ใต้เท้าฉิงตบเข่าดังฉาด ใบหน้าดำทะมึน สั่งให้ฉิงหนิงอวี่หยุดกล่าววาจาเสี่ยงหัวขาดเสียที
“นำของใช้แล้วมามอบให้คู่หมั้น ยังไม่น่าเจ็บใจเท่าส่งของมาแต่เจ้าตัวกลับไม่มาคารวะท่านพ่อท่านแม่ เห็นชัดว่าคุณชายเซี่ยเย้าเต๋อไม่เห็นพวกท่านทั้งสองอยู่ในสายตา”
ฉิงฮูหยินนิ่งอึ้งหาคำโต้แย้งไม่ออก ส่วนใต้เท้าฉิงก็อ้าปากค้างกล่าวสิ่งใดไม่ออกเช่นกัน
“ท่านพ่อท่านแม่ ท่านคิดว่าบุตรสาวของท่านสมควรแต่งกับคนแบบนี้จริงๆ หรือ ที่ผ่านมาข้ามักแสดงออกว่าไม่อยากแต่ง ถึงขั้นยอมถูกท่านแม่ตี แต่พวกท่านก็ยังไม่สนใจรับฟังข้าสักนิด”
“ถึงอย่างนั้นเจ้าและคุณชายเซี่ยก็ได้หมั้นหมายกันแล้ว”
“ท่านแม่ ท่านคงไม่รู้กระมังว่าชาวเมืองพูดถึงลูกสาวคนรองของสกุลฉิงว่าอย่างไร”
ฉิงหนิงอวี่รู้ว่าบิดามารดาของตนนั้นหน้าบางเพียงใด เห็นทั้งสองคนเริ่มหน้าซีดก็ได้ทีกล่าวต่อทันที
“เขาว่าท่านพ่อท่านแม่รักบุตรสาวไม่เท่ากัน บุตรสาวคนโตได้แต่งกับบุรุษที่มากด้วยอำนาจและทรัพย์สิน ส่วนน้องสาวคนเล็กก็ได้แต่งเข้าตระกูลใหญ่ที่เป็นยอดนักปราชญ์ซ้ำยังสืบเชื้อสายราชครูของอดีตฮ่องเต้ แล้วพวกท่านดูสกุลเซี่ยสิเจ้าค่ะ พวกเขามีดีอะไรอย่างนั้นหรือ เว้นสนมเซี่ยแล้วพวกเขาก็ไร้สิ้นทุกสิ่งที่น่าภูมิใจ”
ฉิงหนิงอวี่กล่าวทุกสิ่งที่อยากพูดออกมาจนหมด
ความคิดนี้นางนึกตะขิดตะขวงใจมาตลอด เซี่ยเย้าเต๋อไม่มีอะไรให้นางรู้สึกภูมิใจสักอย่าง เขาหวังกอบโกยผลประโยชน์จากตระกูลของนางเพียงฝ่ายเดียว
แต่เพราะตอนนั้นไม่อยากให้บิดามารดาไม่สบายใจ รวมทั้งต้องการเดินตามรอยพี่น้อง อยากสร้างความภาคภูมิให้ครอบครัว ฉิงหนิงอวี่จึงทำตัวเป็นเด็กดี เชื่อฟังทุกอย่างโดยไม่โต้แย้งแต่อย่างใด
ทว่าครั้งนี้นางจะไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว
ฉิงหนิงอวี่เดินออกมาจากจวนโดยไร้สาวใช้ติดตาม นางอยากหาที่สงบพักจิตใจที่ว้าวุ่นของตัวเองสักพัก หรืออย่างน้อยได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองบ้างก็คงจะดีไม่น้อย
การแต่งงานที่เกี่ยวข้องกับการเมืองของผู้ใหญ่ ยากนักที่หญิงสาวธรรมดาๆ อย่างฉิงหนิงอวี่จะหาทางเอาตัวรอดได้เพียงลำพัง หากปราศจากพ่อแม่และพี่น้องชายหญิง ฉิงหนิงอวี่ก็ไม่ต่างอะไรเลยกับลูกหมาที่ถูกทิ้ง
แม้จะมีแหล่งทำเงินไว้แล้ว แต่ก็ยังไร้อำนาจจะต่อกรกับทั้งตระกูลเซี่ยและตระกูลฉิงของตัวเอง
“ระวัง!”
ฉิงหนิงอวี่มัวแต่เดินคิดจนใจลอย ไม่ทันระวังรถม้าที่วิ่งตรงมาทางด้านหน้า ร่างเล็กถูกใครบางคนดึงให้หลบไปทางด้านข้างอย่างรวดเร็ว สองมือโอบกายนางไว้แน่นจนฉิงหนิงอวี่ต้องร้องบอกให้เขาปล่อยนาง
“ขออภัย” ชายหนุ่มรีบผละตัวเองออก เว้นสายตาที่ยังคงจับจ้องมาที่ฉิงหนิงอวี่ “บาดเจ็บหรือไม่”
ฉิงหนิงอวี่ปัดฝุ่นที่เสื้อและกระโปรงของตนออก จังหวะที่นางเงยหน้าขึ้นจะขอบคุณผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือ หัวใจหญิงสาวก็พลันกระตุกวูบ ใบหน้าตื่นตระหนกราวเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น
“เจ้า! หลี่เฉียง!!!”
บุรุษเจ้าของดวงตาดุดันเลิกคิ้วด้วยฉงน “คุณหนูรู้จักข้าหรือ”
หลี่เฉียง ทาสหนุ่มของตระกูลเซี่ย คนที่เข้าหาข้า!!! ทำให้ข้าต้องถูกคนประณามว่าคบชู้จนทนรับความอัปยศไม่ไหว
ฉิงหนิงอวี่ดึงถุงเงินที่แขวนอยู่ตรงเอวออกมา หยิบก้อนทองหนึ่งก้อนออกมายัดใส่มือใหญ่นั้น “ขอบใจที่ช่วย”
คิดเสียว่าไม่มีอะไรติดค้าง และอย่าได้เจอะเจอกันอีกเลย!
ฉิงหนิงอวี่รีบถอยหลังและวิ่งหายเข้าไปในฝูงชนทันที
นางยังขลาดกลัวที่จะเผชิญหน้ากับชายคนนี้ เรื่องระหว่างนางกับเขานางยังคงจำฝังใจ ทุกถ้อยคำที่บอกจะปกป้องดูแลและสัมผัสวาบหวิวที่เขามอบให้ล้วนทำใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
แต่ขณะเดียวกัน ดวงตาคมกล้าก็คล้ายแฝงบางอย่างที่น่ากลัวไว้ ไอสังหารที่แผ่อยู่รอบตัวและแรงกดดันอันมากมายมหาศาลราวกับจะบดขยี้คนมองให้แหลกสลายได้
“ท่านมองอะไรอยู่เหรอ” เจิงเฮ่าโหวที่เพิ่งเดินมาถึง ไม่ทันเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ “ท่านแต่งตัวอะไรเนี่ย เป็นฝ่ายนัดข้าออกมา ก็หลงคิดว่าจะไปหาอะไรกินที่หอ...”
เจิงเฮ่าโหวถูกปิดปากและลากตัวเข้าไปในตรอกมืดข้างทาง “หุบปากของเจ้าหน่อย”
เจิงเฮ่าโหวกลืนน้ำลาย เปลี่ยนเป็นป้องปากกระซิบ “หมินเสี่ยวเทียน ท่านคิดจะทำการใด ทำไมถึงแต่งตัวเหมือนเด็กรับใช้แบบนี้เล่า”
“ข้าจะแฝงตัวเข้าในจวนสกุลเซี่ย”
“โดยการปลอมเป็นเด็กรับใช้หรือ”
“ใช่”
เจิงเฮ่าโหวส่ายหน้าไม่เห็นด้วยทันที “เสี่ยงเกินไป หากมีใครจับได้จะว่าอย่างไร”
“ข้าก็จะฆ่ามันทิ้งเสีย” สายตาที่ว่าน่ากลัวอยู่แล้วดำทะมึนน่ากลัวยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่แล้วก็คล้ายความกราดเกรี้ยวจะค่อยๆ จางลงทีละน้อย “อีกอย่าง ข้าจะได้หาทางเข้าใกล้นางได้ด้วย”
“นาง? หรือว่า! ท่านคงไม่ได้หมายถึงฉิงหนิงอวี่กระมัง”
“ข้าหมายถึงนาง” บุรุษตอบหน้าตาย “เมื่อครู่ตอนเจอหน้าข้า นางทำหน้าตื่นกลัวมาก ทั้งยังเรียกข้าว่าหลี่เฉียง”
“หลี่เฉียง ข้าไม่ยักคุ้นชื่อนี้”
“เป็นชื่อทาสคนหนึ่งของตระกูลเซี่ย นิสัยสำมะเลเทเมาไม่เข้าพวกกับใคร รูปร่างสูงใหญ่คล้ายข้าที่สุด”
“แล้วตอนนี้เขาอยู่...” ไม่ต้องรอฟังคำตอบ เจิงเฮ่าโหวก็พอเดาได้ว่าชายตัวจริงที่ชื่อหลี่เฉียงคงไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว
“น่าแปลกที่นางเรียกข้าด้วยชื่อนี้...นางยังไม่เคยเจอข้าในฐานะบ่าวรับใช้เสียหน่อย” บุรุษเอ่ยเสียงเรียบทว่าทรงพลังอำนาจ หากฉิงหนิงอวี่ได้ยินนางคงเข่าอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้นเป็นแน่
ไม่เพียงมีเรื่องของเซี่ยเย้าเต๋อให้ต้องสืบรู้ แต่กับสตรีนามฉิงหนิงอวี่ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน