1

1087 Words
1 โรงอาหารประจำคณะนิติศาสตร์ค่อนข้างสงบแม้ว่าภาควิชานี้จะเป็นคณะใหญ่คณะหนึ่ง ด้านในอาคารชั้นเดียวติดพื้นดินผู้คนบางตากับเวลาเที่ยงสิบนาทีแบบนี้ นั่นเพราะนักศึกษาส่วนใหญ่จากทุกคณะพุ่งตรงไปโรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัย ซึ่งที่นั่นเป็นโดมขนาดใหญ่ มีอาหารให้เลือกมากมาย นอกจากจะมีอาหารจากภาคต่างๆ ของประเทศไทย ยังมีอาหารจีนอาหารอเมริกันหลากหลายเมนูไว้ให้ทุกคนได้เลือกสรร ครบครันแบบนี้เพราะมีนักศึกษาจากต่างประเทศในโครงการแลกเปลี่ยนหลายชาติหลายคนรวมถึงบรรดาอาจารย์ต่างชาติด้วย โรงอาหารรวมยังมีร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่นอีเลฟเว่นกว้างขวางไว้บริการอีกด้วย “ทำไมมึงต้องถ่อมาหาไรแดกไกลขนาดนี้วะฮะไอ้คุณโจ” คนถามออกอาการหงุดหงิดทั้งน้ำเสียงและสีหน้าเนือยสุดขีด ภาษาที่ใช้จึงค่อนข้างหยาบสักหน่อย เพียวกระแทกลมหายใจฉุนๆ ขณะกวาดสายตาหาโต๊ะว่าง ซึ่งอันที่จริงโต๊ะนั่งว่างเยอะแยะแต่หาทำเลเหมาะๆ มากกว่า เมื่อคืนดื่มหนักไปนิดกว่าจะได้นอนก็เกือบตีสอง ตีห้ายังต้องแหกขี้ตาไปรับญาติของมารดาที่หมอชิตอีก ณ เวลานี้ อาการแฮงก์ทำหัวเขาหมุนเป็นลูกข่าง แถมวันนี้ยังมีเทสต์เศรษฐศาสตร์มหภาคอีก ไอ้เพื่อนที่เคารพมันเกิดอารมณ์สุนทรีย์ห่าเหวอะไรไม่รู้ลากมาหาของกินซะไกล คณะบริหารฯอยู่ห่างจากคณะนิติฯไม่ใช่น้อย อัศวินแค่ไหวไหล่ วางกระเป๋าเป้สะพายหลังสีเทาลงบนโต๊ะ “เปลี่ยนบรรยากาศมั่งดิวะไอ้เพียว ที่นี่ไม่วุ่นวายดี มึงว่าปะภาส” ภาสกรพยักหน้าเห็นด้วยไปอย่างนั้น เขาไม่เรื่องมากกับเรื่องกินอยู่แล้ว เพื่อนไปไหนก็ไปกัน เพียงแต่วันนี้มีเรื่องใครบางคนให้คิด คนที่เขาแอบหย่อนเพจเจอร์ใส่กระเป๋าเธอไป ป่านนี้แม่คนขี้ตื่นจะรู้ตัวหรือยังไม่รู้ แค่คิด...สีหน้าตื่นๆ กับพฤติกรรมชวนอมยิ้มของเธอก็ผุดขึ้นมาในหัวเขาเต็มไปหมดจึงไม่ทันฟังเรื่องที่เพื่อนรักทั้งสองฮึ่มฮั่มใส่กัน กระทั่งเสียงโจแทรกเข้ามาเรียกความสนใจ “มึงแฮงก์ก็อย่าพาล” “เออๆ หัวกูแทบจะแตก กินไรสั่งมาให้ด้วยก็แล้วกัน” คนแฮงก์ทิ้งตัวลงนั่ง ไถลตัวฟุบลงไปหมอบกับพื้นโต๊ะ ไม่สนใจใคร แม้หางตาจะรับภาพได้ว่า มีนักศึกษาหลายโต๊ะหันมามองพวกตนอย่างสนใจ โจกับภาสก็รับรู้เช่นกัน หากพวกเขาไม่สนใจมากนัก ไม่แปลกที่คนจะมอง ในเมื่อพวกเขาสามคนค่อนข้างหน้าตาดี อันนี้ไม่ได้เข้าข้างตัวเองแต่อย่างใด เรียนเก่งจนได้ฉายาว่าสามเทพอินเตอร์ จากการที่พวกเขาทั้งสามเรียนในหลักสูตรบริหารธุรกิจภาคอินเตอร์เนชันแนล แต่คนละสาขาวิชากันเท่านั้น โจเรียนการเงินการธนาคาร ภาสเรียนการจัดการระหว่างประเทศ เพียวเรียนการจัดการการท่องเที่ยวและโรงแรม นอกจากนี้พวกเขายังเป็นเจ้าของวงดนตรีชื่อพีพีเจ เพราะงั้นจึงไม่มีใครไม่รู้จัก แม้แต่รุ่นน้องปีหนึ่งที่เพิ่งเข้าเรียนยังรู้จักพวกเขาแทบทุกคน “มึงใจลอยนะวันนี้” โจปรายตามองเพื่อนขณะยืนรอพ่อค้าตักข้าวราดแกง เขาหันไปสั่งกาแฟอีกแก้วที่ร้านข้างกัน ภาสเลิกคิ้ว ไม่ตอบ แต่ประกายตาไหวนิดๆ เพียงนิดเดียวก็จุดรอยยิ้มมุมปากโจ มองหน้าเพื่อนด้วยสายตายิ้มๆ ที่มีร่องรอยการจับผิดชัดเจน “คิดถึงสาวเตยหอมรึไง” “เสือก” “ซื้อหวยแม่งไม่ถูกแบบนี้วะ” โจบ่นไม่จริงจัง อยากขำเพื่อนแต่ขำไม่ออกเมื่อนึกถึงเหตุที่ทำให้เพื่อนอารมณ์ดีและทำให้เขาต้องถ่อมาถึงคณะนิติฯ  ได้ของตามที่สั่ง สองหนุ่มเดินกลับมาที่โต๊ะ “กินได้แล้วมึง” ภาสเลือกนั่งม้านั่งด้านเดียวกับเพียว พร้อมทั้งเรียกอีกฝ่ายด้วยการใช้เท้าเตะข้างเท้าอีกฝ่ายเบาๆ โจวางแก้วกาแฟดำให้ตรงหน้า เพียวคว้าแก้วกาแฟไปดูดอึกใหญ่ๆ หลายอึก ตาเริ่มคลายความฝ้าฟางง่วงเหงาจึงกวาดตาไปทั่วโรงอาหารอีกครั้ง สาวๆ หลายคนมองมาที่พวกเขายิ้มๆ บางกลุ่มก็แอบซุบซิบกันพลางมองมาที่เขา หากที่ทำให้เพียวสนใจจนเกือบจะสำลักกาแฟก็เพราะ “ไอ้โจ นี่มึงคิดอะไรกันแน่ถึงมากินข้าวที่นี่วะ” ตาคู่คมจับจ้องที่ร่างอรชรของหญิงสาวคนหนึ่งท่ามกลางกลุ่มเพื่อนหญิงชายของเธอ อาการของเพียวทำให้ภาสต้องมองตามด้วย ก่อนจะเลิกคิ้วเหลือบตามามองหน้าเพื่อน โจไม่ต้องมองก็รู้ว่า เพื่อนๆ กำลังสนใจอะไร เขาตักข้าวกินไปเรื่อยแม้จะเริ่มไม่รู้รสชาติ กระทั่งเจ้าของร่างและใบหน้าแย้มยิ้มนั้นนั่งลงที่โต๊ะเยื้องเขาออกไปห้าตัว แต่เธอหันหน้ามาทางนี้ เพียวเอี้ยวตัวไปมอง และมันคงทำให้เธอรู้ตัว จึงเบนสายตามาทางโต๊ะพวกเขา “ไง ไม่เจอกันนานเลยนะใบบัว” เพียวร้องทัก “เรื่อยๆ ไม่เจ็บไม่ไข้” วินาทีนั้นเอง สายตาได้สบประสาน... โจใจกระตุก... แค่วินาทีที่เธอยอมมองสบตากันก่อนเมินหนีไป ใบบัว... อดีตแฟนเมื่อตอนปีหนึ่ง!!! เสียงใสๆ ของเธอกระตุกใจดีไม่น้อย เพียวโบกมือให้เธออีกนิดก็หันกลับมามองหน้าเขา มันยื่นเท้ามาเตะเท้าเขาใต้โต๊ะยิกๆ หน้าตาเปลี่ยนจากคนเนือยติดแฮงก์เป็นระรื่นระริกยังกับตุ๊กแกเปลี่ยนสีได้ เขามองแล้วอยากจะด่ามันเหลือเกิน “มึงนึกไงมากินข้าวที่นี่” เพียวถามคำถามเดินอีกเป็นครั้งที่สาม “อะไร ทำไมต้องคิดอะไรด้วยวะ แค่อยากหาที่เงียบๆ กินข้าว คณะนี้แม่งไกล ไม่ค่อยมีใครมากินหรอก รึมึงจะเถียง” โจสวนกลับเสียงนิ่ง สนใจกับจานข้าวอีกครั้ง ราวกับว่าการปรากฏตัวของอดีตแฟนเก่าไม่ได้มีความหมายอะไรเลย ทั้งๆ ที่มัน...โคตรจะสร้างความยุบยับให้กับหัวใจเป็นบ้า ภาสเหลือบตามองเพื่อนแล้วหัวเราะเบาๆ “กูลืมได้ไงนะว่า ใบบัวเรียนอยู่คณะนี้” “เออ แล้วไงวะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD