“อ๊ะ.. นายท่านขา อย่าเพิ่งไปค่ะ”
พิมพายกแขนขึ้นโอบกอดร่างกายกำยำไว้ หญิงสาวไม่ยอมปล่อยให้ราชันออกห่าง ใบหน้าสวยสมวัยอิ่มเอิบ ดวงตาฉ่ำเยิ้มเต็มไปด้วยความสุขสมที่ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน
“ปล่อย”
“นายท่าน พี่จ๋า.. อยู่กับพิมต่อนะคะ”
“ไม่”
“แต่พี่จ๋ายังอยากอยู่เลย” ว่าพลางเอื้อมมือลงไปชักรูดท่อนกายใหญ่อย่างชำนาญ “ดูสิ มันยังแข็งอยู่เลย ไม่ปล่อยออกมันจะทรมานนะพี่”
“อย่า.. อืม”
“พี่จ๋า ให้พิมรีดมันออกนะคะ”
พิมพามีชั้นเชิงมากมาย หล่อนปลุกเร้าจนราชันอดทนไม่ไหว จอมโจรคิดว่าไหน ๆ ก็ออกมาแล้ว และคงอีกสักพักกว่าจะได้กลับเข้ามาในเมืองอีกก็ควรตักตวงให้คุ้ม จะได้ไม่คึกเวลาเห็นเด็กที่บ้าน
“ไปเอาเครื่องป้องกันมา”
“กี่อันดีคะ”
“แล้วแต่”
พิมพายิ้มรับ หล่อนลุกขึ้นนุ่งผ้าถุงกระโจมอกออกไปจากห้องทั้ง ๆ แบบนั้น ไม่กี่อึดใจก็กลับมาพร้อมยางสำหรับสวมใส่ป้องกันโรคและตั้งท้องสามอัน
“เท่านี้.. พอไหมคะ”
“อย่าถามมาก รีบมาขย่ม”
พิมพาได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มหวาน หล่อนปลดผ้าถุงออกเผยให้เห็นเรือนร่างขาวผ่องอวบอิ่ม อกเป็นอก อวบใหญ่น่าขยำ เอวคอดกิ่ว สะโพกผาย ลีลาบนเตียงเด็ดดวงถูกใจราชัน แต่น่าเสียดายที่สองเต้านั้นมันหย่อนคล้อย ไม่ได้เต่งตึงเหมือนกับ...
“บัดซบ!”
ราชันสบถ ขนาดจะเอากับคนอื่นในหัวเขายังมีแต่ภาพของเด็กหน้าตาอัปลักษณ์วนเวียนไม่ห่าง ไม่รู้ว่ามีดีอะไรนักหนา
ก็แค่หุ่นดี ผิวขาว นมใหญ่ หัวนมสีชมพู...
“แม่งเอ้ย!” ราชันหัวเสีย สบถไม่เป็นคำก่อนจะหันไปสั่งโสเภณีคนสวย “รีบทำเข้า หากทำให้ถูกใจจะให้เงินเพิ่ม”
“พี่จ๋าใจดีที่สุด”
พิมพาขึ้นคร่อมอย่างชำนาญ ท่อนลำที่สวมใส่ยางป้องกันเรียบร้อยแล้วตั้งตรง โสเภณีสาวเลียริมฝีปาก นอกจากเงินแล้วสิ่งที่ทำให้หล่อนไม่อยากปล่อยแขกคนนี้ไปก็คือขนาด ลีลา และความอึดทน
เป็นโสเภณีมาเกือบปี แต่หล่อนไม่เคยเจอแขกคนไหนที่เอาดุ เอาเก่งขนาดนี้มาก่อน ทั้งดุทั้งอึด ทำเอาหล่อนถึงสวรรค์ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง พิมพาคิดว่าถ้าหากหล่อนทำให้นายท่านติดใจได้ หล่อนก็คงได้สุขสมไปอีกนาน
“อ๊าา พี่จ๋า”
.
.
“น้อง”
“อืม..”
“น้อง!”
“อื้อ” ใบบัวครางในลำคอ หัวที่ซุกลงกับเข่ายกขึ้นมองคนที่มาสะกิดเรียก “มีอะไรจ๊ะพี่”
“สองยามแล้ว ไม่กลับบ้านกลับช่องรึ”
“ห๊า! ดึกดื่นขนาดนี้แล้วหรือจ๊ะ”
ใบบัวตื่นเต็มตาแล้วลุกขึ้นยืนทันที เธอมองหาเหนือเมฆเป็นอย่างแรก แล้วก็พบว่าม้าจอมหยิ่งยังยืนกำลังเคี้ยวฟางเอื่อย ๆ อยู่เหมือนเดิม
หมายความว่าราชันไม่ได้ทิ้งเธอไว้ แต่เขาน่าจะยังไม่กลับมาจากธุระที่ทำต่างหาก ไม่รู้ว่าหายไปไหนและทำอะไรถึงได้กินเวลาหลายชั่วยามขนาดนี้
“เออสิ ไม่กลับบ้านหรืออย่างไร ข้ามาเปลี่ยนกะแล้วเจอเอ็งนั่งหลับแบบนี้ ประเดี๋ยวยุงก็หาม”
ชายที่เข้ามาปลุกใบบัวคือคนเฝ้าม้าอีกกะหนึ่ง หญิงสาวตกใจตาโต เธออยู่ตรงนี้นานจนคนงานเปลี่ยนกะกันแล้วหรือ
“ฉันรอ เอ่อ.. พี่ชายจ้ะ”
“แล้วพี่ชายเอ็งอยู่ไหน บ่อนหรือซ่อง”
“บะ บ่อน.. ซ่อง..”
“เวลานี้มีแค่สองอย่างที่ยังเปิดอยู่เท่านั้นแหละ ตลาดวาย ร้านรวงปิดกันหมดแล้ว พวกที่อยู่จนดึกมีแค่พวกที่เที่ยวซ่อง ไม่ก็เล่นการพนัน”
ใบบัวตัวแข็งค้าง เธอเพิ่งรู้ว่าที่นี่นอกจากจะมีตลาดและร้านค้าแล้ว ยังมีแหล่งมั่วสุมอย่างบ่อนกับซ่องด้วย เธอโตพอที่จะรู้ว่าทั้งสองอย่างมันคืออะไร และเอาไว้ใช้ทำอะไรบ้าง เพียงแค่เธอไม่รู้ว่าราชันอยู่ที่ใด บ่อน.. หรือซ่อง
ใบบัวไม่คิดว่าราชันจะเล่นพนัน แต่ถ้าหากไม่ใช่บ่อน ก็แปลว่าราชันอาจจะอยู่ที่.. ซ่อง
“มาแล้ว” ชายเฝ้าม้าพยักหน้าไปด้านหลัง ใบบัวหันไปมองตามด้วยความใคร่รู้ “หนุ่มหน้ากากทอง เมื่อก่อนมาเที่ยวซ่องบ่อย แต่หลัง ๆ ไม่รู้ว่าทำไมถึงหายหน้าไป สงสัยมีเมียกระมัง”
หนุ่มหน้ากากทองที่คนเฝ้าม้าพูดถึงมันช่างคุ้นเคยเหลือ แต่มองไกล ๆ ใบบัวเห็นเพียงแค่เงาตะคุ่มไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ดูออกแค่ร่างนั้นเดินมาพร้อมผู้หญิงคนหนึ่งที่คลอเคลียไม่ห่าง และยิ่งร่างนั้นเข้ามาใกล้ใบบัวก็ยิ่งมั่นใจว่ามันคุ้นเคยจริง ๆ เธอไม่ได้คิดไปเอง
“อ้าว ปกติไม่ใช่คนนี้นี่หว่า”
“อะไรหรือจ๊ะ”
“ผู้หญิงน่ะสิ ปกติเขาจะควงแค่แม่ดุจดาว ดาวเด่นคนสวยของซ่อง วันนี้เหมือนจะเปลี่ยนคนนะ”
ทั้งสองคนเดินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แสงที่สว่างมากขึ้นส่องให้เห็นว่าหนุ่มหน้ากากทองคนนั้นเป็นใคร ใบบัวเม้มปากแน่น รอจนกระทั่งเขาเดินมาถึงคอกม้าพร้อมกับหญิงสาวแต่งตัวจัด แต่งหน้าเข้ม ท่าทางเย้ายวน
“ส่งแค่นี้แหละ”
“พี่จะกลับมาหาพิมอีกไหมคะ”
“อืม”
ราชันปล่อยมือที่โอบเอวคอดออก ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้คนเฝ้าม้าแล้วยื่นเงินให้หลายบาท
“ขอบใจที่เฝ้าเหนือเมฆให้”
“ไม่เป็นไรเลยครับนายท่าน ไม่เจอนานเลย”
ราชันไม่ได้ต่อบทสนทนา เขาหันหน้ามาทางใบบัว ไม่รู้ว่าตาฝาดหรือเปล่า แต่เขาเห็นว่าใบหน้าของใบบัวงอง้ำเหมือนกำลังไม่พอใจกัน
ไม่พอใจงั้นหรือ คนอย่างมันมีสิทธิ์อะไรมาไม่พอใจเขา
“ขึ้นม้า”
ใบบัวทำตามคำสั่ง แต่เธอไม่เคยขึ้นม้าด้วยตนเองมาก่อน พยายามขึ้นเท่าไหร่ก็ร่วงหล่นลงมาซ้ำ ๆ
คนเฝ้าม้าเห็นแบบนั้นก็เห็นใจ ปรี่เข้ามาหมายจะอุ้มหญิงสาวขึ้นม้าให้ “มา พี่ช่วย”
“อย่ายุ่ง!” ราชันกดเสียงต่ำ แขนแกร่งยกร่างเล็กเพียงครั้งเดียวใบบัวก็ลอยขึ้นไปนั่งบนหลังม้าเรียบร้อย “น่ารำคาญ”
ราชันปีนขึ้นไปซ้อนหลัง มือเอื้อมจับบังเ**ยนเพื่อบังคับม้า ท่าทางเหมือนกำลังโอบกอดใบบัวอยู่กลาย ๆ
ขามาใบบัวพิงตัวกับอกกว้างตลอดเวลา แต่ตอนนี้ใบบัวกลับนั่งเกร็งตัว ไม่ยอมให้ร่างกายเฉียดใกล้ราชันแม้แต่ปลายเส้นผม
“นั่งดี ๆ”
“ใบบัวนั่งดีแล้ว”
“เออ ตามใจ หากตกไปกูไม่เก็บ” ราชันขู่เหมือนตอนมา แต่รอบนี้ใบบัวไม่สนใจ เธอยังคงนั่งห่าง ๆ และไม่ยอมเข้าใกล้ราชันอยู่ดี
ราชันไม่ใช่คนชอบอะไรพูดซ้ำ ๆ ในเมื่อใบบัวอยากจะนั่งแบบนี้เขาก็จะไม่ว่า จอมโจรบังคับให้เหนือเมฆออกวิ่งอย่างรวดเร็ว ความเร็วที่มากกว่าขามาทำให้ใบบัวที่ตั้งใจจะไม่เข้าใกล้ จำต้องเอนซบราชันอย่างเสียไม่ได้
เธอกลัวตก
กลิ่นกายของราชันขามากับขากลับมันไม่เหมือนกัน ขามาใบบัวได้กลิ่นความดิบเถื่อนที่เป็นธรรมชาติ ผสมกับกลิ่นกายเฉพาะตัวของราชันเอง รวมกันแล้วมันเป็นกลิ่นที่ต่อให้หลับตาก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้จะต้องมีอำนาจ และองอาจอย่างที่หาใครมาเทียบได้ยาก
แต่ทว่า.. ขากลับกลิ่นกายเฉพาะตัวของราชันมันกลับเจือจางลง มีกลิ่นสบู่และน้ำปรุงของหญิงสาวเข้ามาแทนที่จนฉุนกึก กลิ่นที่หอมหวานไม่เข้ากับจอมโจรเอาเสียเลย แต่ที่มันติดกายมาได้ก็คงเป็นเพราะเขาเพิ่งหลับนอนกับผู้หญิงคนนั้นมา ต้องนัวเนียกันขนาดไหนกลิ่นถึงได้ติดมาขนาดนี้
ใบบัวขมวดคิ้ว เธอรู้สึกโกรธราชันจนไม่อยากพูดกับเขาแม้แต่คำเดียว โกรธที่ราชันทำเหมือนว่าเธอเป็นแค่สัตว์เลี้ยง ที่หากเจ้าของบอกให้รอก็ต้องรออย่างซื่อสัตย์ ต่อให้ยุงนับสิบมารุมกัดและเผลอหลับจนปวดคอก็ต้องทน ทั้งหมดเพียงเพื่อรอคอยราชันที่กำลังหลับนอนกับผู้หญิงอย่างสบายใจในซ่องนั่น
ถ้าจะมาหาความสุขใส่ตัวก็ไม่น่าพาเธอมาด้วย คนรอมันไม่สนุกเลย รอทั้ง ๆ ที่ไม่มีจุดหมายมันยิ่งรู้สึกแย่
กว่าจะกลับมาถึงหมู่บ้านโจรก็เข้ายามสี่ไปแล้ว หมู่บ้านในเวลานี้เงียบสงบเพราะยังไม่มีใครตื่น ราชันบังคับเหนือเมฆไปที่คอก ทั้งเขาและใบบัวลงมาจากหลังของมัน มือใหญ่ลูบหัวม้าตัวโปรดเบา ๆ แทนคำชม ก่อนจะเก็บมันเข้าคอกและให้หญ้ากำใหญ่เพื่อเป็นรางวัลสำหรับวันนี้
“ขึ้นเรือน”
ราชันเดินนำขึ้นเรือน ใบบัวก้าวตามหลัง เธอเงียบกริบไม่ส่งเสียงอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
“พรุ่งนี้มึงไม่ต้องตื่นเช้า”
“จ้ะ”
“แต่มึงต้องตื่นมาทำมื้อกลางวันให้กู”
“จ้ะ”
“กูอยากกินแกงป่าไก่ ทำให้กูด้วย”
“จ้ะ”
“มึงพูดเป็นคำเดียวหรืออย่างไรวะ!”
ราชันหมดความอดทน เขาหันกลับไปเตรียมจะเอาเรื่องใบบัว แต่หญิงสาวที่เดินก้มหน้าก้มตาตามหลังต้อย ๆ ไม่ทันได้ระวัง จมูกโด่งรั้นจึงกระแทกเข้ากับอกแข็งแน่นเต็มแรง
“อ๊ะ!”
ร่างของใบบัวซวนเซเกือบล้ม ทว่าราชันใช้แขนเกี่ยวเอวเธอเอาไว้ได้ทัน เรือนกายอุ่นจึงเบียดชิดกันอย่างไม่ตั้งใจ ราชันก้มหน้าลงมอง ใบบัวตัวเล็กจนจมไปกับอกของเขา แต่หน้าอกเด้ง ๆ กลับเบียดสู้เหมือนต้องการอวดความอวบใหญ่เกินตัว
เมื่อได้สัมผัสเรือนร่างที่จินตนาการถึงตอนที่อยู่ในซ่อง ราชันก็ตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง เขาปล่อยใบบัวออกห่างเหมือนเจอของร้อน แล้วรีบเดินเข้าไปในห้องนอนของตนเองด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์
“มึงบ้าไปแล้วไอ้ราชัน!”
มีอย่างที่ไหนเพิ่งนอนกับพิมพามาตั้งหลายครั้ง แต่พอเข้าใกล้ใบบัวลูกชายตัวดีมันกลับตื่นขึ้นเหมือนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ต่างจากในซ่องที่พิมพาพยายามปลุกเร้าให้มันตื่นเพื่อทำต่อเป็นรอบที่สี่ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรมันก็ไม่ยอมตื่นจนราชันต้องบอกให้พอ
คิดว่าเหนื่อยจนไม่สู้แล้ว แต่ที่ไหนได้.. แค่โดนนมเบียดหน่อยเดียวก็แข็งจนปวดร้าวไปหมด
ใบบัวมองตามแผ่นหลังกว้างจนลับสายตาจึงเดินไปที่ห้องของตัวเองบ้าง เธอไม่มีแรงลงไปอาบน้ำจึงทำแค่ผลัดผ้าแล้วนอนลง แต่ไม่ว่าจะพลิกตัวอีกกี่ครั้งใบบัวก็นอนไม่หลับ ใจในรู้สึกโกรธที่ถูกหลอกไปทิ้ง แต่อีกใจหนึ่งก็แย้งขึ้นมาว่าตัวเองมีสิทธิ์อะไรไปโกรธราชัน
เขาคือเจ้าของชีวิต คือเจ้านาย คือคนที่เมตตารับเธอมาเป็นภาระ ไม่ว่าราชันจะให้ทำอะไรเธอก็ไม่มีสิทธิ์ต่อรอง ต่อให้ต้องนั่งรอราชันนอนกับผู้หญิงข้ามวันข้ามคืนก็ไม่มีสิทธิ์บ่น ไม่มีสิทธิ์โกรธ หรือน้อยใจอะไรทั้งนั้น
สำเหนียกตัวเองไว้บ้าง ใบบัว