อดีตที่เคยพัง (40%)

1972 Words
“ฉันขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ” เสียงหวานกึ่งถือดี ทำให้คนที่นั่งสไลด์หน้าจอมือถือดูนั่นดูนี่รอคนรักชะงักเล็กน้อย มนธิรานางเอกละครหลังข่าวที่กำลังโด่งดังเงยหน้าสวยเฉี่ยวขึ้นมองผู้มาใหม่ สาวน้อยใบหน้าสวยเก๋ ในชุดเสื้อยืดสีดำตัดกับผิวขาวอมชมพู ท่อนล่างสวมกางเกงยีนส์รัดรูปอวดเรียวขาเสลา ยืนกอดอกจ้องมองหล่อนไม่วางตา ท่าทางเป็นปฏิปักษ์ที่สัมผัสได้ทำให้มนธิราย่นหัวคิ้วเหนือดวงตายาวรี “เท่าที่จำได้ เราน่าจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนนะคะ” “เราสองคนอาจไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่ฉันเชื่อว่าคุณรู้จักฉันดี” อารญา พิมลภักดิ์ เชิดหน้าสวนกลับอย่างฉะฉาน ถือวิสาสะเลื่อนเก้าอี้ตรงข้ามอีกฝ่ายออก แล้วนั่งลงอย่างช้าๆ ท่ามกลางสายตาที่แฝงไปด้วยความกังวลใจอย่างปิดไม่มิด “คุณมีอะไรก็ว่ามาเถอะค่ะ” น้ำคำที่เปล่งออกมาจากปากที่เคลือบลิปสติกสีพีชของนางเอกสาวทำให้คนฟังยกยิ้มน้อยๆ เพราะมันบ่งบอกว่าอีกฝ่ายยอมรับอย่างกลายๆ ว่ารู้จักเธอ ก็แหงล่ะ เธอเคยไปแสดงตัวว่าเป็นคู่หมั้นของธีรเดชในงานวันเกิดของนางเอกสาวมาแล้ว และก่อนหน้านั้นเธอก็เคยไปหาอีกฝ่ายหลายครั้ง บุกไปถึงกองละครก็มี แต่ไม่เคยได้พูดในสิ่งที่อยากพูดเสียที วันนี้โอกาสเหมาะ เธออุตส่าห์สะกดรอยตามอีกฝ่ายมาถึงที่นี่ แล้วเรื่องอะไรเธอจะปล่อยให้โอกาสหลุดมือ “ฉันขอพูดตรงๆ เลยแล้วกันนะคะ ว่าต่อไปนี้ขอให้คุณเลิกยุ่งกับคู่หมั้นของฉัน คุณชายธีรเดชเป็นคู่หมั้นฉัน และทันทีที่ฉันเรียนจบเราสองคนจะแต่งงานกัน” เสียงประกาศกร้าวอย่างชัดถ้อยชัดคำทำให้คนในร้านต่างมองนางเอกสาวอย่างตกตะลึง ชั่วเสี้ยวนาทีเสียงซุบซิบก็ดังขึ้น แน่นอนมันหนีไม่พ้น การวิจารณ์ในทำนองว่าหล่อนเป็นมือที่สาม แย่งคู่หมั้นของคนอื่นอย่างหน้าด้านๆ มนธิราทนไม่ไหวจนต้องควักเงินในกระเป๋าออกมาวางไว้บนโต๊ะเป็นค่าเครื่องดื่ม ร่างสูงระหงผุดลุกขึ้น แล้วเดินจากไปอย่างไม่ล่ำลา แต่มีหรืออารญาจะยอมปล่อยอีกฝ่ายไปง่ายๆ สาวน้อยก้าวยาวๆ ตามไปคว้าแขนอีกฝ่ายเอาไว้ มนธิราหันขวับมามองอย่างไม่พอใจ แต่อารญากลับทำเพียงเลิกคิ้วน้อยๆ เป็นเชิงท้าทาย แล้วเอ่ยหน้าตาย “เดี๋ยวสิ เรายังเคลียร์กันไม่จบเลย จะรีบไปไหน” “คุณต้องการอะไรจากฉัน” “ถามได้ ฉันก็ต้องการให้คุณรับปากไง ว่าจะเลิกยุ่งกับคู่หมั้นของฉัน” คราวนี้อารญาเค้นเสียงลอดไรฟัน มือที่กุมมืออีกฝ่ายอยู่เริ่มออกแรงบีบ ขณะจ้องหน้าสวยเฉี่ยวเขม็ง “คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ฉันกับคุณชายธี เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น” มนธิราตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ ไม่บ่งบอกอารมณ์ การเป็นคนของประชาชนทำให้หล่อนต้องระวังคำพูดคำจายิ่งกว่าอะไร “ตอแหล!” อารญาพ่นคำประณามอย่างเดือดดาล ครั้นอีกฝ่ายจะบิดข้อมือออกจากมือ เธอก็เค้นเสียงลอดไรฟันข่มขู่ “ถ้าคุณไม่เลิกยุ่งกับคู่หมั้นฉัน ฉันจะทำให้คุณอยู่ในสังคมไม่ได้” “หยุดระรานคนอื่น! แล้วกลับบ้านไปซะอารญา!” น้ำเสียงเย็นเยียบวางอำนาจของผู้มาใหม่ทำให้สาวน้อยตัวแข็งทื่อ ก่อนจะรู้สึกเหมือนถูกสูบลมหายใจออกไปจากร่าง ธีรเดชก้าวตรงมาดึงแขนของมนธิราออกจากมือเธอ แล้วเดินโอบไหล่สาวเจ้าออกไปจากร้านต่อหน้าต่อตา ทันทีที่ตั้งสติได้คนที่มีหยาดน้ำใสๆ คลอนัยน์ตาก็รีบก้าวพรวดพราดตามไป ครั้นไปทันสองร่างที่เดินอยู่ข้างหน้า อารญาก็ตรงเข้าผลักนางเอกสาว จนอีกฝ่ายเสียหลักล้มลงกระแทกพื้นปูนซีเมนต์ร้อนๆ กลางแดดเปรี้ยง เสียงอุทานด้วยความเจ็บทำให้ธีรเดชขบกรามแน่น นัยน์ตาวาวโรจน์ หากแต่ยังไม่ทันที่เขาจะต่อว่ายายเด็กเอาแต่ใจ ร้ายกาจ และนิสัยเหลือขอ อารญาก็แผดเสียงด่าทออย่างเหลืออด “ผู้หญิงหน้าด้าน! ผู้ชายคนอื่นมีเยอะแยะ ทำไมต้องมายุ่งกับผู้ชายของฉัน ทำไม!” อารญาตรงเข้ากระชากผมของมนธิราอย่างสติแตก ท่ามกลางเสียงกรีดร้องและปัดป้อง แน่นอนว่าท่าทางร้ายกาจนั้นทำให้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างลงความเห็นว่าเธอเป็นเด็กไม่น่ารัก ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายไปมากกว่านั้น ธีรเดชก็ก้าวเข้ามาผลักอารญาที่กำลังตั้งท่าจะง้างฝ่ามือขึ้นตบมนธิราออกจากแฟนสาว แล้วเค้นเสียงลอดไรฟัน “หยุดทำตัวเป็นหมาบ้าเสียทีอารญา ฉันไม่เคยเป็นของเธอ และฉันก็เบื่อเด็กนิสัยเสียอย่างเธอเต็มทน!” “นี่พี่ธีกล้าปกป้องมันเหรอคะ!” “ใช่ เขาเป็นแฟนฉัน ซึ่งความจริงข้อนี้เธอเองก็รู้ดีตั้งแต่แรก แต่ก็ยังดันทุรังที่จะให้มีการหมั้นหมายเกิดขึ้น แต่จะบอกอะไรให้นะ ว่าอีกไม่นานฉันจะถอนหมั้น!” “อายไม่ยอม!” “เธอห้ามฉันไม่ได้หรอก” กล่าวจบคุณชายธีรเดชก็ประคองนางเอกสาวเดินจากไป แน่นอนว่าวาจาที่เปล่งออกมาจากชายผู้สูงศักดิ์นั้นกอบกู้หน้าให้แฟนสาว ตรงข้ามมันกลับทำให้คนที่ถูกทิ้งอยู่เบื้องหลังถูกเหยียบให้จมดิน ทันทีที่สติกลับมาอารญาก็รู้สึกเสียใจที่ตัวเองทำอะไรแย่ๆ ลงไป ละอายใจที่ตัวเองเอานิสัยเดิมๆ มาใช้ ทั้งที่ตลอดสามปีที่ผ่านมาเธอปรับปรุงตัวแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายทุกอย่างก็พังเพราะความหึงหวงจนหน้ามืดตามัว แค่เห็นภาพข่าวที่ธีรเดชและมนธิราไปดินเนอร์ด้วยกันเมื่อคืนก่อนเธอก็เหมือนจะเป็นจะตาย อารญาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองยืนกำหมัดตัวสั่นเทิ้ม น้ำตานองหน้าอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน กระทั่งมีมือของใครบางคนแตะลงตรงไหล่มนเบาๆ ร่างบางถึงได้สติ “น้องอาย กลับบ้านกันเถอะ” คำสั้นๆ ทว่าแฝงความห่วงใยทำให้คนที่ตกอยู่ในภวังค์เศร้า เสียใจ เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส คลายกำปั้นออก สะอื้นฮัก ก่อนจะหันมาโผเข้ากอดอีกฝ่าย แล้วปล่อยโฮออกมา “พี่ธีเขาจะถอนหมั้นกับอาย อายควรทำไงดีคะพี่ดา อายไม่อยากเสียเขาไป อายควรทำไงดี” ทันทีที่ขึ้นมานั่งในรถเป็นที่เรียบร้อยสาวน้อยก็ละล่ำละลักปรึกษาดาริกาพี่สาวต่างมารดาอย่างร้อนใจ “น้องอายใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวเราค่อยคิดหาทางกันใหม่” น้ำคำปลอบประโลมทำให้อารญาพยักหน้าน้อยๆ สามวันแล้วที่อารญามานั่งรอธีรเดชอยู่แถวๆ หน้าแผนกฉุกเฉินในโรงพยาบาลรักษ์ สองวันที่ผ่านมาเธอไม่เคยได้พบหน้าเขา เรื่องที่อยากคุยก็ยังไม่ได้คุย เพราะอีกฝ่ายจงใจเลี่ยง แต่กระนั้นเธอก็ไม่ย่อท้อ หลังจากเรียนเสร็จในช่วงบ่ายอารญาก็มานั่งรอเขาที่เดิม เพิ่มเติมคือเธอเตรียมเสบียงมาด้วย เมื่อสองวันก่อนมารอเก้อกว่าจะเดินคอตกออกไปจากโรงพยาบาลก็ค่ำมืด กลับถึงคอนโดค่อนข้างดึกถึงได้กินข้าว ผลปรากฏว่าเธอแสบท้องหลังจากนั้น อารญานั่งกอดอกรอด้วยความอดทน ส่วนสายตาหมองๆ ก็ทอดมองไปข้างหน้าไม่กะพริบ เพราะกลัวคนที่เธออุตส่าห์มารอเป็นวันที่สามจะคลาดสายตา ก่อนหน้าราวๆ ชั่วโมงเธอเห็นเขาเดินเร็วๆ เข้าห้องฉุกเฉินไป ที่ไม่ได้เอ่ยเรียกเอาไว้ เพราะเข้าใจว่าเขาต้องทำหน้าที่ของตัวเองก่อน สำหรับหมอคนไข้ย่อมสำคัญที่สุด ส่วนเธอถึงแม้จะมีเรื่องร้อนใจ อยากคุย อยากถามเกี่ยวกับเรื่องที่เขาจะถอนหมั้น แต่ก็ไม่กล้าไปก้าวก่าย เพราะรู้ว่าหมอมีหน้าที่รักษาคนไข้ เช่นเดียวกับเธอที่มีหน้าที่เรียน หลังจากเรียนเสร็จเธอก็มาหาเขา แต่ก็ต้องรอเพื่อให้เขาทำงานเสร็จก่อน หากเป็นเมื่อก่อนอารญาคงไม่รู้จักคำว่ารอ ไม่รู้จักที่จะเคารพคนอื่น และคงจะเอาแต่ใจดันทุรังบุกเข้าไปหาธีรเดชในห้องฉุกเฉิน แต่ตอนนี้มันไม่เป็นอย่างเก่า เธอรู้จักอะไรควรไม่ควร เพราะเริ่มโตขึ้นอีกหน่อย อาจจะมีฟิวส์ขาดสติแตกไปบ้างอย่างเช่นสามวันก่อนที่ตามไปอาละวาดมนธิรา แต่เธอก็เตือนสติตัวเองว่าจะไม่ทำตัวเช่นนั้นอีก เพราะผลที่ตามมามันไม่เพียงแต่ทำให้เธอถูกคนในสังคมโซเชียลรุมประณาม แต่มันยังกดให้คุณค่าของตัวเองลดลงไปด้วย หากจะถามว่าทำไมเธอถึงรัก เทิดทูน และหวงแหน ธีรเดชนัก ก็คงต้องเล่าย้อนไปถึงอดีต หลังจากที่แม่จากไปอย่างกะทันหันในขณะที่เธอวัยเพียงสิบห้า ไม่นานพ่อก็เอาเมียอีกคนและลูกสาวเข้ามาอยู่ที่บ้าน ทีแรกเธอโวยวายประท้วงยกใหญ่ ตอนนั้นยอมรับว่ารู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นหมาหัวเน่า เหมือนไม่เหลือใคร ดีที่มีธีรเดชคอยปลอบใจ คอยสอนให้มองชีวิตในอีกแง่มุม กระทั่งอารญาเริ่มปรับตัวเข้ากับเมียและลูกอีกคนของพ่อได้ จนไปๆ มาๆ เธอก็รักดาริกาประหนึ่งพี่สาวแท้ๆ ต้องขอบคุณธีรเดชที่คอยบอกคอยสอนให้เธอทิ้งนิสัยเด็กเอาแต่ใจ ทุกอย่างมันจะดีอยู่แล้ว เธอกำลังจะก้าวผ่านไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ หากวันหนึ่งอารญาจะไม่รู้ความจริงว่าธีรเดชมีคนรักอยู่ก่อนแล้ว ผู้ชายที่เธอคิดเสมอว่าเป็นของตัวเองแต่เพียงผู้เดียวมีแฟนมานานแล้ว แต่รู้ทั้งรู้ว่าเขามีแฟนอยู่แล้วเธอก็ยังดันทุรังให้ผู้ใหญ่จัดการหมั้นหมาย การถูกบังคับให้หมั้นกับอารญาทำให้ธีรเดชค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละนิด จากเคยเอ็นดูน้องน้อย คอยเอาใจใส่ คอยทะนุถนอม กลายเป็นค่อยๆ ถอยห่างออกไปเรื่อยๆ เหตุการณ์หลายๆ อย่างที่ผ่านมากว่าสามปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจากไปของแม่ในขณะที่เธอวัยเพียงสิบห้า การถูกหมางเมินเย็นชาจากธีรเดช ค่อยๆ หล่อหลอมให้อารญา เด็กสาวผู้น่ารักสดใส ช่างพูด ช่างเจรจา และออดอ้อน โตขึ้นในอีกแบบได้อย่างไม่น่าเชื่อ เธอกลายเป็นคนที่ค่อนข้างเย็นชา เย่อหยิ่งกับคนที่ไม่สนิท พูดน้อยกว่าเมื่อก่อนเยอะ มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง และไม่ค่อยเปิดใจคบใครเป็นเพื่อนง่ายๆ ความเหินห่างระหว่างอารญากับธีรเดชมันเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อเธอเข้าไประรานแฟนของเขาในวันเกิดของเจ้าหล่อน ซึ่งการที่เขาหมางเมิน ไม่ไยดี ไม่คอยเอาใจเหมือนอย่างเก่า ทำให้อารญาหันมาใช้นิสัยเดิมๆ เรียกร้องความสนใจ แต่นอกจากไอ้นิสัยเอาแต่ใจจะใช้ไม่ได้ผลแล้ว มันยังทำให้เขารำคาญเธอหนักกว่าเดิม และผลจากที่เธอกลับมาทำตัวแย่ๆ ทั้งเอาแต่ใจ ไร้เหตุผล และระรานคนอื่น ก็ทำให้เธอต้องมานั่งหงอยอยู่ตรงนี้ “น้องคะ คุณชายหมอออกไปแล้วนะคะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD