Intro
“คนนี้แหละ หึ!”
หญิงสาวร่างสูงโปร่งรูปร่างหน้าตาคมสวยพูดออกมาเสียงแผ่วก่อนจะยกเครื่องดื่มสีสวยที่อยู่ในแก้วของตัวเองขึ้นจิบเล็กน้อยและวางมันลงกลับไปที่เก่า
หญิงสาวรูปร่างหน้าตาน่ารักน่าชังคนนี้เรียกความสนใจให้แก่เจ้าตัวมานานกว่าหลายนาทีแล้ว และฉันเองก็พยายามมองหาคนที่มากับหญิงสาวคนนี้แต่กลับไม่พบใครเลยทำให้ค่อนข้างจะแน่ใจแล้วว่าเธอมาที่นี่คนเดียวไม่ได้พกใครอื่นมาด้วย
บาร์คลับที่กำลังเปิดเพลงเสียงดังจนหูอื้ออึงไม่ได้ยินเสียงใดอื่นนั้นไม่ได้ทำให้ความสนใจที่ฉันมีให้กับหญิงสาวตรงหน้าลดน้อยถอยลงไปเลยแม้เพียงแต่น้อย
ใบหน้าเนียนใสที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางน้อยชิ้น...ไหนจะเสื้อผ้าและเครื่องประดับแบรนด์หรูที่บ่งบอกได้ว่าผู้ที่สวมใส่มันอยู่นั้นเป็นคนมีสไตล์และเงินทองมากมายเหลือใช้
ทำให้ความสนใจเกิดขึ้นมาในทันใดตั้งแต่แรกที่ได้พบเห็น และฉันตั้งใจแล้วว่าเหยื่อในค่ำคืนนี้จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้อีก...นอกเสียจากหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กับฉันตรงบาร์เดี่ยวนี้อย่างแน่นอน
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ หญิงสาวข้างกายที่ฉันยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเสียงเรียงนามก็ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงด้วยสภาพโซเซเล็กน้อยจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
เจ้าหล่อนหยิบสัมภาระของตนขึ้นมาถือเอาไว้ซึ่งนั่นก็คือเสื้อสูทสีดำสนิทกับกระเป๋าถือแบรนด์ยี่ห้อหรูบ่งบอกได้ว่าเธอจะไปจากที่แห่งนี้แล้ว
และนี่แหละมันคือเวลาของฉัน...
ฉันลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินตามเธอไปห่าง ๆ เพราะที่แห่งนี้ยังมีคนพลุกพล่านอยู่พอสมควร สภาพที่เมามายเดินชนคนไปทั่วของเจ้าตัวนั้นพลันทำให้ฉันที่ตามหลังอยู่ไม่ห่างต้องคอยหันไปขอโทษขอโพยคนอื่นเสียยกใหญ่เพราะกลัวว่าเธอคนนี้จะถูกลากออกไปทำร้ายเสียก่อนที่ฉันจะได้ทำภารกิจ
และในที่สุดเจ้าหล่อนคนนี้ก็สามารถเดินออกมาทางด้านหลังของคลับได้อย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน และดูเหมือนว่าเธอคนนี้กำลังจะเดินไปยังที่จอดรถทั้ง ๆ ที่สภาพของตัวเองเมามายไม่รู้ความและอาจจะไปเกิดอุบัติเหตุแทนการโดนตบตีก็เป็นได้
“เอาไงดีวะ!”
