CHAPTER : 2

2417 Words
ร่างสูงกำลังเดินมุ่งหน้ากลับไปที่หอพักของตนหลังจากที่ตัวเองเรียนจบคลาสของวันแล้ว และวันนี้ก็เป็นวันที่ฉันมีเรียนแค่เพียงช่วงเช้าเท่านั้น ซึ่งมันเท่ากับว่าตั้งแต่บ่ายนี้เป็นต้นไปฉันว่าง และฉันตั้งใจจะกลับไปนอนเอาแรงเสียหน่อยก่อนที่ค่ำวันนี้ฉันจะออกไปทำมาหากินนั่นก็คือการวิ่งราวทรัพย์นั่นเอง ในความเป็นจริงฉันเองก็ไม่ได้อยากจะทำอะไรแบบนี้นักหรอกเพราะรู้ว่ามันไม่ถูกต้องกับการขโมยของของใคร แต่เป็นเพราะว่าฉันมีเหตุจำเป็นที่จะต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน และถ้าหากฉันหมดความจำเป็นในการใช้เงินตรงนี้แล้ว...ฉันจะกลับไปทำงานอย่างสุจริตไม่เบียดเบียนผู้อื่นผู้ใดอีกต่อจากนี้ไป แกร๊บ! เสียงเดินเหยียบย่ำใบไม้แห้งตลอดทางจากข้างหลังไม่ได้ดึงความสนใจของฉันได้มากเท่าที่ควร...ถ้าหากว่ามันไม่ดังตลอดทั้งทางเดินจนกระทั่งถึงตอนนี้ที่ฉันจะถึงหอพักของตนเองแล้ว ซึ่งฉันก็ตัดสินใจที่จะหันกลับไปสบมองด้านหลังเพื่อให้ได้สบายใจว่าไม่มีใครตามฉันมาจริง ๆ ไม่แน่อาจจะเป็นหนึ่งในคนที่ฉันเคยขโมยของ และคน ๆ นั้นอาจจะตามมาทวงคืนก็เป็นได้...ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นฉันจะได้วิ่งหนีได้ทันการ “อย่าเพ้อเจ้อไปเองแบบนั้นสิ!” ฉันสถบกับตัวเองบางเบาที่เผลอคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอย่างหวาดหวั่นเพราะเป็นคนที่กระทำความผิด ก่อนจะออกเท้าเดินไปข้างหน้าอีกครั้งเพื่อให้ถึงห้องพักของตัวเองในเร็วไวด้วยการยอมรับจากใจจริงเลยว่าตัวเองก็แอบหวั่นกลัวอยู่ไม่น้อยเลย แกร๊บ! แต่เสียงก็ยังดังอย่างต่อเนื่องให้ฉันเผลอยกมือขึ้นไปกำกระเป๋าคาดอกของตัวเองแน่นอย่างค่อนข้างแน่ใจแล้วว่ามีคนตามฉันมาจริง ๆ ซึ่งฉันก็หยุดชะงักเล็กน้อยอย่างตั้งหลัก...ก่อนท้ายที่สุดตัวเองจะออกเท้าวิ่งอย่างรวดเร็วด้วยความแน่ใจในตัวเองประมาณหนึ่งว่าจะไม่สามารถมีใครวิ่งตามฉันได้ทันอย่างแน่แท้ เอาดีกรีนักกรีฑาเก่าเป็นเดิมพัน! “แฮก! หายไปไหนแล้ว!” ฉันหลบอยู่ที่มุมตึกก่อนจะชะเง้อหน้าออกมาสบมองดูว่าใครกันที่เป็นฝ่ายวิ่งตามฉันมา เพราะเสียงของเจ้าหล่อนอยู่ใกล้กับฉันมากและดูเหมือนว่าหล่อนกำลังชั่งใจว่าฉันไปทางไหนเพราะนี่เป็นทางแยก ก่อนดวงตาของตัวเองจะเบิกโพล่งออกมาเมื่อพบว่าคนที่ตามฉันมาตลอดทั้งเส้นทางนั้น... คือผู้หญิงคนเมื่อคืนที่ชวนฉันไปนอนด้วย...แล้วก็ร้องไห้ใส่ทั้ง ๆ ที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเกินเลยเธอด้วยซ้ำไป และก็เป็นผู้หญิงคนเดียวกันกับอาจารย์ของฉัน...ที่ตำหนิการออกแบบบ้านของฉันตลอดทั้งคาบในช่วงเช้าจนฉันเสียความมั่นใจไปหมดทุกอย่างจนไม่อยากจะทำอะไรต่อ “นี่คุณ!” ฉันตวาดออกไปอย่างลืมตัวบวกกับความโมโหที่ไม่เข้าใจว่าเธอจะอะไรกับฉันกันนักกันหนา ฉันก็ไม่ได้ขโมยอะไรจากเธอแถมยังอาสาขับรถไปส่งถึงคอนโด และทั้ง ๆ ที่เธอเป็นคนชวนฉันนอนด้วยแท้ ๆ แต่ตัวเองกลับมาร้องไห้ขี้มูกโป่งใส่จนฉันรู้สึกผิดและนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา...ซึ่งฉันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเธอต้องการอะไรจากฉัน! “อยู่นี่เอง!” และอยู่ ๆ ใบหน้าเคร่งครึมของเธอก็แปรเปลี่ยนมาเป็นเผยยิ้มกว้าง หมดคราบอาจารย์สุดโหดที่นักศึกษากล่าวขาน...และเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ทำให้หัวใจของฉันเผลอสั่นไหว พอได้มองจากมุมที่สว่าง ๆ แบบนี้โดยไร้ซึ่งอคติแล้วผู้หญิงคนนี้สวยงามมาก...ต่างจากอาจารย์หน้ายักษ์ที่ฉันเผลอด่าในใจไปหลายล้านครั้งตอนอยู่ในคลาสเรียนไปอย่างสิ้นเชิง “อะหึ้ม!” และเหมือนเจ้าตัวจะรู้ว่าเผลอยกยิ้มออกมาโดยไม่รู้สึกตัว หล่อนเลยยกมือขึ้นมากระแอมไอเล็กน้อยอย่างรักษามาดและกลับมาเป็นสีหน้าเรียบเฉยอีกครั้งราวกับสั่งได้ ก่อนที่เธอจะเดินมาทางฉันที่ยังคงยืนอย่างไม่เข้าใจปนเหม่อลอยอยู่ที่ทางแยก และหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมทั้งยกมือขึ้นกอดอกให้ฉันขมวดคิ้วสบมองเจ้าหล่อนที่กำลังจะเอ่ยพูด แต่รอนานเป็นนาทีเจ้าตัวก็ยังไม่ยอมสาวความอะไรออกมาจากริมฝีปากสวย... “อะไรกันล่ะนั่น?” ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นฉันที่เอ่ยถามออกไปเพราะตรงนี้มันทั้งร้อนและอบอ้าว แทนที่ฉันจะได้กลับไปอาบน้ำและพักผ่อนในช่วงบ่าย แต่กลับต้องมายืนเล่นสงครามประสาทอยู่กับเธอคนนี้ที่เอาแต่จ้องมองหน้าฉันนิ่ง ๆ ไม่ยอมพูดอะไรเสียที “ฉันมาทวงค่าเทอม...” “รอคุยที่มอก็ได้นี่...” ฉันเอ่ยออกมาอย่างไม่เข้าใจอะไรเลยกับคน ๆ นี้ และพลันนึกขึ้นได้ว่าเจ้าหล่อนมาสอนวิชาออกแบบ พ่วงกับตำแหน่งอาจารย์ที่ปรึกษาแทนอาจารย์คนเก่าของฉันก่อนหน้านี้ที่ลาออกไปคลอดลูก และนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ฉันต้องทำอะไรที่ไม่ได้อยากจะทำ...แต่เป็นเหตุผลส่วนน้อยเพราะฉันยังมีอีกหลายเหตุผลสำหรับการกระทำที่ไม่ดีของตนเอง “มันใกล้ครบกำหนดจ่ายแล้ว ฉันเลยต้องรีบมาคุยกับเธอให้เร็วที่สุด” “ค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปจ่าย” ฉันตอบรับอย่างง่ายดาย...