Bad Guy

1882 Words
ฉันไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงยอมตามแม็กเครย์มาง่ายๆ แบบนี้ แถมยังใส่ชุดบ้าๆ นี่นั่งอยู่ในรถยนต์กับเขาอีก สายตามองดูรถยนต์ที่ขับเลี้ยวเข้ามาจอดในคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่ง พอเห็นแบบนั้นฉันก็เบิกตากว้างแล้วหันไปมองหน้าชายหนุ่มที่นั่งนิ่งเงียบอยู่ ตลอดทางที่ออกจากเอ็มมาริออนจนกระทั่งมาถึงที่นี่ฉันแทบจะนับคำพูดของเขาได้ “เอ่อ..หนูยังเปลี่ยนใจทันใช่ไหม ถ้าหนูจะบอกคุณว่า..หนูไม่อยากรู้อะไรแล้ว” ฉันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ยอมรับว่านาทีนี้ตัวเองปอดแหกสุดๆ ฉันรู้สึกกลัวผู้ชายตรงหน้าและรู้สึกไม่ปลอดภัยเหมือนกับที่รู้สึกกับผู้ชายคนอื่นๆ “อืม” ฉันยิ้มออกมาอย่างดีใจที่เขาเข้าใจอะไรง่ายๆ พอก้มมองชุดบันนี่เกิร์ลที่ตัวเองสวมใส่อยู่ก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าเสื้อผ้า กระเป๋าและของใช้ที่จำเป็นของฉันอยู่กับลูกน้องเขาทั้งหมด “ขอบคุณนะคะ หนูขอกระเป๋ากับเสื้อผ้าคืนได้ไหมคะ” “มาถึงที่นี่แล้วฉันคงปล่อยให้เธอกลับไปง่ายๆ ไม่ได้หรอก” “หมายความว่ายังไงคะ” “เธอรนหาที่เอง” แม็กเครย์ไม่ได้สนใจคำถามเธอ เขาแค่อยากพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากบอกเธอเท่านั้น “หนูไม่เข้าใจที่คุณพูด” “…” แม็กเครย์ไม่ได้พูดตอบอะไรนอกจากสายตาดุดันที่ดูเย็นชาคู่นั้นที่จ้องมองมา ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั้นมันทำให้ฉันคาดเดาอารมณ์เขาไม่ออก แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ฉันก็รู้สึกเสียววาบในอก บรรยากาศในรถตอนนี้เงียบสนิทจนฉันกลัวว่าเขาอาจจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงจนเหมือนมันจะทะลุออกมาจากหน้าอก ความกลัวเริ่มเข้ามาเกาะกินหัวใจทีละนิด เวลานี้ฉันคิดว่าการตามเขามาที่นี่อย่างง่ายดายแบบนี้อาจจะเป็นความโง่เขลาและความคิดที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตของฉันก็ได้ พอคิดได้แบบนั้นฉันก็รีบเปิดประตูรถออกไปตามสัญชาตญาณ แต่ก็ต้องหยุดชะงักทันทีที่ลูกน้องของเขาเข้ามาขวางทางและเดินมาล้อมหน้าล้อมหลังไว้ “นะหนูจะกลับแล้ว บอกให้ลูกน้องคุณหลีกทางด้วยค่ะ” “ไม่อยากได้ของๆ เธอคืนแล้วเหรอไง หรือจะกลับไปทั้งๆ ที่ใส่ชุดแบบนั้นก็ได้นะ” “อึก..คุณแกล้งหนูแบบนี้ทำไม” ฉันหันมามองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ “จะตามฉันมาดีๆ ไหม” “…” แม็กเครย์หันไปมองหน้าวิคเตอร์กับก้องเกียรติอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์ที่กำลังเปิดออก ดวงตาสีดำนิลคู่นั้นมองจ้องร่างบางที่อยู่ในชุดบันนี่เกิร์ลเขม็ง “รีบทำตามที่นายสั่งตอนที่นายยังพูดดีๆ อยู่เถอะครับ เอ่อ..คุณแม็กเครย์ไม่ได้ใจดีแบบที่คุณคิด” ก้องเกียรติพูดบอก “หนูไม่ใช่ลูกน้องเขาแบบพวกคุณ ทำไมหนูต้องฟังคำสั่งเขาด้วย” “คุณไม่มีทางเลือกอื่นครับ นอกจากทำตามที่นายของผมสั่ง เชื่อผมเถอะ..พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร รังแต่จะหาเรื่องเจ็บตัวให้ตัวเองเปล่าๆ ” ก้องเกียรติยกมือขึ้นมาเกาหัวแกรกๆ เมื่อหญิงสาวพยายามเดินฝ่าพวกเขาออกไปให้ได้โดยไม่สนใจสิ่งที่เขาพูดเตือน “แต่.. เจ้านายพวกพี่ก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับให้หนูทำตามคำสั่งเขานะ แล้วทำไมหนูจะกลับไม่ได้นี่มันเป็นสิทธิเสรีภาพของหนูนะ” เธอพยายามจะพูดทักท้วงออกมาอีกครั้งหลังจากเห็นพวกเขาทั้งคู่ยังคงยืนนิ่งและยังไม่เปิดทางให้เธอเดินออกไปง่ายๆ “อย่าดื้อเลย ผมเตือนด้วยความหวังดี” วิคเตอร์พูดบอกหญิงสาวอย่างใจเย็น แววตาดื้อรั้นในดวงตาของเธอทำให้เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาเปิดเสื้อสูทของตัวเองออกและเปิดกว้างพอที่จะให้หญิงสาวมองเห็นมัจจุราชสีดำเงาวับที่อยู่ในซองปืนสะพายไหล่ของเขา “…” ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเพ่งสายตามองดูมัน พอรู้ว่าวัตถุทรงอำนาจสีดำเงานั้นเป็นอะไร ฉันก็ได้แต่ยืนตัวชาแข็งทื่ออยู่แบบนั้นขณะที่ในสมองก็มึนงงและสับสนไปหมด พอตั้งสติได้ฉันก็พยักหน้าตอบพวกเขาไปอย่างไม่มีทางเลี่ยงและค่อยๆ ก้าวเท้าเดินเข้าไปด้านในของตัวลิฟต์ที่มีแม็กเครย์ยืนรออยู่ก่อนแล้ว ลูกน้องของเขาไม่ได้เดินตามเข้ามาด้วยและตอนนี้ในลิฟต์ก็แค่มีฉันกับแม็กเครย์สองคนเท่านั้น ความเงียบสนิทจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจเต้น ฉันบีบมือทั้งสองข้างเข้าหากันแน่นขณะที่เหงื่อเม็ดเริ่มซึมออกมาตามรูขุมขน มันมีอะไรหลายๆ อย่างในตัวแม็กเครย์ที่ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกว่าเขาอาจจะไม่ใช่แค่นักธุรกิจธรรมดาๆ ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตามหลังแม็กเครย์เข้าไปในห้องพักอย่างกล้าๆ กลัวๆ สายตามองสำรวจห้องกว้างๆ ที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นโทนสีขาวดำและของตกแต่งที่ดูหรูหราบ่งบอกฐานะของผู้อยู่อาศัย มันกว้างมากจนราวกับเดินเข้ามาในบ้านหลังๆ หนึ่งเลยทีเดียว “ไปอาบน้ำสิ” “ปะไปอาบน้ำทำไม คุณมีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ หมดเสร็จธุระแล้วหนูจะได้กลับ” เธอหลบสายตาของเขาที่มองมา ใบหน้าแดงซ่านด้วยความอายขณะในใจก็เต้นแรงเพราะรู้ความหมายของสิ่งที่เขาพูดออกมา “ฉันไม่ชอบกลิ่นผู้ชายพวกนั้นที่ติดอยู่บนตัวเธอ” “ห๊ะ! มะไม่ชอบก็เรื่องของคุณสิ นี่มันร่างกายของหนูนะมันเกี่ยวอะไรกับความชอบไม่ชอบของคุณกัน” เฌอแตมกระแทกเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ ในใจตอนนี้เริ่มเดือดปุดๆ กับคำพูดและท่าทางวางอำนาจของเขา เขาไม่มีสิทธิ์มาสั่งให้เธอไปทำอะไรทั้งนั้นแล้วก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับฝืนใจให้เธอทำตามคำสั่งของเขา “...” แม็กเครย์เดินก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาหาเธออย่างรวดเร็วโดยที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว ดวงตาคมกริบมองจ้องหญิงสาวตรงหน้าเขม็งขณะเดียวกันมือหนาก็เอื้อมขึ้นมาบีบลำคอระหงไว้แน่นก่อนจะบีบมันแรงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนมืออีกข้างที่แข็งราวกับคีมหนีบเหล็กก็บีบคางเรียวเล็กไว้จนเธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวพร้อมๆ กับมือเล็กที่เริ่มปัดป่ายไปในอากาศก่อนจะทุบลงบนหน้าอกของเขาอย่างแรงเพราะเธอเริ่มจะหายใจไม่ออก “ฉันไม่ชอบให้ใครขัดใจ ทำตัวเป็นเด็กดีว่าง่ายๆ แล้วเธอจะไม่เจ็บตัว” แม็กเครย์เค้นเสียงลอดไรฟันเมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าพยายามท้าทายอำนาจเขา มือหนาทั้งสองข้างค่อยๆ คลายออกจากลำคอระหงและคางเล็กก่อนจะเลื่อนลงไปหาชุดเกาะอกของเธอ “แค่กๆ แค่กๆ คุณมันบ้า!! มาทำแบบนี้กับหนูทำไม” เธอรีบสูดอากาศเข้าทั้งปากและจมูกพร้อมๆ กัน เฌอแตมตวัดสายตาขึ้นมองจ้องเขาด้วยความโกรธเคือง การกระทำของเขาทำให้เธอกลัวจนตัวสั่น ภาพเหตุการณ์ในอดีตที่ตามหลอกหลอนเริ่มแว็บกลับเข้ามาในสมองของเธอโดยอัตโนมัติ การกระทำของแม็กเครย์ก็ไม่แตกต่างไปจากผู้ชายพวกนั้นที่ทำกับเธอเลย เขาช่างใจร้ายใจดำและป่าเถื่อน หน้าฉากที่เขาแสดงออกมันก็แค่หน้ากากเท่านั้นเอง หญิงสาวก้มลงมองมือหนาที่จับชุดเกาะอกของเธอไว้แน่น ความโกรธและความผิดหวังต่อการกระทำของอีกฝ่ายทำให้มือเล็กฟาดลงไปบนแก้มสากของเขาอย่างลืมตัว เพียะ!! ใบหน้าหล่อสะบัดไปตามแรงตบของคนตัวเล็กทันที แม็กเครย์ชะงักนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ ตรงแก้มซีกซ้าย เขาหันหน้ากลับมาจ้องเธอด้วยดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่กล้าตบหน้าเขาแบบนี้ แคว่ก แคว่กแคว่ก “กรี๊ดดดด!! ยะหยุดนะ!! ทำบ้าอะไรของคุณ คุณแม็กเครย์!! หนูบอกให้หยุด!! ได้ยินไหม! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!” หญิงสาวกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่นขณะที่พูดห้ามปรามและขอร้องไม่ให้เขาทำแบบนี้กับเธอ แต่แม็กเครย์ก็ดูเหมือนจะไม่สนใจ มือหนาทั้งสองข้างของเขายังคงดึงทึ้งและฉีกชุดบันนี่เกิร์ลออกจากเรือนร่างเธอ เนื้อผ้าถูกฉีกออกอย่างบ้าคลั่งและมันก็กระจัดกระจายเกลื่อนอยู่บนพื้นห้อง เวลานี้บนเนื้อตัวเธอแทบไม่มีอะไรปกปิด ผิวขาวๆ ขึ้นเป็นเป็นรอยแดงกระจายอยู่ทั่วทั้งตัว เธอทรุดลงนั่งบนพื้นห้องและร้องไห้ออกมาอย่างหนักราวกับหัวใจกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ม่านน้ำตาเกาะบนขนตาที่ยาวเป็นแพหนาและไหลออกมาไม่หยุดราวกับเขื่อนแตก เธอยกฝ่ามือขึ้นมาปิดหน้าอกและส่วนสงวนไว้ด้วยความกระดากอาย “ฮือออ คุณมันคนบ้าชัดๆ สิ่งที่คุณทำกับหนูก็ไม่แตกต่างจากผู้ชายเลวๆ พวกนั้นเลย หนูหลงคิดว่าคุณเป็นคนดีแต่เปล่าเลย..ต่อหน้าก็เสแสร้งแกล้งทำเป็นคนดีพอลับหลังคุณมันก็เป็นแค่ปีศาจดีๆ นี่เอง” เธอพูดตัดพ้อออกมาด้วยความโกรธ “หึ..ฉันไม่เคยบอกนะ ว่าฉันเป็นคนดี” แม็กเครย์แสยะยิ้มมุมปาก นิ้วมือลากไล้ไปบนพวงแก้มใสที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาของเธอ และปรายตาลงมองสำรวจเรือนร่างเปลือยเปล่าของเธอด้วยความพึงพอใจ “เมื่อกี้ฉันบอกเธอว่าไง?” “…” พอได้ยินคำพูดของเขาเท่านั้น หญิงสาวก็รีบลุกขึ้นยืนทันทีขณะที่มือเล็กทั้งสองข้างก็พยายามปิดบังร่างกายเอาไว้ ร่างสูงขยับเข้ามายืนใกล้ๆ เธอ มือหนาปัดมือเล็กออกและเลื่อนฝ่ามือขึ้นไปบีบคลึงหน้าอกอวบอิ่มหนักๆ นิ้วมือเขี่ยปลายยอดอกจนมันเริ่มแข็งเป็นไตขณะที่สายตาคมเข้มมองจ้องใบหน้าแดงก่ำและริมฝีปากอวบอิ่มที่เม้มเข้ากันแน่นสนิทของเธอ ขณะเดียวกันน้ำตาใสๆ ก็ร่วงเผาะลงมาไม่หยุด “ฉันไม่ได้ใจดี อย่าพยายามทำอะไรขัดใจฉันอีก เข้าใจไหม?” “อืม” “พูดกับผู้ใหญ่ทำไมไม่มีหางเสียง หือม์” เขากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูเธอ ขณะที่มือหนาก็ขยี้ขยำหน้าอกนุ่มนิ่มอย่างแรงเพื่อเป็นการลงโทษ “อื้ออ..จะเจ็บ นะหนูเข้าใจแล้วค่ะ” เธอเบ้หน้าด้วยความเจ็บและถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อแม็กเครย์หยุดการกระทำป่าเถื่อนลง “ตามมาสิ” “ค่ะ” ‘..ไอ้คนสารเลว ไอ้คนโรคจิต ไอ้บ้ากาม..’ ฉันบ่นในใจขณะที่ตวัดสายตาเขียวปั๊ดขึ้นมองแผ่นหลังแม็กเครย์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD