'กลับมาทำไม'
คนที่กำลังนอนสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก สายตามองหานาฬิกาพบว่าตอนนี้เป็นเวลาตีสอง แต่ที่เธอตื่นเพราะเมื่อกี้ได้ยินเสียงผู้หญิงแก่ๆ พูด สายตาเมียงมองหาไปรอบๆ ห้อง ฝ่าความมืดจนไปหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าต่าง
"ว้ายคุณแม่!" น้ำหนึ่งหลับตาปี๋ สองมือยกขึ้นไหว้ด้วยท่าทางลนลาน ก่อนจะมุดหัวกลับเข้าไปซ่อนในผ้าห่มด้วยความกลัว ไม่วายยังได้ยินเสียงท่านดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
'กลับมาทำไม'
'กลับมาทำไม'
'กลับมาทำไม!'
"ว้าย!"
คนตัวเล็กสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมหัวใจที่เต้นระรัว เหงื่อผุดตามกรอบของใบหน้าและลำคอ มือชื้นเหงื่อ สายตาล่อกแล่กมองซ้ายมองขวา ก่อนจะนิ่งเมื่อพบว่าตัวเองฝัน มองหานาฬิกาตอนนี้เป็นเวลาตีห้า ถอนหายใจออกมาอย่างโล่ง
ไม่ใช่ตีสอง!
อะไรกัน ฝันเป็นตุเป็นตะ แถมยังเป็นฝันซ้อนฝันอีกต่างหากเธอไม่เคยเจอ
ยกมือปาดเหงื่อที่ซึมออกมาตามกรอบหน้า ทั้งที่ห้องก็ไม่ได้ร้อนออกจะหนาวด้วยซ้ำ
เอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสะพายข้างมาควานหายาดมหลอดสีเขียวมาดมให้ชื่นปอด นั่งสูดเอาอยู่นานจนความกังวลค่อยๆ คลายลงไป มานั่งนึกๆ ดูถึงอดีตที่เคยเกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ก่อนจากไป
'เธอจะเอายังไงว่ามา' เสียงดังแว่วขึ้นมาจากทางด้านหลังขณะที่น้ำหนึ่งกำลังทำอาหารเย็นในครัวรอสามีกลับมาทานด้วยกัน หญิงสาววางของทั้งหมดลงแล้วหันมาคุยกับเจ้าของบ้านเมื่อได้ยินแบบนั้น
'คุณแม่หมายถึงอะไรคะ' น้ำหนึ่งทำไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่รู้ รู้จากพฤติกรรมที่ท่านมักแสดงออกว่าไม่ชอบเธอ ไม่อยากให้เธออยู่ที่นี่เต็มทน
'เธอก็น่าจะรู้อยู่นะถึงฉันไม่พูด'
'รู้ว่าความจริงแล้วคุณแม่ไม่อยากให้ลูกชายมีเมียใช่ไหมคะ'
'ใช่! แต่ฉันขัดตาคินไม่ได้ เพราะฉันมีลูกชายคนเดียว'
'ยังไงเราก็แต่งงานกันแล้วนะคะ คุณแม่คงไม่ใจร้ายไล่หนึ่งออกจากบ้านหลังนี้หรอกใช่ไหมคะ หนึ่งดูแลคุณแม่ได้ ดูแลเหมือนแม่หนึ่งแท้ๆ เลยค่ะ'
'ไม่ต้องมาดูแลฉัน ฉันดูแลตัวเองได้ เพราะฉะนั้นเธอรีบไสหัวออกไปจากบ้านหลังนี้ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหว'
'ใจร้ายจังเลยนะคะ แต่ถ้าจะให้หนึ่งไปจริงๆ แบบนั้นหนึ่งคงต้องคุยกับคุณคินก่อนว่าคุณแม่ไม่อยากให้หนึ่งอยู่ด้วย'
'ไม่จำเป็นต้องคุย ลูกฉัน ฉันจะบอกตาคินเองว่าเธอไม่สะดวกอยู่ที่นี่'
'แบบนั้นคุณคินก็เข้าใจหนึ่งผิดแย่สิคะ เราไม่ได้ทะเลาะกัน รักกันมากด้วยซ้ำ แต่อยู่ดีๆ หนึ่งกลับต้องออกจากบ้าน' เล่ห์มาเล่ห์กลับ ในเมื่อท่านไม่คุยกับลูกชายแล้วมาดันหลังเธอให้ถอย เพราะฉะนั้นเธอจะเป็นฝ่ายบอกเขาเองว่าท่านไม่ชอบเธอ
'เธอจะพูดให้ตาคินเกลียดฉันงั้นเหรอ'
'แล้วทำไมหนึ่งต้องทำให้คุณคินไม่เข้าใจหนึ่งด้วยล่ะคะ' กลัวลูกชายโกรธตัวเองที่ไล่เมียเขาหนี แต่ไม่คิดว่าสามีเขาจะโกรธเมียหากเธอต้องขนเสื้อผ้าย้ายออกจากบ้านนี้ไปทั้งที่เราก็อยู่ด้วยกันมาดีๆ
'เพราะฉันไม่ให้เธออยู่ไง ฉันไม่อยากให้ตาคินรักใครนอกจากฉันทีนี้เข้าใจหรือยัง'
'แต่คุณแม่กำลังจะพรากผัวพรากเมียเขานะคะ มันบาป คุณแม่ไม่รู้เหรอคะ'
'ฉันไม่สน!'
น้ำหนึ่งมองหญิงชราที่นิสัยไม่ต่างจากเด็กสามขวบเอาแต่ใจตัวเองเมินหน้าไปทางอื่นอย่างไม่ยอม และดูท่าว่าหากเธอไม่ออกนับวันความรู้สึกเธอยิ่งแย่
'แล้วถ้าหนึ่งออกไปคุณแม่จะให้คุณคินมีเมียใหม่ไหมคะ' อยากรู้ว่าที่ออกอุบายไล่เธอกลับเพราะอยากหาเมียใหม่ให้ลูกชาย หรือท่านไม่อยากให้คุณภาคินมีเมียจริงๆ
'เธอจะยอมออก?' ทำไมคราวนี้ดูว่าง่าย
'ถ้าหนึ่งยอมออกไปคุณแม่ต้องรักษาสัญญานะคะว่าจะไม่หาเมียใหม่มาให้คุณคิน'
'แน่นอน' ภาพลูกชายมีเมียไม่เคยมีในหัว หลายๆ ครอบครัวคงอยากให้ลูกเป็นฝั่งเป็นฝา แต่เธอไม่ใช่
มันมาชัดเจนก็ตอนที่ลูกชายบอกจะแต่งงานกับแฟนคนแรก ภาคินยึดติดกับชีวิตคนอื่นมากเกินไปจนเธอเริ่มไม่ชอบ
'งั้นก็ได้ค่ะ หนึ่งออกไปก็ได้' น้ำหนึ่งตัดสินใจภายในไม่ถึงนาที และแม่สามีมองเธออย่างเหลือเชื่อ
'เธอพูดจริง?'
'ค่ะ' น้ำหนึ่งพยักหน้าหงึกๆ ถึงภายในใจกระตุกวูบก็ตาม แต่การอยู่ในบ้านของสามีที่มีแม่สามีไม่ชอบเราเป็นอย่างมากมันโคตรน่าอึดอัด และไม่สามารถบอกใครได้ด้วยเพราะกลัวปัญหาที่ตามมา
'ถือว่าเป็นค่าเสียเวลา ฉันจะให้เงินเธอก้อนหนึ่งแล้วกัน'
'หนึ่งไม่เอาหรอกค่ะคุณแม่ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้หนึ่งจะรีบออกไปจากที่นี่ก็แล้วกันค่ะ แต่คุณแม่อย่าลืมรักษาสัญญาด้วยนะคะ'
เช้าวันถัดมา เธอรีบเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า โทรเรียกเจ๊นกมารับ อีกฝ่ายก็ถามหาเหตุผลรัวๆ
'หนึ่งจำเป็นเจ๊ แต่หนึ่งจะกลับมาแน่นอน' หันกลับไปมองบ้านโดยเฉพาะห้องนอนที่ใช้หลับนอนกับสามี น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ก่อนจะขึ้นนั่งบนเบาะรถมอเตอร์ไซค์ให้พี่สาวขับออกไป