อดีตที่เคยพัง (70%)

1438 Words
เสียงหวานๆ ของพยาบาลสาวทำให้คนที่นั่งเหม่ออยู่ตรงโซฟาชุดรับแขกได้สติ สาวน้อยในชุดนักศึกษายิ้มบางๆ แก้เก้อ แล้วเอ่ยถามอีกฝ่ายเบาๆ “คุณพยาบาลว่ายังไงนะคะ?” “คุณชายธีรเดชออกไปแล้วค่ะ แฟนเธอมารับ สองคนคงกลัวว่าจะมีนักข่าวแอบตามมั้งก็เลยออกไปทางประตูหลัง แต่จะบอกว่าน่ารักสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกเลยค่ะ” ในตอนท้ายพยาบาลเอ่ยด้วยท่าทางเพ้อๆ “แล้วเขาจะกลับเข้ามาอีกไหมคะ” “ไม่แล้วค่ะ วันนี้ไม่ใช่เวรของคุณชายค่ะ” คำตอบอันน่าผิดหวังทำให้คนฟังหน้าจ๋อย พยักหน้าเล็กน้อย พึมพำขอบคุณอีกฝ่าย คว้าสายกระเป๋าที่วางข้างตัวมาคล้องไหล่ ลุกขึ้นด้วยท่าทางเนือยๆ แล้วเดินไหล่ตกออกมาจากโรงพยาบาลด้วยสภาพหัวใจห่อเหี่ยว ธีรเดชไม่ได้จะหลบนักข่าวหรอก ที่เขาออกไปทางประตูหลังก็เพราะจงใจหลบหน้าเธอต่างหากล่ะ วันอาทิตย์เธอมาวังรื่นฤดี สถานที่พำนักของหม่อมราชวงศ์ธีรเดช ราชนิกุลหนุ่มผู้สูงส่งเพียบพร้อม และเป็นผู้สืบสกุลเพียงหนึ่งเดียวของหม่อมเจ้าเดโช กับหม่อมเจ้านภาลัย เผ่าวานิษ ณ ฤดีรังสรรค์ เพราะรู้มาว่าธีรเดชไม่มีเวรในโรงพยาบาล ฉะนั้นจึงคิดว่าการมาดักรอที่วังน่าจะทำให้เธอได้พบเขาบ้าง หลังจากคว้าน้ำเหลวมาเกือบสองอาทิตย์ สองอาทิตย์ที่เธอวิ่งตามเขาเหมือนคนบ้า ต่อให้รู้ว่าเขาจะหลบหน้าไปพร้อมกับแฟนสาว แต่อารญาก็ยังอยากพบและพูดคุยกับเขา “คุณน้องอายคะ! รีบขึ้นไปที่ตึกใหญ่เถอะค่ะ คุณชายเธอพาแฟนมาแนะนำให้หม่อมรู้จักแน่ะค่ะ” แม่อาบคนเก่าคนแก่ของวังเดินมารายงานหญิงสาวอย่างร้อนใจ นางเอ็นดูและรักใคร่อารญา ด้วยเห็นตั้งแต่ตัวเล็กกระเปี๊ยก เพราะพ่อของเธอซึ่งเป็นเพื่อนรักกับหม่อมเจ้าเดโชพามาเล่นที่วังบ่อยๆ ในวัยเยาว์ จึงไม่อยากให้ใครเข้ามาเป็นสะใภ้ของวังนอกจากอารญา ถึงแม้ว่าจะชื่นชอบผลงานการแสดงของมนธิราอยู่ไม่น้อย เสียงที่ลอยมากระทบหูทำให้มือที่กำลังเช็ดใบตองพลันชะงัก แววตาไหววูบ “พี่ธีพาคุณมนธิรามาที่นี่เหรอคะ?” หลังจากนิ่งอึ้งไปสักพักเสียงสั่นๆ ก็ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากรูปกระจับ ในใจร้อนรนกระวนกระวาย หากแต่ไม่อาจโผงผางทำอะไรเอาแต่ใจได้ เพราะสำเหนียกดีว่าตนไม่ควรทำพฤติกรรมแย่ๆ ซ้ำซากเหมือนอย่างที่แล้วมา แต่ก็อดนึกน้อยใจไม่ได้ ธีรเดชพาแฟนมาเปิดตัว ทั้งที่ยังหมั้นหมายกับเธออยู่แท้ๆ เขาช่างใจร้ายนัก หัวใจเขาทำด้วยอะไร “ใช่ค่ะ สวยมาก กิริยามารยาทก็งาม สมกับคุณชายอย่างกับกิ่งทองใบหยก” สาวใช้ที่เพิ่งนำเครื่องดื่มไปเสิร์ฟเอ่ยอย่างเพ้อๆ ด้วยความลืมตัว ก่อนจะตาโต หุบปากฉับ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเผลอพลั้งปากพูดอะไรออกไป “อย่าไปฟังนังนวลมันเลยค่ะ ไปค่ะ…เดี๋ยวป้าพาไปส่งที่ตึกใหญ่” หลังจากหันไปขึงตาปรามคนปากพล่อย แม่อาบก็ปลอบประโลมอารญา แล้วเอ่ยเร่งเร้าให้เธอไปที่ตึกใหญ่ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้าอาบ อายอยู่ที่นี่ดีกว่า” คนที่มาขลุกช่วยงานในครัวตั้งแต่เช้าส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมฝืนยิ้มบางๆ ออกมา ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบใบตองตรงหน้ามาเจียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “แต่คุณน้องอายบอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยกับคุณชายไม่ใช่เหรอคะ” “เอาไว้วันหลังก็ได้ค่ะ ถ้าอายเข้าไปขัดจังหวะผู้ใหญ่ตอนนี้คงไม่เหมาะ” อารญาปฏิเสธอย่างละมุนละม่อม ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้ เลยเอ่ยออกมาอย่างเศร้าๆ “ป้าอาบสอนอายขูดมะพร้าวได้ไหมคะ เผื่อว่าอายจะไม่ได้มาที่นี่อีก” “อุ้ย! คุณน้องอายพูดเป็นลางอะไรอย่างนั้นคะ ท่านหญิงรักและเอ็นดูคุณน้องอายจะตาย” “มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกค่ะ เราหยั่งรู้อนาคตไม่ได้ เช่นกับที่เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้” ปากอิ่มขยับพูด ขณะที่มือเจียนใบตองอย่างขะมักเขม้น แต่ก้มหน้าซ่อนหยาดน้ำใสๆ ที่คลอเคล้านัยน์ตา ท่าทางน่าสงสารทำให้คนแก่ชวนเปลี่ยนเรื่องคุย “เมื่อกี้คุณน้องอายบอกว่าอยากให้ป้าสอนขูดมะพร้าวใช่ไหมคะ” “ค่ะ อายเห็นป้าอาบทำแล้วคันไม้คันมือ อยากขอลองทำตั้งนานแล้ว” “งั้นดีเลยค่ะ เราขูดมะพร้าวเสร็จ ก็คั้นน้ำกระทิต่อ จากนั้นก็เอาไปทำบัวลอยไข่หวาน ของโปรดของคุณน้องอาย ดีไหมคะ” แม่ครัวใหญ่เอ่ยอย่างเอาใจ ทำให้หญิงสาวยิ้มออก พยักหน้าน้อยๆ จากนั้นร่างบอบบางในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ก็เดินตามสาวใช้เข้าไปสอยมะพร้าวแก่ในสวนด้วยท่าทางกระตือรือร้น ไม่ห่วงสวย ไม่กลัวดำ ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงเธอก็กลับมาพร้อมกับมะพร้าวหลายลูก ใบหน้าพริ้มเพราแดงเรื่อเพราะโดนแดด น่าเอ็นดูจนแม่ครัวใหญ่อดลูบแก้มนุ่มๆ ไม่ได้ แม่อาบเรียกคนสวนมาปอกเปลือกมะพร้าว และผ่าให้เป็นสองซีก จากนั้นก็เอากระต่ายขูดมะพร้าวออกมาสอนอารญา หญิงสาวฟังอย่างตั้งใจ คอยสังเกต จดจำลักษณะท่าทาง และสอบถามเมื่อเกิดความสงสัย ไม่นานคนหัวไวในเรื่องทำอาหารก็สามารถขูดมะพร้าวได้ “ป้าอาบครับ” คนที่โผล่หน้าเข้ามาในครัวเอ่ยเบาๆ ก่อนจะยืนนิ่งมองคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาขูดมะพร้าว ทำหน้าตายเมื่อเธอเงยขึ้นมา แล้วเอ่ยบอก “ป้าอาบไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวก็คงกลับมาค่ะ” “เธอมาทำอะไรที่นี่?” น้ำคำนั้นช่างเย็นชาเหินห่าง อยู่ใกล้กันแค่เอื้อม แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกเขาอยู่ไกลเหลือเกิน “อายมาให้ป้าอาบสอนขูดมะพร้าวค่ะ” “ไม่ได้มาหาฉันหรอกเหรอ” “นั่นก็ด้วยค่ะ” เธอตั้งใจจะเอ่ยสิ่งที่ตัวเองอยากพูด เพราะคิดว่าคงไม่มีโอกาสเหมาะไปกว่านี้อีกแล้ว หากหางตาจะไม่เหลือบไปเห็นมนธิราเสียก่อน “แต่วันนี้พี่ธีมีแขก เอาไว้วันหลังก็ได้ค่ะ” “มนไม่ใช่แขก” แน่ล่ะ มนธิราไม่ใช่แขก แต่เป็นแฟนของเขา “…” เธอสะอึกจนพูดไม่ออก การไม่เป็นที่รักของผู้ชายที่ตัวเองรักทำไมมันถึงได้เจ็บปวดเหมือนถูกเฉือนหัวใจออกเป็นชิ้นๆ ขนาดนี้ แล้วหากต้องเสียเขาไปจริงๆ เธอจะทำเช่นไร “ถ้าอยากคุย ก็นัดผ่านเลขาฉันแล้วกัน” “อายเป็นถึงคู่หมั้นของพี่ธี จำเป็นต้องนัดด้วยเหรอคะ” “จำเป็น เพราะอีกไม่นานฉันก็จะถอนหมั้นแล้ว” “ไม่นะคะ อายไม่ถอนหมั้นนะคะ พี่ธีเป็นของอาย…เป็นของอายคนเดียว” คนที่ยึดมั่นถือมั่นว่าเขาเป็นของตนมาตั้งแต่แรกส่ายหน้าหวือ พลางขยับเข้ามาคว้าข้อมือแกร่งยึดเอาไว้ “หยุดเพ้อเจ้อเสียทีอารญา” ชายหนุ่มว่าพลางสะบัดแขนออก แล้วหมุนตัวจะก้าวจากไป ทว่าร่างใหญ่กลับต้องตัวแข็งทื่อ เมื่ออีกฝ่ายโผเข้าสวมกอดจากทางเบื้องหลัง พร้อมพร่ำวิงวอนเสียงสั่นเครือ “พี่ธีอย่าทำอย่างนี้กับอาย อย่าทิ้งอาย…ได้โปรด” “ยอมรับความจริงเสียเถอะอารญา” วาจาไม่รักษาน้ำใจถูกพ่นออกมาจากปากคนที่แกะแขนเรียวออกจากเอว ทำเอาหัวใจเธอแทบสลาย และก็เกือบจะปล่อยโฮออกมา เมื่อเห็นว่าร่างสูงสง่าหมุนตัวออกไปจากในครัว แล้วเดินไปหาแฟนสาวของเขา ธีรเดชบอกให้เธอทำนัดกับเลขาหากว่าต้องการพบเขา ซึ่งเธอก็ทำตามกฎกติกาที่อีกฝ่ายตั้งขึ้นไม่ต่างอะไรจากการเล่นแง่ ก็แหงล่ะ เขาไม่อยากพบหน้า เสวนา แต่พอถึงเวลานัด เขากลับให้คนมาบอกเธอว่าติดประชุมที่บริษัทขายยา หนึ่งในกิจการของตระกูลเผ่าวานิษ ณ ฤดีรังสรรค์ ซึ่งเขาเป็นคนคุม นอกจากเป็นหมอแล้ว ธีรเดชยังเป็นประธานบริหารในเครือพีเค ฟาร์มา จำกัด จากนั้นก็ประชุมลากยาวเกือบห้าชั่วโมงเห็นจะได้ แต่กระนั้นเธอก็ยังอดทนรอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD