ณ ห้องจัดเลี้ยง โรงแรมแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง
กลุ่มชายฝั่งเพื่อนเจ้าบ่าวสะกิดเพื่อนในกลุ่มให้หันไปมองหญิงสาวที่เดินมาคู่กับผู้ชายอีกคน ซึ่งใครๆ มองก็พอจะทราบว่าผู้ชายที่หล่อนเดินควงด้วยนั้นมิใช่ชายทั้งแท่ง
“นางแข ผู้ชายกลุ่มนั้นมองแกอ่ะ จัดสักคนสองคนดีป่ะ” นัทตี้ เพื่อนชายหัวใจสีชมพู กล่าวคะยั้นคะยอเพื่อน โดยใจก็ไม่ได้คาดหวังจะได้คู่ควงกลับบ้านเพียงแค่คุยกันอย่างสนุกปาก แต่หากได้ก็คงดีไม่น้อย
“ใจเย็นเพื่อน ใจเย็น วันนี้งานแต่งเพื่อนเบญนะจ๊ะ สำรวมผู้ใหญ่อยู่เยอะ” แขกล่าวตักเตือนเพื่อนอย่างเสียไม่ได้เพราะเธอไม่คิดที่จะมาหาคู่ในงานแต่งงานเพื่อนและยังหวงชีวิตโสดของเธออยู่
“ค่า...แม่คนสวยรวยเสน่ห์ หากไม่ได้ฉันแต่งหน้าทำผม ถามหน่อยแกจะสวยหรือ? หึ!” เมื่อพูดจบก็เปลี่ยนน้ำเสียงอย่างคนมืออาชีพ “วันนี้ไม่เมา ไม่กลับนะคะ”
ระหว่างที่นัทตี้เพื่อนชายกล่าวจบเขารีบฉุดแขนแข ไปที่โต๊ะจัดเลี้ยงซึ่งมีกลุ่มเพื่อนๆ รออยู่ทันที ระหว่างนั้นแขได้ชนกับอาม่าคนหนึ่งแทนที่หญิงสูงวัยจะล้มกลับกลายเป็นว่าเซเกือบล้มลง ถ้าไม่ได้เพื่อนคอยพยุงไว้ คงล้มหน้าคะมำ
“อาม่าคะ อาม่าทำของตกค่ะ” แขเอ่ยพร้อมยื่นหยกหญิงชราทำตกไว้บนพื้นมอบให้อีกฝ่าย
“ไม่ใช่ของอาม่าแต่ดูๆ หยกชิ้นนี้สวยดีนะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าวัยรุ่นสมัยนี้จะพกป้ายหยกติดตัวไว้ เห็นแต่ชอบใส่เครื่องประดับอย่างอื่นกัน ดีๆ เขาว่ากันว่าหยกเลือกเจ้าของ เก็บไว้ให้ดีล่ะ”
“เอ่อ ป้ายหยกนี้ไม่ใช่ของหนูค่ะ” แขยิ้มหวานพลางเอ่ยทักท้วง เพราะไม่อยากให้ใครคิดว่าตนเองแอบสวมรอยว่าเป็นเจ้าของ
“อะไรอ่ะแข นี่มันของแก ฉันเห็นแก ฉันเห็นเธอเสียบอยู่ในกระเป๋าตั้งนานแล้ว สงสัยมันคงจะร่วงตอนที่แกจะล้มเมื่อกี้นี้หรือป่าว รีบๆ เก็บ แล้วไปนั่งได้แล้ว” นัตตี้รีบกล่าวน้ำเสียงตำหนินิดหน่อยทั้งยังหันไปส่งยิ้มไมตรีให้หญิงชรา
“ขอโทษแทนเพื่อนครับด้วยนะครับอาม่า เธอสติไม่ดี มักจะหลงๆ ลืมๆ แม้แต่ลูกยังทิ้งไว้ที่บ้านเลยครับ” แขอดที่จะยิ้มเจื่อนให้อาม่าไม่ได้
‘สกัดดาวรุ่ง ไอ้เพื่อนชั่ว!’
