“เป็นอย่างไรบ้างเรื่องนี้สนุกไหม? ฉันเล่าว่าฉันเป็นใคร มาจากไหน ใครส่งมาให้แล้วนะ ถึงทีพวกคุณบ้างที่จะต้องตอบคำถามของฉัน ว่านัตตี้และพวกพ้องนักแสดงของคุณอยู่ไหน อ้อ! แล้วเลิกแสดงได้แล้วฉันต้องไปสอน” แขเริ่มหงุดหงิดและหมดอารมณ์คุยต่อ
“ท่านชื่อเมขลาหรือ ชื่อแปลกมากเลยนางฟ้าเค้าแต่งกายอย่างนี้นี่เองเปิดแขนขาที่เรียวงามให้เห็น ข้าก็อยากลองสวมใส่บ้าง คงจะงดงามเหมือนกับท่าน” ซ่งอิ้งหร่วนเอ่ยปากชม ซึ่งแตกต่างจากอีกคนที่ยืนฟังเรื่องไร้สาระ ฝ่ามือกำหมัดแน่น ขาพร้อมที่จะก้าวไปใช้ฝ่ามือบีบที่ลำคอเพื่อเค้นหาความจริง แต่ก็ต้องชะงักเพราะไม่คิดว่าน้องสาวของตนจะโง่เขลาเบาปัญญาเช่นนี้
“พี่ใหญ่...เร็วเข้าเถิด ข้าจะให้คนไปบอกพ่อบ้านจัดโต๊ะหมู่เตรียมไหว้เทพเจ้า จวนเราจะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นแน่ๆ ไม่เช่นนั้นจะมีนางฟ้าลงมาอยู่ที่จวนเราหรือ?” ซ่งอิ้งหร่วนเอ่ยออกมาน้ำเสียงเจือความเปรมปรียิ่ง ทั้งตั้งท่าจะรีบไปบอกพ่อบ้านใหญ่อยู่ร่อมร่อ แต่นางก็ต้องหยุดฝีเท้าเมื่อเสียงของนางฟ้าแฝงไปด้วยอารมณ์หงุดหงิดเหลือที่จะทน
“โอ้ย! นี่เจ๊ กลับไปเยาวราชเลยดีไหม? ฉันเริ่มมีน้ำโหแล้วนะ
ใครจะบ้ามาจากสวรรค์ ตกลงมาก็ตายแล้วแค่ตกบันไดขาก็แทบหัก เรื่องแค่นี้คิดไม่เป็นหรือไง! สรุปยังไงเนี่ย อีตุ๊ดมันจ้างมาเท่าไหร่ ถึงได้แสดงไม่จบสักที ไปตามมันมาเคลียร์กับฉันเลย ชักไม่ไหวแล้วนะ”
แขพยายามระงับอารมณ์อย่างที่สุดเพราะประการแรกเธอมีสอนในชั่วโมงต่อไป และอีกประการเธอเบื่อที่จะเล่นอะไรบ้าๆ นี้แล้ว
“แม่นางเมขลา ตกลงเจ้าไม่ใช่นางฟ้า?”
“แข! ชื่อเต็มๆ คือ นางสาวรัชนีกรและไม่ใช่นางฟ้าด้วย!” แขตอบทว่าสายตาเหลือบเข้าที่ชายด้านข้างของหญิงใบหน้าสวย จากที่ใบหน้าหงุดหงิดเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นปกติ และรับรู้ถึงความกดดันบางอย่าง
“เอ่อ...พาฉันกลับได้แล้วมั้งคะ”
“เจ้าจะกลับไปที่ใดช่วยบอกด้วย ที่นี่คือแคว้นเยี่ยน ตอนนี้เราอยู่ที่เมืองหลวงชื่อว่าต้าถง และที่ท่านยืนอยู่ก็เป็นจวนท่านแม่ทัพตระกูลซ่ง” ซ่งอิ้งหร่วนเอ่ยเสียงหวาน แขเริ่มขมวดคิ้วอย่างไม่เชื่อหู อีกฝ่ายเห็นใบหน้าเช่นนั้นจึงเอ่ยต่อ
“ถ้าท่านไม่เชื่อจะถามบ่าวในจวนนี้ก็ยังได้ หรือจะไปถามชาวบ้านละแวกนี้ก็ได้นะ ข้าจะพาไป” ซ่งอิ้งหร่วนตอบ แต่แขกลับนิ่งนึกถึงบางอย่าง พูดโพล่งออกมา
“โทรศัพท์! ใช่ โทรศัพท์ต้องโทรหานางตุ๊ด ถามให้รู้เรื่องกระเป๋า! กระเป๋าฉันอยู่ไหนเนี่ย ใช่! ต้องอยู่ในห้องนั้นแน่ๆ แต่เมื่อกี้ออกมาก็ไม่มี แสดงว่าตรงนี้ไม่ใช่ห้องพักครู ถ้าเดินออกจากตรงนี้ก็ต้องเจออาคารเรียน” แขไม่พูดพร่ำรีบเดินสวนสองพี่น้องออกไป เพื่อให้หลุดพ้นจากบริเวณนี้ หวังว่าจุดหมายข้างหน้าคืออาคารเรียน
และตรงนี้คือกองถ่ายที่มาแกล้งเธอ แต่เดินไปออกไปได้ไม่เท่าไหร่สายตาเห็นแต่บ่าวไพร่ทำงานอีกทั้งการแต่งกายล้วนคอสตูมทั้งนั้น ใจเธอเริ่มไม่ดี ใบหน้าเริ่มซีด มือเท้าเริ่มเย็น เธอหันซ้ายแลขวาก็ไม่เห็นทางออกจังหวะนั้นเอง สองพี่น้องตระกูลซ่งก็เดินเข้ามาหาพอดี
“เป็นอย่างไรแม่นางแข น้องสาวข้าอธิบายแล้ว ไยถึงไม่เชื่อ?” ซ่งอี้เทียนเอ่ยหลังจากเงียบอยู่นานน้ำเสียงที่เอ่ยนั้นแฝงการคาดคั้นและโทสะที่จะระเบิดจากคนร้ายที่แฝงตัวเข้ามาในเรือนนี้
“พิสูจน์สิ! ด้านนอกต้องเป็นประตูใหญ่ ฉันก็จะพิสูจน์เหมือนกันว่าพวกคุณทั้งสองนายมันขี้โกหก กำลังแสดงละครตบตาฉันอยู่ ข้างนอกนั่นต้องมีรถวิ่งมีตึก ที่นายไม่กล้าพาออกไปเพราะกลัวฉันจับได้ใช่หรือเปล่าล่ะ” แขยังคงใจดีสู้เสือ ทั้งๆ ที่ในใจเริ่มมีความกลัวเข้ามาแทรกแซง
“หึ! ไม่ใช่ว่าเจ้าปิดบัง แสร้งเล่นงิ้วเสียเอง? บอกมาว่าใครส่งเจ้ามา!” เขาเริ่มข่มขู่พร้อมย่างเท้าเดินเข้าหาอีกฝ่าย แขรับรู้ถึงภัยคุกคามได้ในเวลานี้
“อย่าเข้ามานะ ไม่มีใครส่งฉันมาทั้งนั้นนั่นแหละ”
“แล้วเจ้าเป็นใคร!”
“แล้วท่านเป็นใครเล่า?” แขย้อนถามเสียงสั่น ซ่งอิ้งเทียนเอ่ยนามของตน ทำให้แขถึงกับเย็นที่สันหลังวาบ ชื่อนี้คุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินจากที่ไหน
“ท่านช่วยพิสูจน์เรื่องเมื่อครู่ได้ไหม?” เสียงแกมขอร้อง
“ได้ งั้นเชิญแม่นางตามข้ามา” ซ่งอิ้งเทียนเดินนำ โดยมีน้องสาวของตนและแขเดินตามมาติดๆ
“นี่อย่างไรล่ะ ประตูหน้าจวนและนั่นคือป้ายบอกว่านี่คือจวนแม่ทัพซ่ง ตอนนี้ข้าก็กำลังจะเปิดประตูใหญ่ให้เจ้าดูว่าด้านนอกนั้นไร้ซึ่งสิ่งที่เจ้ากล่าวมา” ซ่งอิ้งเทียนเปิดประตูใหญ่ให้แขได้เห็นภาพนอกจวนชัดๆ แขรีบวิ่งออกไปดู หันซ้ายหันขวา วิ่งไปมาใกล้ๆ หน้าประตูจวนท่านแม่ทัพ ทำให้ชาวบ้านบริเวณนั้นมองมาที่เธอเป็นสายตาเดียว
หลังจากนั้นเธอวิ่งเข้ามาในจวนท่านแม่ทัพ และมองภายในจวนอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง สองขาของเธอค่อยๆ อ่อนแรงและทรุดลงกับพื้นไปในที่สุด
“แม่นางแข เจ้าเป็นอะไรหรือไม่? ให้ข้าไปตามหมอมาตรวจอาการเจ้าดีหรือไม่?” ซ่งอิ้งหร่วนถามด้วยความห่วงใยแต่แขยกมือบอกห้าม
“ฉันไม่เป็นไร แต่ช่วยพยุงฉันหน่อยได้ไหม ฉันเดินไม่ไหวแล้วจริงๆ” แขขอร้องให้หญิงใบหน้าสวยช่วยพยุงตนเอง เพราะเธอรู้ว่าตนรับกับเหตุการณ์นี้ไม่ไหว