ความลังเลเกิดขึ้นมาในสมองด้านดีทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังเดินตามเจ้าหล่อนคนนี้อยู่ไม่ห่าง
เมื่อครู่ก่อนจะเดินมายังที่มืด ๆ ตรงนี้แอบเห็นด้วยว่าเธอคนนี้แวะปลดปล่อยสิ่งของไม่พึงประสงค์ออกมาเล็กน้อยจนได้กลิ่นลอยคลุ้งมาถึงตรงนี้ ก่อนที่เธอคนนั้นจะกลับไปตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไปให้ความคิดของฉันนั้นยังคงตบตีกับตัวเองอยู่ว่าควรจะทำอย่างไรต่อจากนี้ดี
“ไม่ยุ่งเรื่องอื่นดีกว่า รีบทำแล้วก็รีบไป”
ฉันพึมพำกับตัวเองเล็กน้อยพลางกระชับหมวกแก๊ปของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง ตั้งท่าประจำเล็กน้อยอย่างที่ทำเป็นประจำอยู่ในทุก ๆ วัน
ก่อนท้ายที่สุดจะวิ่งหน้าตั้งอย่างรวดเร็วและคว้ากระเป๋าถือแบรนด์ยี่ห้อหรูของเธอคนนั้นที่ถืออย่างไม่ระมัดระวัง และตั้งหน้าตั้งตาวิ่งออกมาในทันทีเพราะกลัวว่าเจ้าหล่อนจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือให้ผู้คนกรู่กันเข้ามาหา
“…”
แต่กลับมีเพียงความเงียบสงบเท่านั้นที่ส่งมอบกลับมาจนท้ายที่สุดแล้วฉันต้องหลบอยู่ที่มุมเสาและหันกลับไปสบมองดูเธอคนนั้นอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร
ตอนนี้ฉันรู้เพียงแต่ว่าตัวเองกำลังไม่สบายใจที่ใครอีกคนไม่กรีดร้องออกมาทั้ง ๆ ที่ฉันพึ่งจะขโมยกระเป๋าของเจ้าหล่อน เพราะคนก่อน ๆ ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเมามายสักเพียงไหนสุดท้ายแล้วเจ้าหล่อนก็จะกรีดร้องขอความช่วยเหลือและแน่ล่ะที่ไม่มีใครสามารถวิ่งทันอดีตนักกรีฑาอย่างฉันได้ทันแม้เพียงสักคน
แต่แล้วสิ่งที่ฉันได้พบเห็นนั้นก็กลับทำให้ฉันรู้สึกใจกระตุกวูบขึ้นมากับการกระทำของตัวเองในครั้งนี้ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นกับใครคนไหน เพราะเจ้าหล่อนกำลังน้ำตาไหลพรากและสบมองมือของตัวเองทั้งสองข้างด้วยใบหน้าเศร้าหมองจนสมองด้านดีกับด้านร้ายของฉันกำลังถกเถียงกับตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
“ฮือ!”
ก่อนที่เธอคนนั้นจะปล่อยโฮออกมาเสียยกใหญ่พร้อมกับการทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นดินโดยไม่สนใจเลยว่าเสื้อผ้าแบรนด์หรูของตัวเองนั้นจะเปรอะเปื้อนขนาดไหน และมันกลับกลายเป็นเสียงที่เรียกผู้คนออกมาหาเธอได้เป็นอย่างดี แต่ฉันกลับรู้สึกไม่ไว้วางใจพวกผู้ชายที่เดินเข้ามาหาเจ้าหล่อนเลยแม้เพียงแต่น้อย
“ไงสาวน้อย เป็นอะไรจ๊ะ ให้พี่ไปส่งไหม?”
หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นมา แต่เจ้าหล่อนก็ยังคงก้มหน้าร้องไห้โฮออกมาอย่างหนักหน่วงในสภาพที่ไม่เอาอะไรแล้วทั้งสิ้น...ราวกับเธอมีเรื่องราวที่เศร้าหมองมากมายอยู่ภายในใจจนเก็บมันเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป
“เอาไงดี เอาไงดี!”
นี่เป็นเสียงของฉันที่กำลังถกเถียงกับตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนในที่สุดจะมีหนึ่งในนั้นไปพยุงร่างของเธอขึ้นมาและพยายามจะพาเธอไปที่รถ ส่วนเธอคนนี้ที่ราวกับไม่ได้สติอะไรก็เดินตามคนพวกนั้นไปอย่างง่ายดายจนสมองด้านดีของฉันมันทนไม่ไหวอีกแล้วต่อไป
“ที่รัก!”
ฉันตะโกนออกไปเสียงดังลั่นให้ผู้ชายพวกนั้นหันมาสบมองฉันเป็นตาเดียวและพยายามหันซ้ายแลขวาว่าฉันเรียกใครกันแน่ รวมไปถึงเจ้าหล่อนคนนั้นที่ใบหน้าเปื้อนน้ำตาและอยู่ในฝูงของผู้ชายพวกนั้นด้วย
“เค้าไปรับสายพ่อแป๊ปเดียวเอง ตัวเองจะไปไหนคะ?”
