เซี่ยฮูหยินเลิกคิ้วก่อนหัวเราะเสียงดังออกมา “ว่าที่สะใภ้ให้ความสำคัญกับบุตรชายข้ามากเช่นนี้เลยหรือเนี่ย ช่างเป็นวาสนาของลูกข้า ได้ภรรยาดีทั้งรูปโฉมจิตใจ หากเจ้าปรารถนาเช่นนั้นข้ามิขัดข้องแน่นอน”
เซี่ยฮูหยินไม่พูดเปล่าซ้ำยังเดินมากุมมือนุ่มนิ่มของฉิงหนิงอวี่ จากนั้นหันไปพยักให้เซี่ยเย้าเต๋อ “พวกเจ้าสองคนไม่ได้เจอกันนาน คงมีเรื่องให้ต้องพูดคุยทำความรู้จัก เย้าเต๋อ...เจ้าพาน้องไปเดินเล่นรอบจวนเราเถิด เรื่องทางนี้ให้ผู้ใหญ่ตกลงก็แล้วกันนะ”
เซี่ยเย้าเต๋อรับคำมารดา เขาเดินมาหมายจะพยุงฉิงหนิงอวี่ แต่นางกลับรีบลุกพรวดขึ้นก่อนเขาจะเข้าถึงตัวและเดินดุ่มออกไปทันที ทำบุรุษงงงวยอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงรีบเดินตามนางออกมา
“เมื่อครู่เอ่ยขอให้ข้าไปช่วยเจ้าเลือกผ้าตัดชุด แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงทำเป็นเมินใส่ข้า”
“เรื่องให้ไปช่วยเลือกผ้าก็เรื่องหนึ่ง เรื่องแตะเนื้อต้องตัวก็เรื่องหนึ่ง มิควรนำมารวมกัน”
เซี่ยเย้าเต๋อสาวเท้าเข้ามายืนขวางหน้าฉิงหนิงอวี่ จ้องนางด้วยแววตาใคร่ควรญสงสัย “เจ้าพูดจาพิลึกนัก ไม่พอใจอะไรข้ารึเปล่า แต่ข้ากับเจ้าเพิ่งได้กลับมาเจอกัน ไม่น่ามีเรื่องอะไรทำให้เจ้าไม่พอใจข้าได้”
ฉิงหนิงอวี่เหยียดยิ้ม เงยหน้ามองชายหนุ่มด้วยใบหน้านิ่งเฉยไร้ความรู้สึกใด “หากข้าบอกว่าข้าไม่อยากแต่งกับท่าน ท่านจะยอมบอกท่านป้าให้ยกเลิกงานแต่งหรือไม่”
“เหตุใดเจ้าถึงไม่อยากแต่งกับข้า”
“เพราะท่านไม่ได้รักข้า เราสองคนแต่งกันเพราะความเห็นชอบของผู้ใหญ่”
เซี่ยเย้าเต๋อชะงัก “เจ้าเอาอะไรมาพูด”
“หรือท่านจะปฏิเสธ”
“ข้ากับเจ้าไม่ได้เจอกันนาน ต้องใช้เวลาสักพักจึงจะ...”
“หากท่านสัญญาจะมีเพียงข้า ข้าก็จะแต่งกับท่าน”
คิ้วเข้มขมวดมุ่น เอ่ยเสียงขรึมคล้ายไม่พอใจนัก “เจ้าหมายถึงไม่อยากให้ข้ารับอนุอย่างงั้นหรือ”
“ไม่ใช่แค่อนุ แต่ทั้งสาวใช้ข้างห้องหรือหญิงนางโลมก็มิได้”
“เหลวไหล! ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีความคิดเห็นแก่ตัวเช่นนี้”
เห็นแก่ตัว... ฉิงหนิงอวี่นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่กับคำที่ได้ยิน นางโกรธจนมือทั้งสองสั่นเทา เซี่ยเย้าเต๋อกล่าวว่านางเห็นแก่ตัว แต่เขาที่พาสตรีอื่นไม่ซ้ำหน้าเข้ามาเหยียบย่ำหัวใจนางคือสมควรหรืออย่างไร
บุรุษมีสามสี่ภรรยาไม่ผิด ซ้ำภรรยายังต้องใจกว้างยอมแบ่งพื้นที่ในใจของสามีร่วมกับสตรีงั้นหรือ!? มารดามันเถอะ!!!
“นิสัยของคุณชายเซี่ย... คงเส้นคงวามาตลอด มีอาจเปลี่ยนได้สินะ”
ฉิงหนิงอวี่ไม่อาจอดทนสนทนากับเซี่ยเย้าเต๋อได้อีก นางทั้งโมโห รังเกียจ และชิงชังชายคนนี้เสียยิ่งกว่ามูลขยะเน่าเหม็น! นี่หรือชายคนที่นางเคยรักจนยอมถวายชีวิตให้ นี่หรือความรักที่นางอดทนฝืนกลั้นเพื่อให้ได้มา
น่าสมเพชตัวเองนัก!
ฉิงหนิงอวี่หนีเข้ามาในสวน เดินมาหยุดกลางสะพานหิน เบื้องล่างเป็นลำธารใสสะอาด เพียงก้มหน้าก็มองเห็นเงาสะท้อนของตัวเอง
“โง่สิ้นดีหนิงอวี่! โง่สิ้นดี” ครั้นเห็นว่าบริเวณโดยรอบปลอดผู้คน หญิงสาวก็ร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น
ฉิงหนิงอวี่เห็นภาพซ้อนทับตัวเองตอนที่แต่งเข้าเป็นฮูหยินน้อย นางมักจะมาร้องไห้อยู่ที่นี่ บางครั้งถึงขั้นร้องไห้จนเป็นลมสลบไปเลยก็มี
ยิ่งมองตัวเองที่ร้องไห้อย่างน่าสังเวชแล้วยิ่งรู้สึกเจ็บปวดเกินเอื้อนเอ่ย นางไม่อยากต้องมาเสียน้ำตาให้กับคนสารเลวพันธุ์นั้นอีกแล้ว
หญิงสาวหยิบก้อนหินก้อนหนึ่งขึ้นมาแล้วเขวี้ยงลงไปในลำธารหวังลบภาพที่น่าอับอายของตนให้หายไป ดวงตางามจ้องน้ำที่กระเพื่อมเป็นวงกว้างอยู่สักพักก่อนพื้นน้ำจะค่อยกลับมาราบเรียบตามเดิม
แต่เงาที่ควรจะสะท้อนให้เห็นเพียงฉิงหนิงอวี่กลับปรากฏอีกหนึ่งบุคคลยืนอยู่ข้างนางด้วย
“ร้องไห้ทำไม”
ฉิงหนิงอวี่หน้าซีดหันไปมองคนด้านข้างด้วยความตื่นตกใจ “จะ...เจ้า ออกไปห่างๆ ข้านะ”
“อย่าร้องเลย ข้าไม่อยากให้หน้าสวยๆ ของคุณหนูต้องเปื้อนน้ำตา”
“เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย!” ฉิงหนิงอวี่ปาดน้ำตาลวกๆ ลืมไปเลยว่าคนที่ชั่วช้ากว่าเซี่ยเย้าเต๋อยังมีอยู่อีกคน
หลี่เฉียง... ชื่อข้าทาสที่บอกว่าจงรักภักดีต่อข้า ทว่าแท้จริงกลับหวังในเรื่องกามารมณ์ นำยากำหนัดที่ข้ามอบให้ไปมอมอนุซุ่ย มาผสมน้ำชาให้ข้าดื่มจากนั้นตกดึกก็ปีนเข้าห้องข้า แกล้งทำเสียงของตกแตกเพื่อให้สาวใช้ของจวนเซี่ยเข้ามาเห็นภาพบัดสีเหล่านั้น!
“หลีกทาง ข้าจะกลับแล้ว”
“หากไม่เต็มใจจะแต่งก็ไม่จำเป็นต้องแต่ง”
“นี่เจ้าพูดไม่รู้เรื่องหรือ! อย่ามายุ่งกับข้าเข้าใจไหม หลีกทาง!”
ชายหนุ่มไม่ได้ทำตามในทีแรก กระทั่งเมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำจ้องมองมาเขาก็ยอมเบี่ยงตัวหลบอย่างไม่เต็มใจ แต่ก่อนที่ฉิงหนิงอวี่จะเดินผ่านไป เสียงทุ้มห้าวก็เอ่ยขึ้นเบาๆ
“ชอบดอกไม้ที่ข้าส่งให้หรือไม่”