเดินเป็นพื้นดินไม่มีคอนกรีต ไหล่ทางไร้ซึ่งเสาไฟฟ้า ไม่มีแม้แต่รถยนต์ให้เห็นผ่านตา มีเพียงวัวลากเกวียนผ่านบ้างประปราย นี่เธอย้ายมายังโลกไหนกันทั้งที่ผู้คนไม่ได้แต่ตัวโบราณมากนักแต่กลับไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีกระทั่งจักรยาน ยิ่งเดินผ่านเธอกลับยิ่งฉงนใจ... ดวงตาคู่สวยเงยหน้ามองท้องฟ้าเห็นกลุ่มเมฆดำกำลังตั้งเคล้าพร้อมเสียงร้องครึกโครมเป็นระยะ ก้อนเมฆสีเทามืดบดบังแสงตะวันทำให้บรรยากาศดูสลัววังเวง “มาถึงก็รับน้องใหม่ด้วยพายุเลยเหรอ?” เสียงใสบ่นอุบอิบพร้อมเร่งสาวเท้าไวขึ้น หนูดีเดินมาจนกระทั่งเจอสถานที่เหมือนตลาดวางแผงเรียงรายพร้อมด้วยผู้คนดูครึกครื้น พ่อค้าแม่ค้าปูเสื่อบนแคร่ไม้แล้ววางพืชผัก ข้าว ปลาและอื่น ๆ ยาวออกไปหลายร้าน ดวงตาคู่สวยมองไปรอบ ๆ ด้วยความตะลึงเนื่องจากไม่คุ้นชิน สถานที่แห่งนี้ทำเอาแปลกใจไม่น้อย สองขาก้าวเข้าไปกลางตลาดราวกับต้องมนต์สะกด อาจเพราะสีหน้าตื่นเต้นดูโง่เขลาตลอดเวลา ผู้คนในหมู่บ้านที่รู้จักหนูดีคนบ้าเป็นอย่างดีไม่ได้แปลกใจมากนักทว่ากลับเบ้ปากใส่เธออย่างนึกรังเกียจ ไม่ว่าจะย่างก้าวผ่านที่ใดก็มีสีหน้าแววตาของผู้คนทำเช่นนั้นให้ดั่งเธอเป็นตัวเชื้อโรคน่าขยะแขยง “เหอะ เป็นคนบ้าไม่พอสำส่อนคบชู้” เสียงหญิงวัยกลางคนอ้วนท้วนนั่งตรงแผงขายห่อหมกเอ่ยขณะในมือกำลังถือพัดไล่แมลงวันพร้อมกับเบ้ปากและมองเธอด้วยหางตา “หืมมม?” “มึงนั่นแหละอีหนูดี ไม่ต้องมองซ้ายมองขวา” เมื่อเห็นร่างผอมบางมองซ้ายขวาเพื่อหาว่าตนด่าใคร หญิงอ้วนคนนั้นลุกขึ้นเท้าเอวชี้หน้าสื่อว่าเธอคือเป้าหมายของคำที่พ่นออกมาเมื่อครู่ “ฉัน?” หนูดีถึงกับงงว่าเธอทำผิดอะไร ก่อนจะนึกขึ้นมาได้... เธอถูกใส่ความว่าพลอดรักกับเฉยพ่อหม้ายเมียตายจนตกน้ำเรื่องราวคงแพร่สะพัดไปทั้งหมู่บ้านแล้วสินะ “เป็นถึงคู่หมายของพ่อสิบหมื่นแต่มึงดันใฝ่ต่ำร่านไปสมสู่กับเพื่อนเขา” “แรงมากแม่...” หนูดีอุทานเบา ๆ ไม่ให้ใครได้ยิน ไม่คิดว่าเมืองโบราณเช่นนี้ผู้คนจาพูดหยาบคาย “ตัวกาลกิณีเช่นมึง เกิดมาก็กินแม่กินตาจนตกตายไปเหตุใดมึงไม่ตายตามไปเสีย!” แม่ค้าที่ขายผักอยู่แผงติดกันเอ่ยเสริมอีกคน ขณะนี้ทุกสายตาของผู้คนทั้งตลาดรวมจุดสนใจไว้ที่เธอเป็นตาเดียว “...” หนูดีเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจก่อนจะกวาดสายตามองผู้คนรอบ ๆ เริ่มวันใหม่ก็โดนชาวบ้านรุมด่าทอแต่เช้าเลย ปังมากนะร่างเดิม... “เจ้าข้าเอ๊ยยยย! มาดูตัวอัปมงคล เพราะเอ็งทำเรื่องบัดสีแบบนี้สินะฟ้าฝนถึงเริ่มตั้งเคล้าจะตกผิดฤดูกาล” แม่ค้าตัวอ้วนป้องปากตะโกนราวกับกลัวคนไม่ได้ยินทำเอาหนูดีเริ่มหงุดหงิดปนเหนื่อยหน่ายไม่น้อยแต่ก็ไม่ตอบโต้ออกไป ใครกันที่จะเชื่อคนบ้า? ทางด้านเฉยที่พึ่งเดินมาเขาได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างของเหตุการณ์เมื่อครู่ ใบหน้าคมเข้มผมยาวรุงรังพร้อมกับหนวดที่ขึ้นรกบดบังใบหน้า หนูดีหันไปไล่สำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า... หากชายคนนี้อาบน้ำปะแป้งตัดผมโกนหนวดให้สะอาดคงดูดีไม่น้อย เฉยขบฟันแน่นมองแม่ค้าปากดีทั้งสอง มือหนากำหมัดจนเส้นเลือดปูดอยากจะด่ากลับแต่เขาก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรให้คนอื่นเชื่อ ยิ่งเวลานี้เขากำลังรีบไปอธิบายความจริงกับเพื่อนสนิทแต่ดันมาเห็นคนใส่ความเขายิ่งโมโห “ทำไมไอ้เฉย มึงจะต่อยกูเรอะ” แม่ค้าตัวผอมมองหน้าเฉยอย่างท้าทาย อีกใจก็แอบกลัวเมื่อเห็นสายตาเอาเรื่องจากแววตาดำลึกคู่นั้น “หื้มมม!” เฉยสงบอารมณ์หันไปสบเข้ากับดวงตากลมโตของหนูดี เขามองเธออย่างเห็นใจแต่ไม่มีคำใดเอ่ยออกมา เพียงถอนหายใจแล้วเดินจากไป ไม่วายโดนแม่ค้าสองคนนั้นตะโกนไล่หลัง “นึกว่าจะแน่ เหอะ” เสียงได้ใจของแม่ค้าคนนั้นทำเอาหนูดีรำคาญไม่น้อย ปากดีจริง! “มะ...” ขณะกำลังจะเท้าเอวด่าคืนเม็ดฝนขนาดใหญ่ก็โหมเทลงมาจากฟ้าโดยไม่ทันตั้งตัว ดวงตาคู่สวยรีบมองหาที่หลบฝนทันที “ดูสิ ตัวเสนียดจัญไรแบบมึงเทวดายังถ่มน้ำลายใส่” “...” กำลังจะวิ่งหนีฝนคำพูดนั้นถึงกับต้องหยุดขาไว้ หนูดีมองมนุษย์ป้าตัวอ้วนด้วยสายตาเหลือเชื่อ เพียงฝนตกตามธรรมชาติกลับบอกเทวดาถ่มน้ำลายใส่ หลักสูตรไหนยาย ถามจริง? แทนที่ทุกคนจะรีบหลบฝนแต่พวกเขากลับยืนมองเธอด้วยสายตารังเกียจ ทิ่มแทงราวกับกำลังเข่นฆ่าเธอให้ตายด้วยสายตา ไม่รู้คิดอะไรอยู่ หนูดีเดินไปยังแผงผักป้าแม่ค้าตัวผอมที่ด่าเธอเมื่อครู่ก่อนจะหยิบตะไคร้พร้อมเผชิญหน้าด้วยสายตาเหยียดหยามก่อนจะประนมมือโน้มตัวก้มลง มือเล็กปักตะไคร้กลับหัวลงดินขณะที่มองแม่ค้าปากดีทั้งสองไม่วางตา จำได้ว่าเธอยังบริสุทธิ์ทั้งสองร่าง ไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน อาจะโดนลวนลามบ้างเป็นครั้งคราสมัยเป็นเด็กนั่งดริ้งค์แต่ยังไม่มีใครได้เชยชมเธอแน่นอน หากนี่คือเมืองโบราณก็ไม่แน่ว่าความคิดแบบโบราณจะได้ผล ปักเสร็จก็เดินออกไปเพื่อหาที่หลบฝนแบบไม่เร่งไม่รีบทั้งยังหัวเราะดังลั่นเสียงเย็นราวกับคนบ้าอาการคุ้มคลั่งทำเอาผู้คนที่ยืนดูตลอดทั้งเหตุการณ์มองตามแผ่นหลังเล็กด้วยอาการขนลุกซู่ หลังจากร่างผอมบางออกไปจากพื้นที่ ราวกับมีปาฏิหาริย์ฝนที่โหมกระหน่ำหยุดแทบจะทันทีทำเอาผู้คนถึงกับมองหน้ากันเลิ่กลั่กก่อนจะหันไปมองตามแผ่นหลังเล็กที่ค่อย ๆ หายลับไปจากสายตา แม่ค้าสองคนที่ตะโกนด่าหนูดีเมื่อครู่ถึงกับละอายใจเมื่อโดนคนอื่น ๆ มองด้วยสีหน้ายากจะอธิบายราวกับตำหนิทั้งสองอยู่กลาย ๆ โดยไร้ซึ่งคำพูด พวกเธอทั้งสองถูกจ้างด้วยเงินหลายเหรียญเพื่อแพร่ข่าว “คนพูดก็ผีเจาะปากมาพูดเสียจริง” “พูดจาอันใดก็ไม่ไตร่ตรองสักนิด โชคดีที่เป็นคนบ้าไม่เอาความ หากเป็นคนอื่นคงโดนขายปากไปแล้ว” “สวรรค์มีตายังล้างมลทินให้คนบ้าแล้วเมื่อไหร่จะล้างพวกปากไม่มีหูรูดให้สิ้น” คำพูดของผู้คนสาดเข้าใส่แม่ค้าทั้งสองไร้ซึ่งความปรานี สายตาเย้ยหยันมองทั้งคู่จนแทบทะลุก่อนจะแยกย้ายกันไปเพราะเกรงว่าฝนจะตกอีกรอบ สถานการณ์ตลาดกลับมาสงบลงเหล่าแม่ค้าเริ่มขนของกลับ ขณะที่คนสองคนที่นั่งในร้านน้ำเต้าหู้ห่างออกไปไม่ไกลมองดูสถานการณ์เงียบ ๆ มาตลอดหันมาสบตากันเสี้ยววินาทีก่อนจะละออกไป “คู่หมั้นเอ็งเป็นบ้าจริงเรอะเพื่อนรัก” เสียงเข้มของเฉยเอ่ยขึ้นด้วยความคลางแคลงใจ โดนกล่าวหาใส่ความต่าง ๆ นานา ไม่เพียงไม่หนีแต่กลับตอบโต้เป็นด้วย ข้อครหาทั้งหมดของเขาและหนูดีถูกลบล้างไปโดยการกระทำไร้ซึ่งคำพูดทำเอาคนที่ใส่ร้ายถึงกับไม่มีข้อโต้แย้ง หากเป็นคนบ้าคงเป็นคนบ้าที่อัจฉริยะ “แล้วเอ็งคิดว่าไงล่ะ” ดวงตาลุ่มลึกมองแผ่นหลังเล็กที่ค่อย ๆ หายไปด้วยความเหม่อลอย แม้คนจะหายไปแล้วแต่เขายังมองเช่นนั้นไม่วางตา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD