แสนรักไม่ได้เจอหน้าสามีมาเกือบเดือน และไม่กล้าโทรถามสารทุกข์สุกดิบ เธอกลัวว่าจะไปสร้างความรำคาญให้สามีด้วยรู้ดีว่าสามีทำงานหนักมากในแต่ละวัน ไหนจะงานที่บริษัท ไหนจะงานที่โรงพยาบาล และงานสอนที่มหาวิทยาลัยอีก เขามีเวลาให้กับงาน แต่ไม่มีเวลาให้ภรรยาอย่างเธอ ก็อย่างว่านั่นแหละ เขา ‘ชัง’ เธอ แล้วจะมีเวลาให้เธอได้ยังไงกัน
“หนูแสนกลับมาแล้วเหรอลูก”
กิ่งเพชรถามลูกสะใภ้ที่เดินสะพายกระเป๋าใบเล็กเข้ามาในบ้านและกำลังเดินผ่านหน้าห้องนั่งเล่นขึ้นไปยังห้องส่วนตัวบนชั้นสอง ห้องนอนที่เป็นห้องหอ แต่ใช้ชีวิตคนเดียวมาเกือบเดือน กิ่งเพชรล่ะอยากจับลูกชายมากักขังไว้ที่บ้านเหลือเกิน คนอะไรทำแต่งาน ไม่มีเวลากลับมาที่บ้าน พักแต่ที่แฟลตโรงพยาบาล พอโทรไปหาก็บอกแต่ว่าจะหาเวลามา จนตอนนี้เกือบเดือนก็ยังไม่กลับมาหาแสนรัก ไม่รู้ว่านางและเจ้าสัวคิดถูกหรือคิดผิดที่ให้ทั้งสองแต่งงานกัน สงสารลูกสะใภ้เหลือเกินที่ถูกลูกชายตัวดีตัวเองทิ้งขว้างไม่ไยดีให้อยู่บ้านลำพังคนเดียว
“ค่ะ แม่กิ่ง” เธอเปลี่ยนปลายทางเท้าทันทีเมื่อแม่สามีเรียกทัก แสนรักเดินสะพายกระเป๋ามายังห้องนั่งเล่นพร้อมกับยกมือไหว้ท่าน ก่อนจะนั่งลงโซฟาตัวที่ว่างอยู่ตรงข้ามท่าน
“เหนื่อยไหมลูกทำงานที่บริษัท?” นางถามลูกสะใภ้อย่างเป็นห่วงและเอ็นดู
“นิดหน่อยค่ะแม่กิ่ง” เธอทำงานที่บริษัทของครอบครัวตัวเอง
“แล้วเนี่ยหนูแสนได้คุยกับพี่สงครามเขาบ้างไหมลูก”
“คือ...” เธอไม่รู้จะตอบท่านยังไง ได้แต่ก้มมองตักตัวเองและนั่นทำให้กิ่งเพชรรู้ทันทีว่าทั้งสองไม่ได้ติดต่อกัน
“ทำไมล่ะลูก หนูเป็นเมียของพี่เขานะลูก และพี่เขาก็เป็นของหนู เอางี้แล้วกัน ก่อนที่ลูกจะกลับแม่ได้โทรหาพี่สงครามเขาแล้ว ตอนนี้พี่สงครามเขาอยู่ที่โรงพยาบาล หนูเอามื้อเย็นไปส่งพี่เขาก็แล้วกันนะลูก เดี๋ยวแม่ไปสั่งเด็กเตรียมปิ่นโตให้ หนูแสนก็ไปทานมื้อเย็นกับพี่เขาที่โรงพยาบาลเลยก็แล้วกันนะ” ถ้าขืนให้ทั้งสองติดต่อกันเอง จนตายนางก็ไม่ได้อุ้มหลานแน่นอน
“คือว่า...” เธอยังไม่ทันได้พูดปฏิเสธ แม่สามีท่านก็พูดแทรกขึ้นมาว่า
“หนูแสนไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเถอะ เดี๋ยวแม่ไปสั่งเด็กเตรียมปิ่นโตให้และบอกคนขับรถเอารถมารอนะลูก” แล้วนางก็ลุกเดินออกจากห้องนั่งเล่น ส่วนแสนรักเมื่อปฏิเสธไม่ได้ก็รีบลุกเดินออกจากห้องนั่งเล่นขึ้นไปยังชั้นสองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดไปส่งปิ่นโตสามีที่โรงพยาบาล
เกือบหนึ่งทุ่มที่แสนรักมาถึงโรงพยาบาล ด้วยเวลาที่ออกจากบ้านเป็นเวลาคนเลิกงานกลับบ้านรถจะติดเป็นพิเศษ พอมาถึงได้สอบถามถึงห้องทำงานส่วนตัวของสามีแล้วก็มานั่งรอที่เก้าอี้หน้าห้องทำงานของสงครามและมองป้ายชื่อที่หน้าห้องทำงานของเขาแล้วก็ยิ้มภูมิใจในตัวของชายหนุ่ม
เวลาผ่านไปนานเกือบสามชั่วโมง พยาบาลหลายคนเดินผ่านหน้าเธอไปมาและเธอก็นั่งกอดปิ่นโตอยู่ที่เดิมรอให้เจ้าของห้องตรงหน้าผ่าตัดเสร็จกลับมาห้อง และพยาบาลทุกคนก็ไม่ได้ถามเธอว่าเธอเป็นอะไรกับอาจารย์หมอ เพราะตอนมาถึงเธอบอกว่าที่บ้านของสงครามให้นำมื้อเย็นมาให้จึงคิดเข้าใจว่าเป็นน้องสาว เพราะอาจารย์หมอไม่เคยเปิดเผยเรื่องแต่งงานกับใครที่โรงพยาบาล แม้จะงงเพราะทุกคนรู้ว่าสงครามเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้อง แต่ก็พากันคิดว่าเธอเป็นน้องสาวลูกพี่ลูกน้อง ส่วนเรื่องแต่งงานมีแค่เพื่อนสนิทอย่างนายแพทย์ตรัณเท่านั้นที่รู้ความลับนี้
“น้องคะ ฝากปิ่นโตกับพี่ไว้ก็ได้นะคะ หรือจะเข้าไปรอในห้องของอาจารย์หมอสงครามก็ได้นะคะ เพราะกว่าจะผ่าตัดเสร็จอีกนานเลยค่ะ” พยาบาลสาวเดินมาบอกเธอด้วยความสงสาร เพราะเห็นเธอมารอนานแล้ว
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ แสนรอได้ นั่งรอที่หน้าห้องได้ค่ะ” แสนรักตอบ
“งั้นก็ตามสะดวกน้องเลยค่ะ ถ้ามีอะไรให้พวกพี่ช่วย ไปหาได้นะคะ พวกพี่อยู่เวรกันถึงหกโมงเช้าค่ะวันนี้” พยาบาลอีกคนเอ่ย
“ขอบคุณนะคะ” แสนรักเอ่ยขอบคุณน้ำใจของพยาบาลสาวสวยทั้งสองที่น่าจะอายุเยอะกว่าเธอสองสามปี
“พี่ไปก่อนนะจ๊ะ มีอะไรให้ช่วยไปหาได้นะคะ”
แล้วพยาบาลสาวทั้งสองก็พากันเดินจากไป ส่วนแสนรักก็หยิบล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าสะพายโทรบอกให้คนขับรถกลับบ้านไปก่อน เธอจะอยู่รอส่งปิ่นโตให้สามี ทั้งๆ ที่เธอฝากพยาบาลไว้แล้วเธอกลับบ้านได้ แต่เธออยากอยู่รอเพราะ ‘คิดถึง’ เขา อยากเจอหน้าของเขา