“อาม่าอย่าไปฟังเพื่อนหนูพูดจาไร้สาระเลยค่ะ” แขหน้าแดงยิ้มเอ่ยเมื่อเห็นอาม่ายิ้มหวานเพราะไม่ได้เก็บคำพูดของเพื่อนมาใส่ใจนัก
“พวกหนูนี่ตลกเนอะ อาหนูเก็บหยกไว้ดีๆ แล้วกัน ดูมีราคา หายากมากๆ เลยนะเนี่ย อาจจะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับหนูก็ได้นะ ดูจากรูปลักษณะหยกแล้ว น่าจะเป็นหยกนำโชค”
“นำโชค!” นัตตี้เอ่ยปากหมายจะแย่งทว่าแขรีบคว้าไว้ก่อน
“ขอบคุณนะคะ อาม่าดูแข็งแรงมากเลยค่ะ ขนาดชนกับหนู ยังไม่ล้มเลย หยกชิ้นนี้คงมาพร้อมกับชุดมั้งคะ ยังไงต้องขอโทษด้วยนะคะที่ชนอาม่า” แขรีบดึงนัทมาอย่างเร็วให้มานั่งที่โต๊ะ ส่วนอาม่ายังคงยืนอยู่ที่เดิมและส่งยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“แกนะ ไม่คิดว่าฉันจะอายเลยนะ หักหน้าฉันหวังผลประโยชน์เบื้องหน้าใช่เปล่า” แขกล่าวพร้อมสายตาคาดคั้นส่งไปยังอีกคน
“รู้ดี! เพื่อเส้นชัย ฉันต้องฆ่าแกก่อน เอ๊า! คืนนี้อีกยาว” ว่าแล้วนัตตี้ก็ยกเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ขึ้นมาหมายจะกระดกดื่ม
“ยาวอะไรของแก พรุ่งนี้ฉันมีสอน ไม่ได้ว่างงานเหมือนแกนะ” แขแหวใส่เพื่อนทันที
“รู้แล้วน่า”
ทั้งสองได้คุยพบปะสังสรรค์กับเพื่อนรุ่นเดียวกัน โดยนำงานแต่งของเบญเป็นงานจัดมีตติ้งเพื่อนเลยก็ว่าได้ เพราะทั้งกลุ่มเพื่อนที่มาร่วมงานนั้นแทบจะไม่ได้สนใจคู่บ่าวสาวเลย เพราะมัวแต่สนทนาพาทีกับกลุ่มเพื่อนจนเสียงดังข้ามโต๊ะ แต่เมื่อถึงเวลาที่โยนช่อดอกคนทั้งกลุ่มต่างกรูกันเข้าไปรวมตัวหน้าเวทีเพื่อแย่งดอกไม้ ยกเว้นแต่แขที่เธอมิได้สนใจอยากไปแย่งชิงกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“นี่! เร็วไปแย่งดอกไม้ เผื่อจะได้แต่งกับเค้าบ้าง”
“ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจไปแย่ง ถ้าคนมันจะมีคู่ ยังไงมันก็มาเองอีกอย่างฉันยังอยากอยู่แบบสวยๆ ควงใครก็ได้ ไม่ผูกพัน”
“นั่นมันเรื่องของแก! แต่ตอนนี้แกต้องไปยืนกันคนอื่นให้ฉัน อย่าเรื่องมาก! เร็ว! นางเพื่อนทรยศ” นัตตี้รีบท้วง เพราะจริงๆ เค้าได้แอบวางแผนกับเพื่อนๆ ให้เพื่อนสาวของตนได้ดอกไม้ เนื่องจากแขอายุยี่สิบห้าแต่ไร้แฟนหนุ่มเดินควง เพราะเธออ้างว่าขี้เกียจให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิต
“เออๆ เรื่องมาก...ทำไมไม่บอกยายเบญให้เอาช่อดอกไม้ให้แกเลยล่ะ แล้วงานแต่งธีมจีนแต่มีโยนช่อดอกไม้...คนคิดนี่ก็เข้าใจเนอะ
ดีนะไม่ต้องกราบไหว้ฟ้าดินและให้เจ้าสาวไปรอเจ้าบ่าวในหอ ไม่งั้นงานนี้มีบุกห้องหอไปชนเหล้ากับเจ้าสาวแล้ว”
“ว้าย!!! มาแล้วๆ รับเร็ว” เสียงเซ็งแซ่จากหญิงสาวหลายคนที่ต่างรุมล้อมกันเพื่อแย้งช่อดอกไม้ ทั้งมีคู่และไร้คู่ก็ต่างมายื้อแย้งเพื่อเพิ่มสีสันในงานแต่ง
ตุ๊บ!
“กรี๊ด นางพระจันทร์เต็มดวงได้ดอกไม้ คราวนี้ได้กินโต๊ะจีนของนางแขแล้ว” เสียงนัตตี้ดังลั่นระคนความดีใจที่เพื่อนสาวได้ดังใจหวัง
เสียงหัวเราะครื้นเครงจากคนที่มาร่วมแย่งช่อดอกไม้รวมถึงบริเวณใกล้เคียงดังลั่นไปทั่ว และนั่นก็ยิ่งทำให้ครูสาวแสนสวยเป็นจุดสนใจจากหนุ่มๆ ในงานเข้าไปใหญ่ เพราะแขนั้นเป็นหญิงสาวที่สวยจัด จนมีแมวมองทาบทามเป็นดาราหรือพาไปประกวดตามเวทีต่างๆ ทว่าเธอมักจะปฏิเสธอยู่บ่อยครั้งโดยใช้ข้ออ้างว่าเธอเป็นสาวประเภทสองบ้างล่ะ เธอทำศัลยกรรมบ้างล่ะหรือไม่ก็อ้างว่าเป็นแม่ม่าย สารพัดข้ออ้างที่จะนึกได้ ณ ตอนนั้น
เมื่อถึงเวลาอันสมควรนัตตี้ได้ไปส่งแขที่ห้อง มีเพียงนัตตี้ที่เข้าห้องน้ำจัดการอาบน้ำชำระล้างร่างกายเพราะจะเอาชุดไปคืนที่ร้านในวันรุ่งขึ้น ยกเว้นก็แต่รัชนีกร บุคลากรทางวิชาชีพที่นอนเอกเขนกบนเตียง
“แกจะรีบไปไหนเนี่ย ฉันง่วงจะนอน ขี้เกียจอาบน้ำ ฉันจะนอนชุดนี้ อุตส่าห์เช่ามาใส่ให้คุ้มหน่อยก็ไม่ได้”
“ชะนีโสโครก หน้าสวยซะเปล่า ฉันว่างแค่ช่วงเช้าพรุ่งนี้ จะไปคืน ไม่งั้นแกก็เอาไปคืนมั้ยหล่ะ ยิ่งแกเป็นคนขี้เกียจ สุดท้ายไม่พ้นฉันอีกแหละ”
“รู้ตัวก็ดีแล้ว บ่าวกระทิงของข้า เจ้าต้องเป็นขี้ข้าของข้าตลอดไป” แขกล่าวอย่างอารมณ์ดีสุดท้ายก็ลุกไปอาบน้ำเพราะนัตเป็นเพื่อนที่รู้นิสัยมากที่สุด เนื่องจากเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเพราะบ้านทั้งสองติดกัน ยิ่งพ่อแม่ของแขได้เสียไปเมื่อห้าปีก่อน เพื่อนชายคนนี้กลับสงสารแขมากยิ่งขึ้น ด้วยรู้ว่าเธอไม่มีญาติที่ไหนแม้แต่งานเทศกาลต่างๆ เธอก็ไปกับครอบครัวของนัตจนกลายเป็นครอบครัวเดียวกันไปเสียแล้ว
“นี่...คุณครู เดี๋ยวนี้หันมาอ่านนิยายจีนแล้วหรอคะไม่บ้าโอปป้า หรือนั่งอ่านวรรณคดีไทยแล้วหรอ” นัตตี้หยิบหนังสือขึ้นมาดูพลิกไปพลิกมา หลังจากเพื่อนสาวออกจากห้องน้ำแล้ว
“ของนักเรียน...หยิบๆ มาอ่านฆ่าเวลารถติดก็แค่นั้น อ่านไม่รู้เรื่องหรอก พูดง่ายๆ ฉันยังไม่ได้อ่านด้วยซ้ำ พรุ่งนี้ก็กะว่าจะเอาไปคืนเด็กแล้ว ขู่ไปงั้นแหละ ใครใช้ให้ไม่ตั้งใจเรียน”
“ค่ะ...แม่ครูดีเด่น แม่พิมพ์ของชาติ สมควรยกย่องเป็นปูชนีย-บุคคล ฉันไปก่อนนะ ไว้เจอกันแต่คงอีกนานเพราะฉันขี้เกียจฟังคำแก่สั่งสอน”
“ดี ไม่ต้องมาแล้ว ไอ้คนทิ้งเพื่อน!” แขแหวใส่ แต่อีกฝ่ายเบ้ปาก
“ก็ฉันต้องไปอยู่กับแฟนนี่ ช่วยไม่ได้แฟนฉันหึงมาก”
"ย่ะ! สามีหึงมาก" แขค้อนวงใหญ่ใส่เพื่อนสนิท สุดท้ายก็เอ่ยถามเสียงอ่อยออกมา
"แล้วแกจะบินไปคืนพรุ่งนี้เลยหรอ"
"ก็ต้องรีบอ่ะ งานค้างที่โน่นเยอะเลย ถ้าไม่งานแต่งเพื่อนกับมีงานที่บริษัทเก่าให้มาช่วยเรื่องการแสดง ไม่หอบสังขารมาหรอก ผู้ชายที่โน่นน่ากินตั้งเยอะ แต่ไปเที่ยวนี้คงต้องอยู่ยาวเลยแหละ"
"อืม...แต่ฉันไม่ไปส่งนะ"
"ทำอย่างกะว่าแกเคยไปส่งอย่างนั้นแหละ แต่ว่าแกอยู่คนเดียวได้ใช่เปล่า? " เขาอดที่จะเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้
"อยู่มากี่ปีแล้ว และไปต้องมาชวนฉันไปอยู่เมืองนอกกะแกล่ะ ฉันขี้เกียจไปแย่งผู้ชายกะแก"
"งั้นฉันไปก่อนแล้วกัน ว่างๆ วีดีโอคอลมาบ้างนะแก"
"เออ...รีบไปได้แล้ว พรุ่งนี้คืนชุด ไหนจะบินอีกไปเถอะ"
"โชคดีนะชะนี ฉันรักแกนะ นางชะนีผิวพระจันทร์"
"ฉันก็รักแก เก้งน้อยหอยสังข์ "
หลังนัทตี้กลับไป เธอจึงหยิบหนังสือนิยายหมายจะมาเก็บใส่กระเป๋า แต่ด้วยความเสียดายเลยหยิบมาอ่านอีกครั้ง
“โอ้ย ชื่ออ่านยากจัง ท่านแม่ทัพ ‘ซ่งอิ้งเทียน’ ข้าน้อยขอคารวะลาก่อนนะเจ้าคะ เพราะคืนนี้ข้าน้อยมีนัดกับโอปป้าของข้า” หลังจากนั้น เธอก็เก็บหนังสือนิยายเล่มนั้นเข้ากระเป๋าเพื่อจะไปคืนนักเรียนในวันรุ่งขึ้น
และภายในคืนนั้นเอง หลังจากที่หญิงสาวอยู่ในห้วงนิทรา แสงจันทราได้สาดส่องตกกระทบเข้าป้ายหยกในกระเป๋า ส่งผลให้บังเกิดแสงสีขาวกระจายไปทั่วห้องและสักพักก็ดับไปในเวลาอันรวดเร็ว