ฉันเอ่ยถามและพยายามเนียนเข้าไปลากแขนของเจ้าหล่อนคนนั้นให้ออกมา ท่ามกลางสายตาของเธอที่ยังคงสับสนและมึนงงในขณะที่สูดน้ำมูกไปด้วยเพราะพึ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง แต่ก็ยอมเดินออกมาตามการดึงรั้งของฉันแต่โดยดี
“คุณพ่อแวะไปจับพวกหื่นกามที่ชอบลากผู้หญิงไปข่มขืนมาค่ะ เดี๋ยวท่านจะแวะมารับนะ ใกล้ถึงคลับนี้แล้วด้วย ตัวเองรอก่อนน้า”
พอพวกนั้นได้ยินฉันพูดแบบนั้นก็ต่างล่าถอยกันออกไปอย่างหวั่นเกรง พอให้ฉันได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะหันหน้าไปสบมองเธออีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก็เห็นว่าเธอกำลังสบมองกันอยู่ทั้งดวงตาที่ปูดบวมและเหมือนจะเริ่มมีสติขึ้นมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย
“เอ่อ...มีคนทิ้งกระเป๋าคุณไว้ตรงมุมมืดตรงนั่นน่ะค่ะ ฉันเก็บได้แล้วก็กำลังจะเดินเอากลับมาคืน แต่ดันเห็นคุณเหมือนจะต้องการความช่วยเหลือ”
“…”
เธอไม่ได้พูดอะไรและเอาแต่สบมองใบหน้าของฉันนิ่ง ๆ ซึ่งมันทำให้คนที่โกหกคนไม่เก่งอย่างฉันได้แต่เลิ่กลั่กและคิดว่าจะต้องหนีออกไปจากตรงนี้แบบเร่งด่วนก่อนที่ตัวเองจะถูกจับได้เสียเอง
“อย่างนั้นฉันขอ...”
“ขอบคุณมากนะคะ”
เสียงแรกที่เปล่งออกมาทำให้ฉันต้องหันกลับไปสบมองใบหน้าของเธอใหม่อีกครั้ง และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นใบหน้าของเธอชัด ๆ ในที่ ๆ ไม่ได้สว่างมากมายอะไรนัก แต่ก็สว่างกว่าตอนอยู่ในคลับและเธอสวยกว่าตอนอยู่ข้างในนั้นมากโข
สวยแบบนุ่มนิ่ม สวยแบบตะมุตะมิ สวยแบบน่ารัก สวยแบบสวย สวยของสวยของสวย สวยจนฉันไม่สามารถอธิบายความสวยของเธอให้ออกมาเป็นคำพูดได้จริง ๆ
“ไม่เป็นไรค่ะคุณ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
ฉันกล่าวขึ้นมาอีกครั้งเพราะใบหน้าของตัวเองกำลังร้อนผ่าวและฉันคิดว่ามันจะต้องแดงมากแน่ ๆ จึงพยายามที่จะหาทางหลีกเลี่ยงและคิดว่าคืนนี้คงจะไม่ขโมยของใครอีกแล้ว
“เดี๋ยวสิคะ”
แต่ในเมื่อคราวที่ฉันหันหลังและกำลังจะเดินจากออกไปก็กลับถูกเธอรั้งเอาไว้ และสิ่งเดียวในสมองของฉันก็คิดไว้แล้วว่า...ตัวเองซวยแน่ ๆ ข้อเสียของการโกหกคนไม่เก่งนั้นกำลังจะทำให้ฉันถูกจับได้ว่าฉันเป็นขโมยที่กรรโชกทรัพย์เธอเมื่อสักครู่นี้!
“คือว่าฉัน...”
“นอนกับฉันไหมคะ?”
“ห้ะ!”
ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจในทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
ริมฝีปากที่กำลังจะเอ่ยแก้ตัวเรื่องขโมยของหายวับไปในทันใด...มีเพียงแต่เสียงหัวใจของตัวเองเท่านั้นที่ดังมากจนแทบจะทะลุออกมาจากอกข้างซ้าย
“ฉันถามว่าคุณ...”
“…”
“ไปนอนกับฉันไหมคะ?”