แต่เจ้าหล่อนก็ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนเสียทีให้ฉันเผลอเลิกคิ้วอย่างมีข้อสงสัย “มีอะไรอีกงั้นเหรอ?” “ก็เปล่า...ไม่มีนี่!” เธอเลิ่กลั่กตอบให้ฉันยิ่งมึนงงกับการกระทำของคนตรงหน้ามากไปกันใหญ่ แต่ฉันก็ไม่ได้สาวความต่อและหันหลังเตรียมที่จะเดินออกไปจากตรงนี้เพราะรับรู้ธุระของเธอแล้ว “เดี๋ยว...นี่ฉันเป็นอาจารย์ของเธอนะ จะมาเดินหนีแบบนี้ได้ยังไงกัน!” ฉันหันหน้าไปสบมองเธออีกครั้งอย่างไม่เข้าใจการกระทำของเธออีกหน... คน ๆ นี้จะเอาอะไรกับฉันกันแน่นะ...บ้าจริง! “ค่ะ ฉันรับรู้แล้ว แต่ฉันแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมฉันจะต้องยืนอยู่ตรงนี้ต่อทั้ง ๆ ที่ก็คุยธุระกับอาจารย์เสร็จเรียบร้อยแล้ว” “…” “ฉันจะกลับไปพักผ่อนแล้วเตรียมตัวไปทำงานในตอนเย็นค่ะ อาจารย์มีอะไรอยากจะพูดกับฉันอีกหรือเปล่าคะ?” ใบหน้าของเธอดูอ่อนลงเมื่อได้ยินประโยคของฉัน แต่ก็ยังขึงขังวางมาดต่อให้ฉันไม่เข้าใจคน ๆ นี้เลยจริง ๆ ว่าต้องการอะไรกันแน่ “งานของเธอ...” “…” “คือวิ่งราวทรัพย์อย่างนั้นเหรอ?” “คุณรู้เหรอคะ?” ฉันเอ่ยถามออกไปอย่างตกใจในทันทีเพราะไม่คิดว่าเจ้าหล่อนจะรับรู้...ก็ตัวเองเล่นเมาจนเกือบจะโดนผู้ชายที่ไหนลากไปแล้วก็ไม่รู้ตั้งขนาดนั้น! ก่อนที่ฉันจะรีบถลาตัวเข้าไปหาเธอในทันที พร้อมกับดึงมือของเธอขึ้นมาเกาะกุมเอาไว้และสบมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเว้าวอน ซึ่งเธอก็ดูมีท่าทางตกใจแต่ก็ไม่ได้สะบัดมือหนีออกจากการเกาะกุมของฉันแต่อย่างใด “ฉันขอร้อง...อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครหรือไปแจ้งความได้ไหมคะ?” “…” “ฉันตั้งใจจะทำแค่เพียงไม่นาน หากฉันหมดธุระที่จำเป็นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากแล้ว...ฉันจะเลิกทำงานนี้ค่ะ ฉันสัญญา” ฉันเอ่ยขอร้องเพื่อให้คนตรงหน้าเห็นใจ ซึ่งเจ้าหล่อนก็ดูมีสีหน้าตื่น ๆ ที่เห็นใบหน้าของฉันร้อนรนเพียงนั้น ก่อนจะถอนมือออกจากการเกาะกุมให้ฉันเผลอใจเป้วเพราะกลัวว่าเธอจะไม่รับข้อเสนอของฉัน “เธอต้องใช้เงินมาก...อย่างนั้นเหรอ?” ฉันพยักหน้ายืนยันในคำถามของเธอ “ติดยา...หรือการพนัน?” “มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ!” ฉันรีบปฏิเสธออกไปทันควันเพราะกลัวว่าใครอีกคนจะเข้าใจผิด “ถ้าอย่างนั้นก็อธิบาย ไม่อย่างนั้นฉันไม่รับปากว่าจะไม่แจ้งความ เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่ดี...และฉันก็เป็นอาจารย์ของเธอ” ฉันเม้มปากแน่นอย่างไม่แน่ใจกับข้อเสนอของเจ้าหล่อน เพราะไม่รู้ว่าพูดออกไปแล้วมันจะทำให้ใครอีกคนมองฉันว่าอย่างไรกับการกระทำของตัวเองในครั้งนี้ เธออาจจะรังเกียจฉันไปเลยก็ได้...และใจจริงของฉันไม่ได้ต้องการให้เธอรู้สึกแบบนั้นต่อฉันเลย “บอกไม่ได้เหรอ?” “คือมันค่อนข้างเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน...ฉันขอโทษนะคะที่คงบอกไม่ได้” สุดท้ายแล้วฉันก็เลือกที่จะปฏิเสธในการบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองให้คนตรงหน้าฟัง ซึ่งพอเธอได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าอ่อนลงมากอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังสบมองใบหน้าของฉันนิ่ง ๆ อย่างไม่ได้พูดอะไร แต่ดวงตาของเธอมันแฝงเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ฉันเองก็บอกไม่ถูก เธอไม่เหมือนกับอาจารย์ที่อยู่ในห้องเรียนเลยแม้เพียงแต่น้อย... “เอาล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว” ฉันเงยหน้าสบมองเธอทันทีเมื่อเธอทำลายความเงียบของเราให้พังทลายลง “แต่ฉันมีข้อแลกเปลี่ยน และฉันสัญญาว่าฉันจะไม่บอกใครเรื่องที่เธอเป็นขโมย” ฉันสบมองใบหน้าของเธออย่างมีความหวังในทันที อีกไม่นานแน่นอนสำหรับอาชีพที่ฉันไม่ได้อยากทำอยู่ในตอนนี้...เพราะทุกอย่างมันใกล้จะจบลงแล้ว และฉันก็ได้แต่หวังว่าใครคนนั้นจะไม่สร้างปัญหาขึ้นมาให้ฉันต้องคอยแก้อีกเป็นครั้งที่สอง เพราะฉันสาบานกับตัวเองเอาไว้แล้วว่าฉันจะไม่มีวันทำในสิ่งที่ไม่ดีแบบนี้อีกตลอดทั้งชีวิตของฉัน... “เรื่องเมื่อคืน...” เธอพูดออกมาเสียงแผ่วให้ฉันต้องเงยหน้าสบมองเธอด้วยดวงตาที่เบิกกว้างเพราะไม่คิดว่าเจ้าหล่อนจะพูดมันขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สอง ใบหน้าเหนียมอายของเธอขึ้นสีแดงระเรื่อและไม่แม้แต่จะสบมองใบหน้าของกันและกันให้หัวใจของฉันสั่นไหวอีกครั้งเพราะภาพนี้ของเธอซ้อนทับกับภาพเมื่อคืนวานที่ฉันได้เห็นส่วนบนที่เปลือยเปล่าของเธอแล้วจนเต็มเปี่ยมทั้งสองตา และมันสวยงามจนทำให้ท้องน้อยของฉันมีความรู้สึกจนเผลอกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างหลงลืมตัวไปชั่วขณะ... “เราจะสานต่อ...” “ฉันขอให้เธออย่าพูดถึงมันอีกได้ไหม?” “…” “มันหมายถึงว่าอย่าพูดกับใคร...” “…” “และทำเหมือนเรื่องเมื่อคืนนั้นมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” หัวใจของฉันราวกับได้ยินเสียงแตกสลายที่ดังขึ้นมาอย่างไม่เป็นจังหวะด้วยความอ่อนแรง มันหมายถึงว่าฉันจะไม่มีวันได้สบมองภาพนั้นอีกแล้วอย่างนั้นหรอกหรือ...