11

1030 Words
11 เธอสิ ยืนอึ้งไปหลายวินาที เขามือไวอะไรอย่างนี้ แล้วกล้าดียังไงมาแตะจมูกเธอเหมือนเมื่อก่อน ใจก็ดันเต้นระทึกขึ้นมาซะได้ หงุดหงิดตัวเองจริงเชียว “ฉันไม่กินอะไรนะ จะกลับห้องเลย” “อืม... รู้อยู่แล้ว” เมื่อเธอขึ้นรถ เขาพารถออก คราวนี้ไม่ขับเร็วมาก ขับไปเรื่อยๆ แม้ถนนจะโล่ง ผ่านไปอึดใจใหญ่มากๆ ยังไม่ถึงไหน ใบบัวจิ๊ปาก ว่าเหน็บแนมอย่างอดไม่ได้ “ขับรถเป็นหอยทาก ชาตินี้ฉันจะถึงห้องไหมเนี่ย” “หิวอะ ไม่มีแรงบิดคันเร่ง” เอากับเขาสิ จะแหลไปไหน... “มีโบโลน่าพริกในถุง หยิบให้หน่อยสิ” ใบบัวกระแทกลมหายใจแรงๆ ยกถุงที่เผลอกำไว้ไม่ปล่อยขึ้นคลี่ปากถุงดู ในนั้นมีถุงโบโลน่าหมูพริกอยู่สองถุงใหญ่และน้ำอัดลมสองกระป๋อง เธอหยิบมันส่งให้เขาอย่างกระฟัดกระเฟียด โจปรายตามองถุง ไม่ต้องหันไปด้านหลังเขาก็พอรู้ว่า หน้าใสคงบึ้งตึงเปรี๊ยะ “คุณใบบอนครับ ขับมอ’ไซค์นะไม่ใช่รถเก๋งจะได้แกะกินเองได้” “งั้นก็ไม่ต้องกิน เรื่องมากนัก” “งั้นก็นั่งชมนกชมทุ่งนาไปเงียบๆ ผมมีแรงขับแค่นี้แหละ” มันแกล้งยียวนกวนประสาทกันชัดๆ ใบบัวก่นร้องในอก กรุ่นๆ อารมณ์เต็มที่ละ เธอทึ้งฉีกถุงของกินเจ้าปัญหาแรงๆ จนเกือบทำให้ก้อนสีชมพูที่มีเม็ดพริกหั่นบางๆ ประปรายกระจายเต็มแผ่นร่วงลงพื้นถนน ตะครุบได้ทันก็หยิบขึ้นมาแบบหนา ไม่สนใจว่ามันจะมีกี่แผ่นซ้อนกัน ยื่นผ่านบ่ากว้างไปจ่อปากคนขับ หรือถ้ามันจะปาดลูกกะตาพราวๆ กวนโมโหนั้นก็ยิ่งดี “โอ๊ย! ดีๆ สิเธอ ถ้าทิ่มตาฉันเข้า รถเสียหลักขึ้นมาพาวัดพื้นถนนอย่ามาโทษกันนะ” โจยิ้มกว้างเต็มที่ โวยวายแต่ก็อ้าปากงับชิ้นสีชมพู แต่พอมือบางปล่อย เขาแกล้งกัดให้ส่วนที่เหลือกว่าค่อนแผ่นร่วงลงพื้น “ฮื้อ... เสียดาย หลายตังค์นะนั่น” ใบบัวหันหลังไปมองตาม แอบกลืนน้ำลาย เสียดายเหมือนกัน เธอไม่เคยกินทิ้งกินขว้าง การช่วยพ่อแม่ทำงานมาตั้งแต่เด็กทำให้รู้ว่าเงินทองกว่าจะได้มาแต่ละบาทนั้นยากลำบาก “ทำไมไม่กินดีๆ” “ใครจะเอาเข้าปากได้หมด ไม่ใช่ชิ้นเล็กๆ ไอ้ที่ส่งมาน่ะดูไหมว่ากี่ชิ้น หนาขนาดนั้น” เขาบ่นแต่เพิ่มความเร็วรถขึ้นอีกนิด คนซ้อนก็เหมือนจะลืมตัวไปอีกหน่อย คราวนี้จึงหยิบยื่นมาให้แค่แผ่นเดียว โจกัดมันเข้าปากครึ่งแผ่น มือเรียวขาวก็ยังไม่ดึงกลับ เขายิ้ม งับอีกครึ่งแผ่นเข้าปาก “เธอกินบ้างก็ได้นะ ซื้อมาตั้งหลายอัน” ใบบัวไม่ตอบอะไร แค่หยิบแล้วยื่นป้อนให้อีกฝ่ายไปเท่านั้น นั่นเพราะใจของเธอหวนคิดไปถึงวันหนึ่งที่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ “หิวอะ” “กินไหม ฉันมีโบโลน่าพริก” วันหยุดเธอกับโจมักจะพากันขับรถเที่ยว รถมอเตอร์ไซค์นะ อย่างวันนี้ก็ไปเที่ยวศูนย์วิทยาศาสตร์ ขากลับแวะไหว้พระที่วัดมูลกัน เวลาตอนนี้แดดร่มลมตกแล้ว จากวัดถึงหอพักขับรถจริงๆ ไม่ถึงห้านาที หากคนขี้แกล้งกลับหันหัวรถไปทางลำลูกกา พอเธอโวยก็บอกขับรถเล่น ชมท้องนา ชมนกชมหญ้ากันไป สุดท้ายก็หิวซ่กขาวนรถกลับ ยังดีว่ามีร้านสะดวกซื้อ ใบบัวแวะเข้าไปซื้อน้ำกับของกินนิดหน่อย เธอไม่ชอบขนมขบเขี้ยวเลยเลือกโบโลน่ามาแทน เธอถามแต่ไม่รอคำตอบ หยิบชิ้นโบโลน่ายื่นข้ามไหล่ไปจ่อปากได้รูปทันที โจก็งับเข้าปากอย่างไม่รีรอ “อร่อย” “อร่อยกว่าไส้กรอกอีกนะ ฉันชอบ” ใบบัวชวนคุยเสียงใส หยิบกินบ้าง ยื่นไปป้อนคนขับบ้าง “รู้ได้ไงว่าอร่อยกว่า ไส้กรอกบางอย่างอร่อยนะ ต้องลองกินก่อนแล้วจะติดใจ” ถ้าไม่มีเสียงหัวเราะในลำคอตามมา ใบบัวคงไม่หน้าร้อน พานคิดลึกไปไกล “ทะลึ่งละ ไอ้หมาโจ” ความสนิทสนมในฐานะเพื่อนมาก่อนช่วยให้พัฒนาการในฐานะแฟนมีความเป็นกันเองรวดเร็ว อายุรุ่นเดียวกันทำให้คำพูดคำเรียกกันนั้นมีความเป็นกันเองมากขึ้น บางครั้งขึ้นไอ้ขึ้นเอ็ง แต่ไม่เคยมึงมาพาโวยกันสักครั้ง “อะไร ยังไม่ได้พูดเรื่องทะลึ่งเลย เธอดิคิดลึก” “สาบานว่าพูดจริง?” โจหัวเราะ อ้าปากงับชิ้นโบโลน่า หากครั้งนี้เขาไม่กินแค่ชิ้นสีชมพูแต่งับนิ้วเรียวขาวเข้าปากด้วย “โจ!” “อ่า โทษๆ ขับรถไปกินไป ไม่ได้มอง” พูดแล้วหัวเราะแบบนั้นใครจะเชื่อลง! “กลับไปได้แล้ว” ทันทีที่รถคลานเข้ามาจอดหน้าตึกหอพัก ใบบัวเอ่ยปากไล่ทันทีพร้อมกับหันหลังเดินเข้าตึก พยายามไม่คิดหรือรู้สึกอะไรกับการที่เขามาส่งเธอที่นี่โดยไม่ถามสักคำว่าเธอพักที่ไหน ใจมันเต้นแปลกๆ อยู่หรอก หากเธอทำไม่สนใจ เพราะต้องการหนีหน้า ร่างอรชรจึงก้าวฉับๆ ขึ้นบันไดไปยังห้องพักที่อยู่ชั้นห้าอันเป็นชั้นบนสุด หอนี้ไม่มีลิฟต์ ไม่ใช่แค่ที่หอพักแห่งนี้ หอละแวกนี้ทั้งหมดล้วนไม่มีลิฟต์ทั้งนั้น ความเคยชินจากการเดินขึ้นลงบันไดมาสามปีจึงไม่ได้สร้างความเหนื่อยล้าด้วยซ้ำตอนที่เธอมาหยุดยืนหน้าประตูบานหนึ่ง สอดกุญแจที่ค้นได้จากกระเป๋า พอบิดกุญแจเปิด เธอเพิ่งนึกได้ว่า นอกจากกระเป๋าใบเล็กที่สะพายอยู่ สมุดหนังสือของเธออยู่ที่เขา “ตายล่ะ โอ๊ะ...” ใบบัวดึงประตูปิด ครั้นหมุนกลับก็ชนเข้ากับกำแพงเนื้อหนาๆ เข้าอย่างจัง “ซุ่มซ่ามจริง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD