ฉันรีบลุกขึ้นยืนขณะที่มือก็ถือถุงใส่เสื้อสูทไว้แน่น พลางสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะทำใจกล้าเดินตรงเข้าไปหาชายหนุ่มร่างสูงที่มองจ้องฉันด้วยสายตาเรียบเฉย แค่สบสายตาคมกริบคู่นั้นมันก็ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงผิดจังหวะ สายตามองดูลูกน้องสองและหนึ่งในสองคนนั้น เขาคือคนที่ฉันเจอที่คลับเมื่อคืนนั่นเอง ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปใกล้แมกเครย์ พวกเขาก็เดินเข้ามาขวางทางฉันเอาไว้พร้อมกับสายตาดุดันที่จ้องหน้าฉันเขม็ง
ฉันมองดูพวกเขาด้วยความสงสัย และอดคิดไม่ได้จริงๆ ถ้าเขาเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาทำไมถึงมีลูกน้องคอยเดินตามประกบเหมือนเป็นเงาตามตัวแบบนี้ ฉันคิดในใจพลางช้อนสายตาขึ้นไปมองหน้าชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาแต่ทว่าดูเรียบเฉยที่ไม่มีการแสดงออกทางสีหน้าใดๆ ดวงตาสีนิลดำนั้นมองจ้องหน้าฉันเขม็ง ฉันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ขณะที่จ้องตอบสายตาคู่สวยของเขา
“สวัสดีค่ะ จำหนูได้ไหมคะ หนูคือคนที่คุณช่วยไว้เมื่อคืน เอ่อ..หนูเอาเสื้อสูทของคุณมาคืนค่ะ” ฉันยื่นถุงใส่เสื้อสูทส่งให้แม็กเครย์ แต่ลูกน้องเขาก็มาคว้ามันออกไปจากมือฉันทันที
“น้องมีอะไรอีกไหม พอดีเจ้านายพี่ต้องรีบไปทำธุระ”
“ขอโทษนะคะ คือ..หนูมีเรื่องอยากถามคุณแม็กเครย์หน่อยค่ะ ถามเสร็จแล้วก็จะไปทันทีค่ะ”
“…”
แม็กเครย์มองหน้าฉันนิ่งๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เหมือนกำลังหงุดหงิดกับสิ่งที่ฉันทำอยู่ ฉันรู้ว่ามันอาจจะดูเหมือนผู้หญิงงี่เง่าที่พยายามตื๊อและเข้าหาเขาแถมยังดูจะหน้าด้านหน้าทนที่ยังคงยืนอยู่ตรงนี้ต่อทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจฉันเลยด้วยซ้ำ
“หนูชื่อเฌอแตม เอ่อ..คุณรู้สึกคุ้นๆ บ้างหรือเปล่าคะ”
“ไม่ มีแค่นี้ใช่ไหมที่เธอจะถามฉัน เสร็จธุระแล้วก็หลีกไป” เขาพูดตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตาคมกริบเริ่มมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด
“หนูรู้สึกคุ้นๆ กับน้ำเสียงและวิธีการพูดแบบนี้ของคุณมากเลย เอ่อ..เมื่อสามปีก่อนเราเคยพบกันบ้างหรือเปล่าคะ คุณอาจจะจำไม่ได้แล้วเพราะมันนานมาก ถ้ายังไงคุณช่วยดู.....”
“ไม่.. ฉันคิดว่าเธอคงจะเข้าใจผิด ..นี่เป็นวิธีอ่อยผู้ชายของเด็กสมัยนี้เหรอไง” เขาพูดตัดบทโดยที่ไม่รอให้หญิงสาวได้พูดจนจบประโยค
สายตาคมเข้มมองสำรวจดูเรือนร่างบอบบางแต่มีส่วนเว้าส่วนโค้งของหญิงสาวตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง สายตาและการกระทำของแม็กเครย์ที่จ้องมองมาตรงๆ อย่างเปิดเผยของเขาทำให้ใบหน้าหญิงสาวร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
“ขอโทษนะคะ หนูคงจำคนผิดจริงๆ เอ่อ..หนูคิดว่าคุณจะเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยหนูไว้เมื่อสามปีก่อน เอ่อ..หนูขอโทษที่เสียมารยาทแต่คุณแม็กเครย์ช่วยดูข่าวนี้หน่อยได้ไหมคะ”
ฉันยังไม่ลดละความพยายาม น้ำเสียงและคำพูดของเขานั้นราวกับคนๆ เดียวกับผู้ชายในคืนนั้นเหลือเกิน ถ้าฉันพิสูจน์จนแน่ใจว่าไม่ใช่เขาจริงๆ ก็จะไม่ติดใจอะไรอีก ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดรูปภาพและข้อมูลข่าวเมื่อสามปีก่อนที่เซฟไว้ในโทรศัพท์และยื่นมันส่งให้ลูกน้องของเขา ในใจคิดว่าถ้าเขาเห็นรูปภาพข่าวในโทรศัพท์แล้วไม่มีปฏิกิริยาอะไร ผู้ชายคนนั้นก็คงไม่ใช่เขาจริงๆ
ฉันอาจจะคิดน้อยเกินไป.. ถ้าเขาเกิดใช่ผู้ชายคนนั้นขึ้นมาจริงๆ ฉันอาจจะไม่มีรอดชีวิตก็ได้..เพราะในตอนนั้นเขาก็คงอยากจะฆ่าฉันอยู่เหมือนกัน แต่ที่ฉันรอดจากเหตุการณ์ในตอนนั้นมาได้ก็คงเป็นเพราะฉันยังเด็กอยู่มากนั่นเอง บางทีการปล่อยผ่านให้เรื่องราวมันจบๆ ไปโดยที่ไม่ต้องตามหาหรือรื้อฟื้นเหตุการณ์นั้นขึ้นมาอีกมันอาจจะส่งผลดีกับตัวฉันมากกว่าก็ได้ ..แต่ฉันก็อยากเจอผู้ชายคนนั้นอีกสักครั้งหนึ่งเหมือนกัน
วิคเตอร์หยิบโทรศัพท์ในมือของเฌอแตมขึ้นมามองดูอยู่ครู่หนึ่ง เขาเบิกตากว้างมองดูหญิงสาวตรงหน้าสลับกับภาพข่าวในหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความตกใจก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติตามเดิมและยื่นโทรศัพท์ของเธอส่งให้เจ้านายหนุ่ม
แม็กเครย์พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ มือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองดู แววตาคมเข้มมีประกายวูบไหวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเลือนหายเป็นปกติ เขาตวัดสายตาขึ้นมามองดูเธอเขม็ง ใบหน้าเรียบเฉยนั้นไม่แสดงอาการตกใจหรือมีท่าทางที่แปลกแตกต่างไปจากเดิม เขาขยับตัวเดินเข้ายืนใกล้ๆ เด็กสาวตรงหน้า มือหนายื่นโทรศัพท์ส่งคืนให้เธอ
“คะคุณพอจะจำข่าวนี้ได้บ้างไหมคะ มันนานมากแล้วก็จริง เอ่อ..คุณพอจะคุ้นบ้างไหมคะ”
“ไม่ หมดธุระของเธอแล้วใช่ไหม” เขาพูดตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนเดิม
“…” ฉันยืนมองเขาอยู่ครู่หนึ่งเพราะไม่รู้จะพูดอะไรออกมาและรีบขยับตัวออกห่างจากเขาทันทีเพื่อหลีกทางให้เขาเดินผ่านไป สายตามองตามแผ่นหลังกว้างของเขาไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ ในใจมันทั้งโล่งอกและผิดหวังไปพร้อมๆ กัน
ชายหนุ่มเดินออกมาจากบริษัทก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งในรถยนต์หรูที่จอดรออยู่ เขาหันหน้าไปมองดูเด็กสาวที่เดินออกมาจากบริษัทอย่างใช้ความคิด
“นายครับ เธอเป็นเด็กสาวที่อยู่ในบ้านของเทวัญวันนั้น แต่ดูๆ แล้วเหมือนเธอจะจำนายไม่ได้ เอ่อ..ให้จัดการเลยไหมครับ” วิคเตอร์เอ่ยถามออกมา ใบหน้าฉายแววกังวลเล็กน้อยเพราะเขาแทบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำและไม่คิดว่าเรื่องมันจะบังเอิญขนาดนี้
“ยัง มึงไปสืบประวัติยัยเด็กนั่นมา แล้วส่งคนไปตามดูเงียบๆ ” แม็กเครย์พูดตอบขณะที่สายตาคมกริบก็ยังไม่ละสายตาไปจากหญิงสาวที่ยืนรอรถอยู่ตรงฟุตบาทด้านหน้าของบริษัท
“ยัยเด็กโง่”