บ้าจริงที่ฉันเผลอมีความคิดชั่ววินาทีหนึ่งว่าเธอจะมาขอให้สานต่อกับเรื่องของเรา “ค่ะ ฉันรับปาก” สุดท้ายแล้วฉันก็ตบปากรับคำไปพร้อมกับหัวใจของตัวเองที่อ่อนล้าอย่างแสนเสียดาย แต่นี่ถือเป็นเงื่อนไขของเราทั้งคู่แล้ว...ระหว่างฉันกับเธอเราสองคนต่างมีความลับของกันและกันที่ไม่ต้องการบอกให้ใครคนไหนได้รับรู้ ยกเว้นแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้กัน... “ขอบใจมากนะ” เธอยกยิ้มออกมาและฉันสัมผัสได้ถึงความโล่งใจในรอยยิ้มของเธอ แอบเห็นชั่ววินาทีหนึ่งที่ดวงตาของเธออ่อนล้าราวกับมีเรื่องราวเศร้าใจอะไรบางอย่าง แต่มันก็แปรเปลี่ยนกลับมาเป็นปกติได้ในชั่วพริบตาซึ่งฉันก็ยกยิ้มตอบรับเธออย่างเป็นมิตรไมตรีและหวังให้เธอไม่กังวลเพราะฉันเป็นพวกรักษาคำพูดของตัวเองเสมอ “ส่วนค่าเทอมของเธอ...ฉันจัดการให้แล้วกันนะ ถือว่าตอบแทนที่เธอยอมทำตามข้อเสนอของฉัน” “ได้ไงกัน!” ฉันรีบเอ่ยออกไปอย่างรวดเร็ว และพึ่งสังเกตในตอนนี้ว่าสรรพนามของเธอไม่ได้แทนตัวเองว่าอาจารย์เหมือนตอนแรกที่เราคุยกันอีกแล้ว “มันใกล้จะหมดเขตแล้ว และเธอจะหมดสิทธิ์สอบ” “แต่ฉัน...” “ฉันเห็นผลการเรียนของเธอแล้ว และมันน่าเสียดายมากนะ...ถ้าเธอจะไม่ได้เรียนต่อเพราะไม่ได้จ่ายค่าเทอมน่ะ” “แต่ว่า...” “เอาเป็นว่าฉันให้ยืม แล้วเธอค่อยทำงานมาคืนฉันก็แล้วกัน ตกลงไหม?” เธอเอ่ยถามขึ้นมาพร้อมกับยกมือโอเค และมันทำให้ฉันเผลอหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าผู้หญิงมาดขรึมต่อหน้าของนักศึกษาตรงหน้าของฉันจะมีมาดมุมแบบนี้ด้วย “แต่ต้องเป็นเงินที่ถูกกฎหมายนะ ฉันไม่รับเงินที่เธอไปขโมยใครมา” “ฉันรู้แล้วล่ะน่า!” ฉันตอบรับเหมือนปัดรำคาญ แต่หัวใจแอบพองโตไม่น้อยกับการกระทำเล็ก ๆ ของเธอ...ที่มองดูแล้วน่ารักเป็นบ้าเลย ให้ตายเถอะ! “งั้นก็ตกลงตามนี้ ไว้เจอกันที่คลาสเรียนนะคะนักศึกษา” “เมื่อกี้ไม่เห็นจะเรียกกันแบบนี้...” “ติด F วิชาอาจารย์ไปเลยไป!” “โธ่จารย์!” เกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยมีใครเสนอตัวช่วยเหลืออะไรกับฉันเลยแม้แต่คนเดียว พอได้มีบ้างสักครั้งในชีวิตอย่างตอนนี้ที่เป็นอยู่...ทำไมหัวใจของฉันมันถึงได้เต้นแรงไม่เป็นจังหวะแบบนี้กันนะ บ้าจริง!

Great novels start here

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD