Part ชานนท์
17.40 น.
ผมกำลังนั่งรอแข่งบาสรอบชิงชนะเลิศด้วยหัวใจที่เต้นแทบไม่เป็นจังหวะ ที่ผมเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะผมตื่นเต้นที่จะได้ลงแข่งขันหรอกนะ แต่เพราะวันนี้ผมจะได้รับคำตอบที่เฝ้ารอจากใครบางคนต่างหาก แม้ลึกๆ จะรู้อยู่แล้วว่าเธอเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกันกับผม แต่ผมก็ยังอยากได้ยินมันจากปากเธอ
ผู้คนเริ่มเข้ามาเต็มสนามแล้ว เสียงกองเชียร์ดังกระหึ่มเพื่อสร้างความฮึกเหิมให้กับนักกีฬา แต่ผมไม่ได้สนใจต่อสิ่งนั้น เพราะผมมีกำลังใจเฉพาะตัวที่ผมรออยู่ ผมนั่งมองไปทางประตูทางเข้าตลอดเวลา และนี่ก็ใกล้ได้เวลาลงแข่งเต็มที่แล้ว แต่ยังไม่เห็นอายเดินเข้ามาเลย จะว่ายังสอบไม่เสร็จก็ไม่น่าจะใช่เพราะนี่ก็เลยเวลาสอบมาจะร่วม 2 ชั่วโมงแล้ว
สองตาคมของกัปตันทีมที่ทำเอาสาวๆ คลั่งไคล้ทั้งโรงเรียนเจ้าของส่วนสูง 195 เซนติเมตร จ้องไปยังประตูทางเข้าสนามไม่วางตา หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลักออกมาจากอก จิตใจจดจ่ออยู่ตรงประตูทางเข้า เพื่อหวังจะได้เจอใบหน้าหวานๆ ของหญิงสาวที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงจนแทบไม่เป็นจังหวะ
แม้จะมีเสียงเชียร์ของสาวๆ ข้างสนามที่ร้องเรียกชื่อเขาไม่หยุด แต่ชานนท์ก็ไม่ได้สนใจ ร่างสูงพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่จุดจุดเดียวเท่านั้น ชายหนุ่มยืนรอได้สักพักจนเพื่อนๆ มาตามเพราะใกล้ถึงเวลาลงแข่งเต็มที แต่เขาก็ยังไม่ยอมไป ชานนท์ตั้งใจจะรอเจอหน้าอารยาเสียก่อน ถึงจะลงสนาม เพราะกำลังใจที่สำคัญที่สุดของเขาอยู่ในคำตอบของเธอ เขาเชื่อว่าอารยากำลังเดินทางมาหาเขาอย่างแน่นอน
ชานนท์ยืนรอจนเหลืออีก 5 นาทีสุดท้ายก่อนลงสนาม เขาก็ยังไม่เห็นวี่แววของอารยา เขาจึงตัดสินใจหันหลังกลับเพื่อเข้าสู่สนาม
ชานนท์ยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจเมื่อสายตาเขาเหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน รอยยิ้มบนใบหน้าของชานนท์หายไปในพริบตาเมื่อเขาเห็นว่าน้ำทิพย์เดินเข้ามาเพียงคนเดียว ร่างสูงไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปหาน้ำทิพย์ทันที ในขณะที่สายตาก็มองไปทางด้านหลังของเธอตลอดเพื่อมองหาใครอีกคน แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า
“อายล่ะทิพย์ อายยังสอบไม่เสร็จอีกเหรอ” ชานนท์ถามขึ้นด้วยความร้อนใจ คิ้วหนาผูกโบเข้าหันกันเป็นคำถามอีกทาง
“อายสอบเสร็จแล้ว แต่...อายไม่ได้มาด้วย” น้ำทิพย์ตอบกลับเสียงเบา ไม่ยอมสบตาชานนท์
“อายไปไหน ทำไมถึงไม่ได้มาด้วย” ชานนท์ถามกลับเสียงแข็ง น้ำเสียงบ่งบอกถึงอารมณ์คนพูดได้เป็นอย่างดีว่าอยู่ในอารมณ์ประมาณไหน
“คือว่า ...เอ่อ... คือ”
“รีบพูดมาทิพย์” ชานนท์ไม่รอให้น้ำทิพย์พูดจบ เขาก็ถามสวนขึ้นเสียงดังอีกครั้ง
(ขอให้นักกีฬาทุกท่านลงสู่สนามได้แล้ว...)
ยังไม่ทันที่น้ำทิพย์จะตอบออกไป เสียงประกาศเรียกนักกีฬาลงสนามก็ดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว ซึ่งถ้าใครไปไม่ทันก็จะถูกตัดสิทธิ์ออกจากสนามทันที น้ำทิพย์มองไปทางสนามก่อนจะมองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าเพื่อเตือนสติเขาว่าให้ลงสนามได้แล้ว
“ถ้าฉันยังไม่รู้เรื่องอาย ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะลงแข่งได้อย่าง ในเมื่อฉันไม่มีสมาธิในการแข่งแบบนี้ เธอรีบบอกมาว่าอายเป็นอะไร บอกความจริงฉันมา” ชานนท์คาดคั้นเอาคำตอบจากน้ำทิพย์ให้ได้ ถ้ายังไม่รู้เรื่องของอารยา เขาคงไม่มีสมาธิตามที่พูดจริงๆ เพราะเรื่องอารยามีผลต่อความรู้สึกของเขามากในเวลานี้
“อย่าแม้แต่คิดจะโกหกนะ เธอก็รู้ว่าฉันเกลียดคนโกหกมากแค่ไหน” ชานนท์เอ่ยขึ้นน้ำเสียงจริงจัง จนน้ำทิพย์หน้าเสียไปเล็กน้อย
อึก! น้ำทิพย์กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ก่อนจะมองหน้าชานนท์และเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟัง
“ทิพย์ก็ไม่รู้เรื่องอะไรมาก พอสอบเสร็จทิพย์ก็ชวนอายมาสนามเลย แต่อายก็อิดออดไม่ยอมลงมาสักที จนทิพย์ต้องลากอายลงมาถึงด้านล่าง” น้ำทิพย์มองหน้าชานนท์ที่ตอนนี้แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ก่อนที่เธอจะเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เขาฟังต่ออีกครั้ง
“แต่พอลงมาถึงด้านล่างของอาคาร อายก็เลือกที่จะเดินออกไปด้านหลังโรงเรียนโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทิพย์จึงวิ่งตามไป”
“อายจะไปไหน” ชานนท์ถามแทรกขึ้นด้วยความอยากรู้ น้ำทิพย์มองหน้าเขานิ่งก่อนที่เธอจะเล่าให้เขาฟังต่อ
“พอทิพย์วิ่งตามไปถึงก็ถามอายว่าจะไปไหน ไม่ไปสนามเหรอ…” พอเล่าถึงตรงนี้น้ำทิพย์ก็หยุดลง ทำให้ชานนท์รีบถามขึ้นด้วยความอยากรู้