“ฮือๆๆๆชั้นอยากกลับไป ขอชั้นย้อนเวลากลับไปได้ไหม ฮือๆๆๆ” เสียงร่ำไห้ของหลานฮุ่ยเจินดังก้องไปทั่วแผนก ICU ทว่า…กลับไม่มีใครได้ยิน
หญิงสาวทรุดนั่งลงกับพื้น พลางเอนศีรษะมาพิงกับขาเตียงที่ร่างของเธอนอนนิ่งอยู่
“ได้สิ เจ้าจะได้ย้อนเวลากลับไปและอาจจะได้ย้อนเวลากลับมา”
เสียงแปลกประหลาดนั้นดังขึ้นด้านหลังของหลานฮุ่ยเจินพร้อมกับประกายระยิบระยับราวกับหิ่งห้อย
หลานฮุ่ยเจินหันขวับมาทางต้นทางของเสียง หญิงสาวเป็นต้องอ้าปากค้าง ตาเบิกโพลงเมื่อมองเห็นร่างสูงจรดเพดานของเทพเซียนนางหนึ่ง
“อ่า…ยะ…ยักษ์?” หลานฮุ่ยเจินโพล่งออกมา
ร่างสูงนั้นยิ้มละมุน
“หาใช่ไม่ ข้ามิใช่ยักษ์ ข้าเป็นเซียน ข้ามาที่นี่เพื่อมาให้พรเจ้าอย่างไรล่ะ เจ้าอยากย้อนเวลากลับไปมิใช่หรือ เจ้าจะสมปรารถนาเดี๋ยวนี้” พูดจบร่างสูงงดงามนั้นก็ค่อยๆเลือนหายไป แสงระยิบระยับนั้นกลับเคลื่อนทิศทางมาทางหลานฮุ่ยเจินก่อนจะหมุนรอบตัวคุณหมอสาว และกลายเป็นลมหมุนหอบเอาร่างโปร่งแสงนั้นออกไป
หลานฮุ่นเจินที่ถูกสองสาวใช้ทรยศแขวนคอกับกิ่งไม้ใหญ่กำลังจะสิ้นลมหายใจสุดท้าย พลันนางก็แลเห็นแสงระยิบระยับสีทองมาแต่ไกลพร้อมกับการปรากฎตัวของร่างงามดั่งนางเซียน
“เวลาในชาติภพนี้ของเจ้าหมดลงแล้ว แต่เจ้าในชาติภพข้างหน้าจะได้กลับมาช่วยตัวเจ้าแก้ไขสถานการณ์ในชาติภพนี้”
หลานฮุ่ยเจินตาเบิกโพลง น้ำหนักของร่างกายที่ถ่วงลงมาพลอยดึงรั้งให้ผ้าสีแดงรัดคอนางให้แน่นมากขึ้นจนเสี้ยววินาทีสุดท้ายของชีวิตนางก็ได้เอ่ยออกมาเบาๆว่า
“ช่วย แกะ…แก้…แก้แค้นให้ข้าด้วย”
วิญญาณอันรันทดของหลานฮุ่ยเจินได้ลอยล่องออกจากร่างกายที่อ่อนแอและขี้โรคตามนางเซียนไป สองสาวใช้ทรยศที่ยืนมองนางกระเสือกกระสนหาทางเอาชีวิตรอดพลันถอนหายใจโล่งอกที่ร่างของนางตอนนี้สงบแน่นิ่ง
“ข้าว่านางตายแล้วล่ะ เดี๋ยวเจ้าเฝ้าศพนางไว้ ส่วนข้าจะรีบวิ่งไปรายงานฮูหยินผู้เฒ่า” จิ้งอี้สั่ง
“พี่จิ้งอี้ พี่จะให้ข้าอยู่ที่นี่คนเดียวงั้น…งั้น…หรือ ข้า…กลัวะ…กลัว”
“เจ้าอยู่คนเดียวที่ไหน เจ้าก็อยู่กับคุณหนูใหญ่นี่อย่างไรล่ะ ข้าต้องรีบไปแล้ว เดี๋ยวคุณหนูรองรู้ว่าเราชักช้าจะเล่นงานพวกเราเอา” จิ้งอี้ที่ทำท่าจะเดินจากไปแต่กลับต้องสะดุดขาตนเองล้มลงอย่างแปลกประหลาด ลมพัดมาวูบหนึ่งก่อนที่เสียงฟ้าร้องคำรามดังลั่นจะตามมา ฟ้าแลบแปลบๆเห็นมาแต่ไกล ลมเริ่มพัดกระโชกแรง ห่าฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างน่าประหลาดเพราะหลายปีแล้วที่โจวถิงนั้นฝนแล้ง โดยเฉพาะปีนี้ทั้งปีนั้นไม่มีฝนตกลงมาเลย
เปรี้ยง! เสียงฟ้าผ่าดังก้องไปทั่วบริเวณ สองสาวใช้ต่างพากันเอามือปิดหูในขณะที่หมอบราบกับพื้น กิ่งไม้ขนาดใหญ่ที่มีร่างของสตรีที่อาภัพที่สุดในโลกถูกแขวนไว้ก่อนหน้านี้บัดนี้ถูกฟ้าผ่าหักโค่นลงมา ร่างบอบบางบัดนี้นอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นดิน
“ว๊าย!” สองสาวใช้ต่างโผเข้ากอดกันอย่างอกสั่นขวัญแขวน
“นี่คือตัวเจ้าเองในชาติภพนี้ หลานฮุ่ยเจิน ต่อจากนี้นี่คือร่างกายของเจ้า จงใช้ร่างกายนี้ประกอบกับความรู้ความสามารถที่เจ้ามีแก้ไขเหตุการณ์ต่างๆและสร้างคุณงามความดีต่อโลกใบนี้ในชาติภพนี้ด้วย” กล่าวจบร่างอันงดงามของนางเซียนก็เลือนหายไป
หลานฮุ่ยเจินขยี้ตาอีกครั้งก็มองไม่เห็นนางเซียนอีกแล้ว ในขณะนั้นเองนางถูกลมหมุนประหลาดพัดหมุนวนพาร่างโปร่งแสงของนางเข้าไปในร่างอันไร้วิญญาณของหลานฮุ่ยเจินผู้อ่อนแอ
หลานฮุ่ยเจินค่อยๆลืมตาขึ้นพร้อมกับความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมที่พรั่งพรูหลั่งไหลเข้ามาในสมอง ภาพความทรงจำเก่าๆของวันวานบัดนี้วนกลับมาฉายซ้ำ ใช่แล้ว นางก็คือหลานฮุ่ยเจินในภพชาตินี้ที่มีชีวิตที่สุดแสนจะรันทด ก่อนตายหลานฮุ่ยเจินผู้อาภัพได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอให้ชาติภพหน้านางได้มีโอกาสช่วยเหลือผู้คนที่เจ็บไข้ได้ป่วย เพราะนางรู้ว่าความทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บนั้นมันสาหัสขนาดไหน ชาติภพปัจจุบันของนางจึงได้เป็นหมออย่างไรล่ะ หลานฮุ่ยเจินน้ำตาซึมเมื่อรู้ถึงที่มาที่ไปที่ทำให้นางตัดสินใจสอบเข้าเรียนแพทย์
“ชั้นจะทำให้คำอธิษฐานของเธอเป็นจริง ไม่สิ…อันที่จริงชาติภพนี้ชั้นก็ทำให้เธอเป็นหมอได้นี่นา ชาติภพนี้คงเป็นยุคโบราณแน่เลย เห็นทีจะต้องมีการปรับตัวกันยกใหญ่ละ” หลานฮุ่ยเจินนึกในใจ
เพียงไม่ถึงหนึ่งเค่อ ( สิบห้านาที)พายุฝนก็หยุด ท้องฟ้าที่มืดครึ้มเมื่อสักครู่ก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นท้องฟ้าแจ่มใส สายรุ้งบางๆปรากฎอยู่ขอบฟ้าอีกฟากหนึ่งของป่าแห่งนี้
“คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่อยู่ที่ไหน นายท่านกับฮูหยินผู้เฒ่าให้หาด่วนขอรับ”
“คุณหนูใหญ่ คุณหนูอยู่ที่ไหนเจ้าคะ”
เสียงบ่าวรับใช้ชายหญิงของจวนสกุลหลานต่างพากันออกตามหาหลานฮุ่ยเจินมาถึงชายป่าด้านนอกเพราะพวกเขารู้ว่าที่นี่เป็นที่ที่นางมักแอบมาเที่ยวเล่น ความจริงคือหลานฮุ่ยเจินมาเดินหาสมุนไพรในป่า นางคาดหวังว่าในป่าเล็กๆแห่งนี้จะมีสมุนไพรวิเศษที่สามารถรักษาโรคของนางได้
เสียงของบ่าวรับใช้จากจวนสกุลหลานใกล้เข้ามา สองสาวใช้คนสนิททรยศได้แต่มองตากันเลิ่กลั่กก่อนที่จะมองไปยังร่างที่นอนคว่ำหน้าอยู่
“เราจะทำอย่างไรดีพี่จิ้งอี้ นี่มันไม่เป็นไปตามแผน” มู่หลินพูดด้วยเสียงสั่นๆ ไม่เพียงแต่เสียงเท่านั้นที่สั่น มือไม้ของนางก็สั่นระริก
“ข้า…ข้าก็ไม่รู้”
พูดจบจิ้งอี้ก็รีบวิ่งหนีเข้าไปในป่า ปล่อยให้มู่หลินนั่งหวาดผวาอยู่กับร่างที่นอนแน่นิ่งของหลานฮุ่ยเจิน
“คุณหนูใหญ่”
“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ”
“คุณหนูใหญ่อยู่ที่นี่หรือไม่ขอรับ”
เสียงตะโกนก้องร้องเรียกหลานฮุ่ยเจินที่ดังใกล้เข้ามาพลอยทำให้มู่หลินที่ขี้ขลาดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งขลาดกลัวเข้าไปใหญ่ นางตัดสินใจแกล้งตายตามผู้เป็นนาย หญิงสาวนอนคว่ำหน้าลงกับพื้นแล้วกลั้นหายใจเป็นระยะๆ
“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ”
ยิ่งเสียงของพวกบ่าวรับใช้สกุลหลานใกล้เข้ามา หัวใจของมู่หลินยิ่งเต้นแรง รัว เร็ว จนแทบจะทะลุออกมาด้านนอกอก นางยิ่งกลัวว่าคนพวกนั้นจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจนางและรู้ว่านางยังไม่ตาย
“ข้าอยู่นี่”