ตอนที่ 4

1817 Words
หลังจากที่ลูฟาสรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว และนั่งคุยอยู่กับฮันนาอีกพักใหญ่ เขาก็ต้องรีบกลับไปเข้าห้องประชุมอีกครั้ง เพราะมีปัญหาบ้านเมืองที่กำลังรอการแก้ไขอีกหลายเรื่อง ฮันนาเดินอมยิ้มออกมาจากอุทยานส่วนตัวขององค์สุลต่านด้วยความรื่นเริง หล่อนมีความสุขที่กำลังจะได้เป็นองค์สุลตาน่า ผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนครฟาดิลาห์ แม้ว่าหล่อนจะไม่ได้รักองค์สุลต่านมากเท่ากับที่ตนเองรักฮูเซ็นพี่ชายบุญธรรมก็ตาม หล่อนจะเก็บผู้ชายทั้งสองคนนี้เอาไว้ในอุ้งมือทั้งสองข้างของตนเอง ไม่ยอมให้หลุดแม้แต่มือเดียว “เจ้ากล้าดียังไงเข้าไปในอุทยานส่วนพระองค์ของเสด็จพี่” องค์หญิงมารีอาห์เดินสวนทางมาเจอฮันนาก็แสดงความไม่พอใจทันที “ถวายบังคมเพคะองค์หญิงมารีอาห์” ฮันนาถวายความเคารพ ก่อนจะระบายยิ้มเย่อหยิ่ง มารีอาห์มองสตรีตรงหน้าที่พี่ชายลุ่มหลงด้วยความชิงชัง มองอย่างรู้เช่นเห็นชาติ “ตอบเรามา เจ้าเข้าไปในอุทยานของเสด็จพี่ได้ยังไง” ฮันนาระบายยิ้ม และลอยหน้าลอยตาตอบ “หม่อมฉันก็นำพระกระยาหารกลางวันไปถวายองค์สุลต่านน่ะสิเพคะ องค์หญิงมารีอาห์” “อาหารที่เจ้าโกหกเสด็จพี่ของเราว่าทำเองอย่างนั้นน่ะเหรอ” มารีอาห์มองฮันนาอย่างรู้ทัน แต่ฮันนาไม่ยอมรับความจริง “องค์หญิงทรงเชื่อสิ่งที่นัง... เอ่อ จินนี่ใส่ร้ายหม่อมฉันด้วยเหรอเพคะ” “จินนี่ไม่เคยบอกเราว่าเจ้าทำอาหารไม่เป็น แต่คนอื่นบอกเราต่างหากล่ะ” “แต่หม่อมฉันยืนยันได้เพคะว่าหม่อมฉันเป็นผู้ลงมือทำอาหารเองทุกอย่าง” “เราไม่เชื่อน้ำคำเจ้าหรอก” ฮันนายิ้มอย่างไม่ใส่ใจสตรีผู้สูงศักดิ์ตรงหน้า เพราะรู้ดีว่าอีกไม่นานหล่อนก็จะมียศฐาบรรดาศักดิ์สูงกว่า “หม่อมฉันไม่สนใจผู้ใดหรอกเพคะ ขอแค่องค์สุลต่านทรงเชื่อหม่อมฉันเพียงพระองค์เดียวก็พอ” “นี่เจ้า...” “หม่อมฉันทูลลานะเพคะ พอดีจะต้องรีบกลับไปขัดเนื้อขัดตัวอบสมุนไพร เพื่อเตรียมตัวเป็นองค์สุลตาน่าเพคะ” แล้วฮันนาก็เชิดหน้าและเดินจากไปด้วยท่าทางหยิ่งผยอง “นังแม่มด!” องค์หญิงมารีอาห์กำมือแน่นด้วยความขัดเคืองใจ “เราจะต้องเปิดโปงเจ้าให้ได้” ฮันนากลับมาบ้านด้วยอารมณ์รื่นรมย์ เพราะสิ่งที่ตัวเองต้องการกำลังจะตกมาอยู่ในอุ้งมือทุกอย่าง “อุ๊ย...” ร่างของฮันนาถูกใครบางคนกระชากเข้าไปในที่ลับตาคน และปากของหล่อนก็ถูกมือใหญ่ปิดเอาไว้แน่น “ชูว์... พี่เองฮันนา” เมื่อเห็นว่าเป็นใคร สีหน้าที่ตื่นตกใจของฮันนาก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มในทันที “พี่ฮูเซ็น” ฮันนากวาดตามองใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายบุญธรรมที่ตัวเองลักลอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยมานานหลายปีด้วยความพึงพอใจ ฮูเซ็นไม่ได้มีดีแค่หล่อเหลา และรูปร่างที่กำยำล่ำสันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ชายหนุ่มยังเก่งฉกาจเรื่องบนเตียงยิ่งนัก ทำให้หล่อนลุ่มหลงจนไม่อาจจะตัดใจลาจากได้เลย “ไม่ต้องมาทำเป็นยิ้มหวานให้พี่เลย ฮันนาไปเข้าเฝ้าองค์สุลต่านมาอีกแล้วใช่ไหม” “ใช่ค่ะ แต่ฉันต้องไปเพราะเป็นคำสั่งของท่านพ่อ พี่ก็รู้อยู่เต็มอกนี่คะพี่ฮูเซ็น” “แต่พี่หวงฮันนานะ” “ฉันรู้ และฉันก็ทั้งรักทั้งหวงพี่เหมือนกัน แต่ฉันขัดใจพ่อไม่ได้ เรื่องของเรามันเป็นได้แค่ความลับเท่านั้น” คำพูดของฮันนาทำให้ฮูเซ็นคลายมือจากร่างอรชร พร้อมกับถอยหลังออกห่าง “ฮันนาพูดกับพี่แบบนี้ แสดงว่าจะทิ้งพี่แล้วใช่ไหม” “ไม่ใช่อย่างนั้นนะพี่ฮูเซ็น ฉันไม่เคยคิดจะทิ้งพี่เลย ฉันรักพี่ พี่ก็รู้อยู่เต็มอกนี่คะ” “รักพี่แต่ฮันนาก็ต้องไปอภิเษกกับองค์สุลต่าน” “เพราะฉันหลีกเลี่ยงไม่ได้ยังไงล่ะ แต่ถึงฉันจะอภิเษกไปกับองค์สุลต่าน แต่ฉันก็ไม่มีวันที่จะทิ้งพี่หรอก ฉันจะลักลอบออกมาหาพี่ทุกครั้งที่ฉันมีโอกาส ยิ่งองค์สุลต่านมีราชกิจมากมายเช่นนี้ เราสองคนก็จะได้พบเจอกันบ่อยมากยิ่งขึ้น” “แต่พี่ทนไม่ได้ที่ต้องยอมให้ฮันนาไปเป็นของชายอื่น” ฮูเซ็นพูดออกมาอย่างเสียใจ “ถึงฉันจะต้องนอนกับองค์สุลต่านบ้าง แต่พี่ฮูเซ็นอย่าลืมสิว่าพี่เป็นคนได้ครั้งแรกของฉันไป และเราก็ได้เสียกันมาตั้งนานแล้วด้วย ดังนั้นพี่ฮูเซ็นคือชายคนเดียวที่ฉันรัก...” ฮันนามีปากเป็นเอก ไม่ว่าหล่อนจะพูดอะไรออกมา ฮูเซ็นก็หลงเชื่อได้โดยง่าย “พี่เชื่อฮันนาได้ใช่ไหม” “ได้สิคะพี่ฮูเซ็นยอดรัก... ฉันรักพี่มากนะ” ฮันนาที่ตั้งใจจะเหยียบเรือสองแคมก้าวเข้าไปสวมกอดร่างกำยำของฮูเซ็นแน่น ยกมือสอดเข้าไปใต้ตัวเสื้อของชายหนุ่ม และลูบไล้แผ่นอกกว้างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างจงใจปลุกเร้า ฮูเซ็นครางฮือ และกำลังจะจับร่างของฮันนานอนราบกับพื้น แต่ฮันนาคัดค้าน “ตอนนี้ไม่ได้หรอกพี่ฮูเซ็น เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” “แต่พี่อยากได้ฮันนา อยากเข้าไปในตัวของฮันนา หรือฮันนาไม่ชอบตอนที่พี่โยกอยู่ในตัวของฮันนาล่ะ” จากที่ตั้งใจจะนัดชายหนุ่มออกมาเจอในค่ำคืนนี้ ฮันนาก็อดใจไม่ไหวในที่สุด หล่อนสูดปากแรงๆ ช้อนตาหวานฉ่ำที่เต็มไปด้วยแรงพิศวาสมองฮูเซ็น “งั้นเร็วหน่อยนะพี่ฮูเซ็น ฉันกลัวใครมาเห็นน่ะ” “ได้... ได้สิ ฮันนา...” ฮูเซ็นสลัดเสื้อออกจากตัวและนำมาปูกับพื้นหญ้า พร้อมกับดันร่างบอบบางของฮันนาให้นอนหงายลงไป เขาสลัดกางเกงตามขึ้นทาบทับ และจัดการดื่มกิน หญิงสาวกรีดร้องงึมงำในลำคอด้วยความเสียวกระสัน หล่อนแพ้ปาก แพ้ลิ้นของเขาเสมอ และหลังจากเล้าโลมจนอิ่มเอม เขาก็ฝังตัวลงไปสุดแรง ฮันนายิ้มกว้าง และเด้งรับ เจ้าหล่อนชอบความรุนแรง และเขาก็จัดให้ตามคำขอ สองร่างสอดประสานกันอย่างดุดัน ไม่มีเสียงคราง เพราะเอามืออุดปากเอาไว้ เสียงกระแทกกระทั้นดังแหวกพงหญ้าออกไป แต่ก็โชคดีที่ไม่มีใครผ่านมาได้ยิน “คืนนี้ที่เดิมนะพี่ฮูเซ็น... แค่ครั้งเดียวฉันยังไม่อิ่ม...” ฮันนาลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า และตรวจเช็กความเรียบร้อยของตัวเอง กายสาวเบิกบานเพราะได้รับการปลดปล่อย “ตกลง พี่ไปก่อนนะ” ฮูเซ็นรีบหลบฉากออกไปแล้ว ฮันนาจึงเดินออกมาจากพงหญ้าข้างทาง และมุ่งหน้าเดินกลับเรือนพัก ซึ่งก็ได้เจอมารดานั่งดื่มชาอยู่บนเรือน “ดื่มชากับแม่ก่อนไหมฮันนา” ฮันนาเดินมาหยุดตรงหน้ามารดา และระบายยิ้มอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ “ก็ได้ค่ะท่านแม่” วีณาผู้เป็นมารดาหันไปสั่งคนรับใช้ให้รินชาให้กับลูกสาวคนสวย ก่อนจะรอจนฮันนาจิบชาจนเสร็จ จึงเอ่ยถามขึ้น “เมื่อเช้าเจ้าทำดีมากนะฮันนา” “เรื่องอะไรเหรอคะท่านแม่” วีณาที่นิสัยร้ายกาจไม่ต่างจากลูกสาวระบายยิ้มสะใจ “ก็เรื่องที่เจ้าตีนังไพร่สองแม่ลูกนั่นยังไงล่ะ” ฮันนาอมยิ้มเมื่อเข้าใจความหมายของมารดา “ฉันจะตีมันสองคนให้ตายอยู่แล้วละท่านแม่ แต่ท่านพ่อมาห้ามเอาไว้เสียก่อน” วีณาชักสีหน้าทันทีเมื่อได้ฟังคำพูดของลูกสาว “ท่านพ่อของเจ้าน่ะยังอาลัยอาวรณ์มันอยู่น่ะสิ” “ไม่ใช่หรอกท่านแม่ เห็นท่านพ่อบอกว่าท่านไม่อยากให้มันสองคนตายในเรือนน่ะค่ะ” แม้ลูกสาวจะแก้ตัวแทนบิดา แต่ใบหน้าของวีณาก็ยังไม่คลายความบึ้งตึง “ว่าแต่เจ้าเถอะ ไปเข้าเฝ้าองค์สุลต่านมาเป็นอย่างไรบ้าง” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะท่านแม่” วีณาตวัดตามองลูกสาวอย่างละเอียดลออ ก่อนจะเลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นเศษหญ้าติดอยู่ที่เส้นผมหยิกขอดของฮันนา “แล้วนั่นเจ้าไปนอนกับพื้นหญ้ามาหรือไง ทำไมมีเศษใบหญ้าติดเส้นผมมาด้วยล่ะ” สีหน้าของฮันนาซีดเผือด รีบปัดเศษใบหญ้าออกจากเส้นผมของตนเอง และรีบกลบเกลื่อน “มันคงปลิวมาใส่น่ะค่ะท่านแม่ ไม่มีอะไรหรอก” วีณาหรี่ตาแคบมองลูกสาว ก่อนจะพูดขึ้น “เจ้ากำลังจะได้เป็นผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนครฟาดิลาห์ในไม่ช้า ดังนั้นเจ้าจะต้องทำตัวให้ดี ให้สมกับเป็นองค์สุลตาน่าขององค์สุลต่านเข้าใจหรือเปล่า ฮันนา” “ฉันก็ประพฤติตนเป็นหญิงงามพร้อมสำหรับองค์สุลต่านมาตั้งแต่ลืมตาดูโลกแล้วละท่านแม่” “ดีมาก อ้อ แล้วเจ้าไม่เข้าครัวไปหัดทำอาหารเหรอ” ศีรษะของฮันนาส่ายไปมาเล็กน้อย “ไม่ไปหรอกท่านแม่ ฉันขี้เกียจ และฉันก็เกลียดกลิ่นควันไฟจะตายไป” “แต่เจ้าจะใช้นังจินนี่มันทำอาหารให้ทุกวันแบบนี้ไม่ตลอดชาติไม่ได้หรอกนะ เพราะแม่มีความคิดที่จะขับไล่มันกับแม่ชั่วๆ ของมันออกไปจากฟาดิลาห์ในไม่ช้านี้แล้ว” ฮันนากระแทกลมหายใจออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันไม่สนใจมันหรอกแม่ ถ้ามันไม่อยู่ ฉันก็ไม่ต้องทำยังไงล่ะ เพราะเมื่อฉันขึ้นเป็นองค์สุลตาน่า แม่ครัวมากมายในครัวหลวงก็อยู่ในอำนาจของฉันทั้งหมดนั้นแหละ” “แต่เจ้าบอกว่าองค์สุลต่านหลงอาหารที่เจ้านำไปถวายไม่ใช่เหรอ” “ก็ใช่ท่านแม่” “แล้วถ้าวันใดวันหนึ่ง องค์สุลต่านต้องการเสวยอาหารฝีมือของเจ้าอีกล่ะ เจ้าจะทำยังไง ถ้านังจินนี่มันไม่อยู่แล้ว” “ฉันก็ไม่คิดจะทำอะไรหรอกท่านแม่ เพราะถึงตอนนั้น ฉันก็ได้เป็นองค์สุลตาน่าเรียบร้อยแล้ว องค์สุลต่านก็คงไม่กริ้วฉันเพราะรสมือของฉันเปลี่ยนไปหรอก” ฮันนาคิดอย่างหยิ่งผยอง ก่อนจะวางถ้วยชา และลุกขึ้นยืน “แต่ถึงอย่างไรเจ้าก็ต้องระวังตัวให้ดี ฮันนา” “ฉันเข้าใจแล้วละท่านแม่” ฮันนาตอบมารดาอย่างเบื่อหน่าย “ฉันขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ สงสัยกินเยอะก็เลยง่วงนอน” ความจริงฮันนาเพลียจากบทสวาทของฮูเซ็นต่างหาก “ไปเถอะ” วีณามองตามร่างบอบบางของลูกสาวไปจนลับตา มองด้วยความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD