ตอนที่ 3

1732 Words
ความเจ็บปวดทำให้น้ำตาของจิรัชยาเอ่อคลอเบ้า แต่กลับไม่ได้รับความเมตตาจากฮันนาเลยแม้แต่น้อย เพราะอุ้งมือของฮันนายังคงกำเส้นผมนุ่มสีดำขลับของหล่อนแน่นหนา “แกกล้าดียังไงไปอ่อยพี่ฮูเซ็น!” “เปล่านะ ฉันไม่ได้ทำอย่างที่พี่ฮันนากล่าวหานะคะ” “ก็ฉันเห็นกับตา นังสารเลว แกจะแรดจะร่านอะไรนักหนา” ฮันนาเค้นเสียงเดือดดาลลดหน้าน้องสาว ก่อนจะผลักร่างอรชรของจิรัชยาที่ดูอวบอิ่มกว่าตนเองลงไปกระแทกพื้นถนนอย่างแรง จากนั้นก็ตามเข้าไปเอาเท้าเหยียบที่ข้อมือเล็ก “โอ๊ย... พี่ฮันนา... อย่าทำฉันเลย ฉันเจ็บ...” “ฉันจะทำยิ่งกว่านี้อีก” แล้วฮันนาก็จิกเส้นผมของจิรัชยาอีกครั้ง ขยุ้มและดึงแรงๆ ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงบนแก้มนวลสุดแรง “โอ๊ย...” ใบหน้าของจิรัชยาสะบัดไปตามแรงปะทะจากฝ่ามือเล็กของฮันนา หยาดเลือดทะลักซึมออกมาจากมุมปากอิ่มหนา น้ำตาของจิรัชยาไหลรินเป็นทางด้วยความเจ็บปวด “อย่าทำฉัน... พี่ฮันนา... อย่าทำฉันเลย ฉันกลัวแล้ว...” แม้น้องสาวต่างมารดาจะวิงวอนสักแค่ไหน แต่ฝ่ามือและฝ่าเท้าของฮันนาก็ยังไม่หยุดกระทำแม้แต่น้อย ความริษยาในรูปโฉมของจิรัชยาอัดแน่นเต็มอก เพราะหล่อนรู้ดีว่าหากจิรัชยาแต่งหน้าแต่งตัว น้องสาวจะต้องงามหาใครเทียมได้ แม้กระทั่งหล่อนก็เช่นกัน “ฉันเกลียดแก! แกมันก็แค่ลูกไพร่...” “พี่ฮันนา... ฉันกลัวแล้ว... อย่าทำฉันเลย อย่าทำฉันเลย... ได้โปรดหยุดเถอะค่ะ ได้โปรด...” จิรัชยาถูกทั้งตบทั้งกระทืบจนสะบักสะบอม แต่ฮันนาก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หญิงใจร้ายก้มลงหยิบไม้กวาดที่จิรัชยาใช้กวาดถนนมาถือเอาไว้ หล่อนเงื้อสูงกลางอากาศ และกำลังจะฟาดใส่ร่างของผู้เป็นน้องสาว แต่แล้วก็มีร่างของใครคนหนึ่งถลาเข้ามากอดร่างของจิรัชยาเอาไว้ “คุณหนูเจ้าคะ ได้โปรดอย่าทำร้ายจินนี่เลยเจ้าค่ะ อย่าทำจินนี่เลย...” นางผู้นั้นคือจันจิรา มารดาไพร่ที่บังอาจยั่วยวนบิดาของหล่อนจนเกิดมีมารหัวขนอย่างจิรัชยาขึ้นมานั่นเอง ฮันนากำด้ามไม้กวาดแน่น ก่อนจะแค่นยิ้มร้ายกาจ “แกห้ามใคร นังไพร่!” “แม่จ๋า... แม่ออกไปเถอะจ้ะ อย่าเข้ามาเลย” จิรัชยาพยายามดันร่างของมารดาออกไป แต่ผู้เป็นมารดาไม่ยอม ยังกอดรัดร่างของหล่อนเอาไว้แน่น “ไม่ แม่ไม่ไปไหน แม่จะไม่ยอมให้ลูกถูกตีตาย” “หึ ดี... งั้นก็ถูกฉันตีทั้งสองคนก็แล้วกัน” แล้วฮันนาก็เงื้อด้ามไม้ฟาดขึ้นสูง ก่อจะฟาดลงมาไม่ยั้ง ร่างของจันจิราพยายามรับแรงกระแทกจากด้ามไม้กวาดแทนลูกสาว จนจิรัชยาร้องไห้คร่ำครวญเพราะสงสารมารดา “พี่ฮันนา... อย่าตีแม่... อย่าตีแม่ของจินนี่ ได้โปรด... หยุดเถอะค่ะ ได้โปรดเถอะค่ะ...” “ฉันจะตีพวกแกให้ตาย” เสียงไม้กระทบกับร่างของมนุษย์ดังสนั่นหวั่นไหว จนกระทั่งฮาริสได้ยิน และลงมาห้ามปราม เพราะเกรงว่าเมียทาสกับลูกสาวที่ตัวเองไม่ต้องการจะตายคามือของฮันนา “ฮันนา หยุดเดี๋ยวนี้” “ท่านพ่อ” ฮันนาชะงักมือที่จะตีลงบนร่างของสองแม่ลูก หันไปมองบิดาที่เดินเข้ามาหา “หยุดเถอะ ตีไปพวกมันก็ตายเปล่าๆ” “แต่ฉันโมโหนี่คะท่านพ่อ” ฮาริสดึงไม้กวาดออกจากมือของลูกสาวคนโปรด และพยายามคลี่คลายสถานการณ์ “ไหนว่าเจ้าจะต้องนำพานอาหารคาวหวานไปถวายองค์สุลต่านยังไงล่ะ นี่ก็เกือบจะได้เวลาที่พระองค์จะเสวยพระกระยาหารเที่ยงแล้วนะฮันนา” “ฝากไว้ก่อนเถอะ นังพวกไพร่!” ฮันนายืนกัดฟันแน่น มองสองแม่ลูกที่ตอนนี้สภาพยับเยินด้วยความเกลียดชัง “งั้นฉันไปก่อนนะคะท่านพ่อ” เมื่อฮันนาเดินกระฟัดกระเฟียดมุ่งหน้าเข้าไปในพระราชวังแล้ว ฮาริสก็มองสภาพสองแม่ลูกทาสของตนเอง วูบหนึ่งก็รู้สึกสงสารขึ้นมา แต่ไม่ช้ามันก็จางหายไป “ไปทายาให้เรียบร้อย แล้วออกมาทำงานต่อ” จิรัชยาช้อนตามองบิดาของตนเอง บิดาที่ไม่เคยยอมรับว่าหล่อนคือลูกแม้แต่ครั้งเดียว ด้วยความปวดร้าวทรมาน ท่านแค่ทำให้หล่อนเกิดมา แต่ไม่เคยรัก ไม่เคยเมตตา และไม่เคยแม้แต่จะกอดให้ความอบอุ่นเลยสักครั้ง หล่อนโหยหาอ้อมกอดของบิดาเสมอมาตั้งแต่เล็กจนโต แต่ท่านก็ไม่เคยที่จะมอบให้ มีเพียงความเย็นชา ห่างเหินเท่านั้นที่หล่อนได้รับจากฮาริสทุกเมื่อเชื่อวัน แม่บอกกับหล่อนเสมอว่า หล่อนเป็นลูกที่เกิดมาจากความผิดพลาด แต่แม่ก็รักหล่อนยิ่งกว่าดวงใจ ในขณะที่พ่อ ไม่เคยหยิบยื่นแม้แต่เสี้ยวเศษของความรักให้เลย “ไปสิ ยังจะมามองอยู่อีก หรือว่าอยากถูกฉันเฆี่ยน” ฮาริสตวาดไล่อย่างไม่ไยดี “เจ้าค่ะ ท่านเสนาฯ” แม่ของหล่อนตอบรับด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง ก่อนจะพาหล่อนคลานออกจากตรงนั้น หอบร่างกายบอบช้ำกลับไปยังเรือนพักคับแคบทั้งน้ำตา “แม่จ๋า... ทำไมพวกเขาถึงต้องทำกับเราอย่างนี้ด้วยจ๊ะ ทำไมเขาถึงไม่เห็นเราเป็นญาติพี่น้องบ้างเลย” หล่อนรู้ดีว่าตนเองถามมารดาแบบนี้นับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งที่ถามออกไป แม่ก็ทำได้แค่เพียงร้องไห้ และมอบคำตอบเดิมๆ ให้กับหล่อนเสมอ “เราเป็นไพร่ลูก” แม่ตอบเหมือนเดิมอีกครั้ง “แล้วเมื่อไหร่... เราถึงจะหลุดพ้นจากความทุกข์นี้เสียทีจ๊ะแม่ ฉันทรมานเหลือเกิน” “คงจนกว่าชีวิตของพวกเราจะหาไม่” “แต่ฉัน... อยากไปจากฟาดิลาห์ ฉันไม่อยากทนอยู่ที่นี่อีกแล้ว แม่ไปกับฉันนะจ๊ะ” มารดาของหล่อนส่ายหน้าปฏิเสธเหมือนเช่นเคย “แม่ไปไม่ได้หรอก แม่รักพ่อของลูก” “แต่ท่านพ่อ... ไม่เคยเห็นแม่เป็นภรรยาเลยนะคะ” แม่ของหล่อนร้องไห้เงียบๆ ขณะทำแผลให้กับหล่อนอย่างเบามือ หล่อนมองแม่ด้วยความสงสาร และก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมาอีก เพราะรู้ดีว่าแม่ไม่มีทางเปลี่ยนใจ ภายในอุทยานของฟาดิลาห์ถูกประดับตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับอย่างประณีตสวยงาม ดอกไม้นานาพันธุ์แข่งขันกันผลิดอกแตกใบเบ่งบานรับภมรหนุ่ม เสียงน้ำตกจำลองดังกังวานคลอเคลียราวกับเสียงเครื่องดนตรีที่ถูกบรรเลงด้วยนางสวรรค์ และเหตุผลนี้เองทำให้องค์สุลต่านลูฟาสแห่งฟาดิลาห์ชื่นชอบการรับประทานอาหารกลางวันที่นี่ยิ่งนัก “ถวายบังคมเพคะ องค์สุลต่าน” เสียงอ่อนหวานไม่ต่างจากระฆังแก้วของฮันนาดังขึ้น เจ้าหล่อนระบายยิ้มหวานไม่ต่างจากน้ำเสียงให้กับเขา หล่อนมักจะมาหาเขาเวลานี้เสมอ พร้อมกับอาหารคาวหวานรสเลิศที่หล่อนเป็นคนทำเองกับมือมาถวาย “เราคิดว่าเจ้าจะไม่นำอาหารอร่อยๆ มาให้เราเสียแล้ว” “หม่อมฉันมัวแต่เข้าครัวน่ะเพคะ ก็เลยลืมเวลาไปเลย หม่อมฉันต้องขอประทานอภัยด้วยนะเพคะ” ลูฟาสระบายยิ้ม มองฮันนาด้วยความเอ็นดู เพราะเจ้าหล่อนงามทั้งกาย งามทั้งกิริยามารยาท แถมฝีมือทำอาหารก็ยังยอดเยี่ยม จนเขาเสพติดอาหารฝีมือของหล่อนเสียแล้ว “เราไม่เคืองเจ้าหรอก แค่กำลังรอเท่านั้นแหละ” “ขอบพระทัยเพคะ” ฮันนายิ้มหวานอย่างมีจริต “เจ้าขึ้นมานั่งกับเราเถอะ แล้วก็มากินด้วยกัน” ลูฟาสตบที่นั่งข้างๆ และเชื้อเชิญ “เอ่อ... หม่อมฉันเกรงว่าจะไม่งามน่ะเพคะ” “เจ้ากำลังจะได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์สุลตาน่าของเราในไม่ช้านี้แล้วนะฮันนา ไม่มีอะไรไม่งามหรอก” “แต่ว่า... องค์หญิงมารีอาห์ทรง...” ฮันนาได้ทีก็อดที่จะกล่าวหามารีอาห์ไม่ได้ “เอ่อ... ทรงไม่โปรดหม่อมฉันเพคะ” “เรื่องนั้นเรารู้อยู่เต็มอก แต่เจ้าอย่าไปใส่ใจอะไรมารีอาห์เลย นางยังเยาว์นัก” “หม่อมฉันไม่เคยบังอาจโกรธเคืององค์หญิงมารีอาห์หรอกเพคะ ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว” ฮันนาแสดงท่าทางเป็นคนดีที่น่าสงสารได้อย่างแนบเนียนจนน่าได้รางวัลออสการ์ “เพราะหม่อมฉันรู้ดีว่าองค์หญิงทรงฟังความจากผู้ใดมา” ใบหน้าหล่อจัดของลูฟาสดุกระด้างขึ้น เมื่อสมองมีชื่อของจิรัชยาดังขึ้น “น้องสาวของเจ้าสินะ” “ความจริงหม่อมฉันก็ไม่อยากจะพูดถึงน้องสาวในทางที่ไม่ดีหรอกนะเพคะ แต่ว่านาง... นิสัยแย่จริงๆ เมื่อคืนก็เพิ่งจะหนีออกไปเที่ยวนอกวังมา ท่านพ่อจับได้ก็เลยเฆี่ยนนางเพคะ หม่อมฉันสงสารก็เข้าไปห้าม แต่ก็ช่วยอะไรนางไม่ได้มากนัก...” “คงออกไปพร้อมกับมารีอาห์สินะ” ลูฟาสเค้นเสียงเดือดดาลเล็ดลอดไรฟันออกมา “เมื่อคืนองค์หญิงมารีอาห์เสด็จออกนอกวังอีกแล้วเหรอเพคะ” ฮันนาแปลกใจ “ใช่ เราเตือนเท่าไหร่ก็ไม่ยอมฟัง” ลูฟาสถอนใจยาวๆ “องค์สุลต่านอย่าทรงตำหนิองค์หญิงมารีอาห์เลยเพคะ เพราะถ้าหม่อมฉันเดาไม่ผิด ผู้ที่ชักชวนองค์หญิงจะต้องเป็นจินนี่แน่ๆ เพราะนางชอบเที่ยวกลางคืน” ยิ่งได้ฟังคำพูดของฮันนา ความเกลียดชัง ความขยะแขยงของลูฟาสที่มีต่อจิรัชยาก็ยิ่งเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น และเขาก็คิดว่าตัวเองจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว เพื่อหยุดความเกเรของสตรีนางนี้ “เลิกพูดถึงนางเถอะ เดี๋ยวเราจะกินอาหารอร่อยๆ ของเจ้าไม่ได้” “เพคะ องค์สุลต่าน” “เจ้าขึ้นมานั่งข้างเรา มาเร็วสิ” เมื่อลูฟาสออกปากเรียกอีกครั้ง ฮันนาก็ยิ้มกว้าง และเดินขึ้นไปนั่งข้างเรือนกายกำยำของจ้าวผู้ครองแคว้นทันที จากนั้นก็ปรนนิบัติชายหนุ่มด้วยมารยาหญิงพันเล่มเกวียน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD