บทที่4 เมื่อคืนนั้นผ่านไป

2357 Words
เช้าวันต่อมา “ณิช พี่โทรไปทำไมไม่รับ” น้ำเสียงห่วงใยที่แฝงไปด้วยความสั่นคล้ายคนพยายามปกปิดความผิดดังมาทันทีที่พบหน้า ณรชญาจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายได้เพียงแค่ครู่เดียวก็ต้องเป็นฝ่ายหลบตา แม้ว่านอกจากเธอจะไม่กล้าสู้หน้าเขาแล้ว เขาเองก็หลบตาเธอเช่นกัน... ณรชญาก้มหน้าไม่ยอมตอบใด ๆ เรื่องเมื่อคืนยังคงวนเวียนกวนใจเธอให้เผลอนึกถึงคนที่เปลี่ยนฝันร้ายของเธอเป็น...ฝันที่ดี แต่สิ่งที่กวนใจมากกว่านั้น ก็คือตอนที่เธอหนีออกจากห้องของผู้ชายคนนั้นเมื่อเช้านี้... เธอเจอคนตรงหน้ากับเพื่อนสนิทอีกคนของเธอ...ออกมาจากห้องด้วยกัน เขาอาจจะเมามากจนพลาดพลั้ง หรือเธออาจเป็นคนที่เข้าใจผิดไปเอง แต่ไม่ว่าจะยังไง ดูเหมือน...เส้นทางของเรามันไปต่อไม่ได้แล้ว คงได้เวลาที่เธอจะจบความรู้สึกผิดในใจของตัวเองเสียที “พี่วีคะ” เสียงแหบจนแทบจะไม่ได้ยินส่งเสียงขึ้นในเวลาต่อมาก่อนที่หญิงสาวจะเงยหน้ามองคนที่คบหากันมาหลายปีและพูดในสิ่งที่ตัดสินใจไว้แล้ว “ณิชว่าเราเลิกกันเถอะค่ะ” “ทำไมอะ หรือว่า...ณิช พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่เมา มิ้นเขามาอยู่บนเตียงได้ยังไงพี่ไม่รู้” วีรพลเหมือนคนร้อนตัว เมื่อคืนที่ผ่านมาเขาเมามาก...มากจนทำเรื่องไม่สมควรลงไป มันทำให้เขาร้อนตัวเมื่อมาเผชิญหน้ากับแฟนสาว เธอรู้เรื่องแล้วอย่างนั้นหรือ? เพราะเขาร้อนตัว ณรชญาจึงได้ข้อสรุปในเรื่องของแฟนหนุ่ม แต่ต่อให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอก็ตัดสินใจไปแล้ว “ณิชไม่รู้หรอกค่ะ ว่าเรื่องของพี่วีกับมิ้นเป็นยังไง แต่เหตุผลที่เราเลิกกัน ณิชเป็นคนผิด ไม่ใช่พี่วี ณิช...มีคนอื่น” “ณิช...” “เราอย่าติดต่อกันอีกเลยนะคะ...มิ้นน่ารักนะคะ แล้วก็ใจดีด้วย ถ้าพี่วีรักกับมิ้น จะต้องมีความสุขแน่ ๆ” หญิงสาวพูดแล้วก็หันหลังให้ สิ่งที่มันเกิดขึ้น เธอถือว่ามันผ่านพ้นไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อาจจะทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นและคบหากับเขาต่อไปได้ ต่อให้อีกฝ่ายจะไม่ได้มีเรื่องผิดพลาดเช่นกันก็ตาม วีรพลนิ่งไปชั่วอึดใจ ยอมรับว่าตกใจกับสิ่งที่แฟนสาวพูด แต่สิ่งที่หญิงสาวพูดมา มันแปลกเกินกว่าเขาจะเชื่อ มือหนาคว้าแขนของณรชญาเอาไว้ในทันทีพร้อมกับจ้องมองไม่ยอมละสายตา “ณิช หยุดพูดไร้สาระแล้วบอกพี่มา เกิดอะไรขึ้น พี่ไม่เชื่อหรอก ว่าณิชมีคนอื่นจริง” “ณิช...” สายตาคาดคั้นที่ส่งมาทำให้หญิงสาวไม่กล้าโกหก วีรพลเปรียบได้กับเซฟโซนของเธอมาหลายปี มีเรื่องอะไรบ้างที่เธอปกปิดเขาได้ หญิงสาวหลุดสะอื้นในทันทีแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรจนกระทั่งชายหนุ่มโทรศัพท์เรียกมธุราหรือมิ้นเพื่อนสนิทที่คบหากับเธอมานานที่สุดมา ณรชญาจึงยอมปริปากบอกเล่าให้คนที่เธอไว้ใจทั้งสองคนฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้น “ยัยนี่มันอสรพิษจริง ๆ ไปกับฉันณิช ฉันจะพาแกไปแจ้งตำรวจ ต้องเพิ่มคดีให้มันอีกสักคดี” ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดมธุราก็โมโหจนตัวสั่น ทั้งโกรธผณิตาที่กล้าทำร้ายณรชญา ทั้งโกรธตัวเองที่เมาหนักจนไม่รู้ว่าเกิดเรื่องร้ายกับเพื่อน ตอนนี้ที่ทำได้ไม่ใช่การแจ้งความจับ แต่เป็นการไปแจ้งความเพิ่มโทษเท่านั้นเพราะผณิตาถูกควบคุมตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ทว่าณรชญา กลับส่ายหน้า ไม่ต้องการจะซ้ำเติมอดีตเพื่อนแต่อย่างใด “อย่าเลยแก โทษตอนนี้ก็น่าจะหนักพอแล้ว อย่าไปผูกเวรผูกกรรมกันอีกเลย” “ไม่แจ้งเรื่องยัยงูพิษนั่นก็ได้ แต่แกก็ต้องไปกับฉัน ไปแจ้งความจับไอ้เสี่ยหื่นนั่น” “มันไม่ได้ทำอะไรฉัน หลักฐานก็ไม่มี จะไปเอาเรื่องอะไรได้ อีกอย่างแกก็รู้ ถ้าแจ้งความ คนนั้น...เขาจะรู้” ณรชญารีบแย้งแล้วก้มหน้ากัดปากอย่างต้องการเก็บความรู้สึก เธอไม่ได้ใจดีไม่คิดเอาผิดเสี่ยหื่นกามคนนั้น แต่หลักฐานไม่เพียงพอ และอีกอย่าง...เธอก็แค่ส่วนเกินที่พูดว่าจะยืนด้วยลำแข้งตัวเองให้ได้ ถ้าคนคนนั้นรู้เรื่องของเธอเข้า...คงจะหาว่าเธอทำให้อับอายและรีบมาพาเธอกลับไปเพราะกลัวตัวเองขายหน้ามากกว่าเดิมแน่ ๆ กลับไปอยู่ท่ามกลางครอบครัวที่ไม่ใช่ของเธออีกแล้วเหรอ? ไม่มีทางซะหรอก มธุราถอนใจหนัก ๆ เธอรู้เรื่องราวของเพื่อนสาวมากที่สุดและเข้าใจความคิดของณรชญามากที่สุดเช่นกัน ณรชญาเป็นลูกสาวนายทหารได้รับความรักและการเลี้ยงดูอย่างดีจากพ่อและแม่มาโดยตลอดแต่แล้วผู้เป็นพ่อก็มีใครอีกคนเข้ามาแทรกกลาง ครอบครัวร้อนเป็นไฟได้ไม่นาน แม่ของณรชญาก็ป่วยและจากไป ใครอีกคนของพ่อก็กลายเป็นแม่เลี้ยง ณรชญาก็เหมือนกับเด็กหลาย ๆ คน เธอไม่ยอมรับแม่เลี้ยง และต่อต้านมาโดยตลอด ฝั่งนั้นก็คอยเป่าหูผู้เป็นพ่อที่ทำงานแทบไม่มีเวลาอยู่ตลอดว่าเธอกลายเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว ความสัมพันธ์พ่อลูกเริ่มระหองระแหง ยิ่งในวันที่ภรรยาคนใหม่ให้กำเนิดลูกชายให้กับผู้เป็นพ่อถึงสองคน ครอบครัวของพ่อ...ไม่ใช่ครอบครัวของเธออีกต่อไปแล้ว ความสนใจของผู้เป็นพ่อไปอยู่ที่สมาชิกใหม่ตัวน้อย ไม่ใช่เธออีกต่อไป พฤติกรรมก้าวร้าวที่เคยถูกใส่ความจึงถูกนำมาเป็นการกระทำเพื่อเรียกร้องความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นทำตัวไม่ดี หนีเที่ยวสถานที่อโคจร มีเรื่องที่โรงเรียนแทบทุกวัน แต่มันกลับไม่ได้ทำให้เธอได้รับความสนใจ กลับกัน ยังทำให้ผู้เป็นพ่อโมโหจนจะส่งเธอไปอยู่ต่างประเทศ...นั่นก็เท่ากับการไล่เธอออกไปจากสายตา ยิ่งไปกว่านั้นความจริงเรื่องชาติกำเนิดที่แม้แต่ตอนนี้ณรชญาก็ยังไม่บอกเธอทั้งหมด บอกแค่ว่าแม่เลี้ยงได้หลุดปากพูดความจริงออกมาว่าณรชญาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของพ่อและแม่แต่เป็นลูกคนอื่นที่ถูกเอามาเลี้ยง ณรชญาก็ยิ่งคิดว่าตัวเองกำลังจะถูกทิ้งเพราะพ่อมีลูกจริง ๆ เป็นของตัวเองแล้ว นั่นคือจุดแตกหัก ณรชญาไม่ยินยอมไปต่างประเทศ ในเมื่อคิดจะไล่...เธอไปเองก็ได้ ตั้งแต่วันนั้นณรชญาก็ออกจากบ้าน ตลอดเวลาเกือบสี่ปีมานี้หญิงสาวจึงหาเงินส่งตัวเองเรียนมาโดยตลอด เป็นคนตัวเปล่าไม่มีใครคอยปกป้อง เงินบางเดือนยังไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องด้วยซ้ำ ดั่งเช่นตอนนี้ที่ค้างมาเกือบสี่เดือนแล้วจนเจ้าของห้องเช่าจะไล่ออก ชีวิตของณรชญาในตอนนี้ไม่ดีเลย แต่ถึงอย่างนั้นการทำให้ผู้เป็นพ่อที่แม้จะไม่ใช่พ่อแท้ ๆ แต่ก็เลี้ยงดูกันมานานและอยู่ในสถานะพ่อลูกมาโดยตลอดรู้ตำแหน่งที่อยู่และมาพาตัวกลับไป ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเช่นกัน มธุราโผเข้ากอดเพื่อนสาว เธอเข้าใจณรชญาดีที่สุด สถานการณ์ที่ณรชญาไม่ต้องการ มันคือสถานการณ์ที่เธอเผชิญมาตลอดหลายปี แม้จะไม่เหมือนเพื่อนทั้งหมดก็ตาม พ่อของเธอก็มีภรรยาใหม่ เธอก็อยากจะออกจากบ้านของตัวเองเหมือนกับเพื่อน แต่ติดที่ยังมีน้องชายที่เธอเอามาลำบากด้วยไม่ได้ จึงยังต้องกล้ำกลืน ยอมให้ภรรยาใหม่ของบิดาเอาไปพูดเสีย ๆ หาย ๆ ให้ท่านฟังอยู่ร่ำไป ณรชญาออกมาจากพื้นที่ที่ไม่ใช่ของตัวเองอีกแล้วได้แล้ว ไม่สมควรจะต้องกลับไปทนทุกข์ วีรพลไม่ได้รับรู้เรื่องราวของหญิงสาวทั้งสอง เขาคิดเพียงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเขาก็ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมจะต้องเลิกกัน แม้อีกใจจะรู้สึกผิดกับมธุราที่ค่ำคืนที่ผ่านมาเกิดเรื่องไม่สมควรขึ้นอยู่บ้างก็ตาม “ณิช ตอนนี้พี่ก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เราไม่เลิกกันแล้วใช่มั้ย” ณรชญาชะงักไปครู่หนึ่ง ตาคู่หวานมองเพื่อนสาวที่ไม่ได้มีท่าทีเสียใจใด ๆ ที่ชายหนุ่มเอ่ยมาอย่างนั้นก่อนจะส่ายหน้าให้วีรพล “ถึงแม้เสี่ยนั่นจะไม่ได้ทำอะไรณิช แต่ณิชก็...” “พี่รับได้” เขารับได้ ต่อให้ณรชญาพลาดพลั้งกับใครอีกหลายคนเขาก็ยังรับได้ ทว่าหญิงสาวกลับส่ายหน้าให้อีกครั้ง “แต่ณิชเอาเปรียบพี่วีไม่ได้” ไม่ได้...ต่อให้เขารับได้ แต่สำหรับเธอให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ ไม่รู้ว่าเธอหัวโบราณเกินไปว่าผู้หญิงไม่ควรมีผู้ชายหลายคน หรือว่าเพราะอะไร แต่เธอไม่สามารถคบหากับวีรพลได้โดยไม่หวนคิดถึงเรื่องเมื่อคืนได้จริง ๆ “เราเป็นพี่น้องกัน...ได้มั้ยคะ” ดวงตาเปื้อนหยดน้ำสีใสมองแฟนหนุ่มอย่างอ้อนวอน วีรพลเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเธอมาโดยตลอด แต่เธอก็รู้ดีว่าเธอมองเขาเป็นพี่ชายมาโดยตลอด ในตอนเขามาขอคบด้วยกลัวจะเสียเซฟโซนไปเธอจึงได้ตอบรับไป หลายปีมานี้ไม่มีวันไหนที่ไม่รู้สึกผิดแต่เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น เธอไม่อาจเอาเปรียบเขามากกว่าที่เป็นมาได้ เธอ...ไม่อยากหลอกลวงเขาอีกแล้ว วีรพลมองตาคู่นั้น และสุดท้ายก็ไม่อาจปฏิเสธหญิงสาวได้ “ได้ เรามาเป็นพี่น้องกัน” “ไม่สิ พี่วี!!!” คนไม่เห็นด้วยกลับเป็นมธุรา ทว่าคนเป็นแฟนและกำลังจะลดสถานะลงมาทั้งคู่กลับเงียบกันไป ต่างคนก็ต่างตัดสินใจแล้ว ว่าจะไปทางไหน “พี่ก็ควรทำในสิ่งที่พี่ควรทำ” ชายหนุ่มพูดแล้วก็นิ่งเงียบก่อนจะมองใบหน้าหวานอีกครั้ง เมื่อขบคิดบางอย่างขึ้นมาได้จนต้องถามออกไป “จริงสิ เมื่อคืน...” “มีการป้องกันหรือเปล่า” ประโยคคำถามที่คนถามกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะถาม กลายเป็นคำถามที่ทำให้ณรชญาตอบออกมาไม่ได้ หญิงสาวเม้นปากพลางคิดไปสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เขาคนนั้นบอกว่าถ้าของหมดทุกอย่างก็คือจบ...มันจบ ซะที่ไหนล่ะ! ใช้จนหมด แต่เธอก็ยังเรียกร้องให้เขาช่วยเหลือ...แล้วเขาก็บ้าจี้ คนคนนั้นบ้าจี้ไปกับเธอจนเช้า! ยังดีที่พอของหมดเขาก็ปลดปล่อยด้านนอก แต่...นั่นจะเรียกว่าได้ป้องกันหรือเปล่านะ เห็นณรชญาไม่ตอบ อีกสองคนก็คาดเดาได้ในทันทีว่าคำตอบคือไม่ มธุราที่ห่วงเพื่อนยิ่งกว่าตัวเองรีบควานหาของบางอย่างและยื่นให้เพื่อนในทันที “แก...รีบกินนี่เลย ยังมีเวลา” มันคือยาคุมฉุกเฉินที่เพิ่งซื้อมาเมื่อเช้านี้เอง ยังดีที่หลังจากเธอกินแล้วยังเหลืออยู่พอดี ไม่ต้องออกไปซื้อ อย่างน้อยชีวิตตอนนี้ของเพื่อนก็แย่อยู่แล้ว ไม่ควรจะแย่ไปกว่านี้ ณรชญาไม่ปฏิเสธความหวังดีของเพื่อน หญิงสาวหยิบน้ำมาดื่มและกินยาในทันที ก่อนจะทอดถอนใจ เรื่องเมื่อคืนนี้ นับจากนี้ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องที่ผ่านมาและผ่านไปได้ แต่ก็มีเรื่องอื่นที่เธอไม่อาจปล่อยผ่านได้อยู่...ค่าเช่าห้องที่ค้างอยู่ เธอจะหาที่ไหนมาจ่าย “เอ้อแก แล้วเรื่องห้องพัก แกจะทำยังไง” มธุราที่คิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้เช่นกันสอบถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่ครั้นจะชวนเพื่อนไปอยู่ด้วย เธอเองก็ยังอยู่กับครอบครัว ซ้ำยังเป็นครอบครัวที่ไม่ได้อบอุ่น บ้านเธอกับบ้านของณรชญาไม่ได้ต่างกันเลย...แล้วจะกล้าชวนไปได้อย่างไรกัน ณรชญาเงียบครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะหาหนทางออกได้ “คงเอาสร้อยของแม่ไปขายหรือไม่ก็จำนำแล้วเอาไปจ่ายอะแหละ” ไม่ใช่ว่าหนทางนี้เธอคิดไม่ได้ เคยคิดอยู่หลายครั้ง แต่ก็ตัดใจไม่ลง ด้วยว่าของที่พอจะมีราคาเอาไปขายหรือจำนำได้ในตอนนี้ก็มีแค่สร้อยของแม่ผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นของต่างหน้าที่เธอรักมาก ตอนนี้...คงต้องตัดใจ “พี่ออกให้ก่อนดีมั้ย สร้อยเส้นนั้นณิชรักมากไม่ใช่เหรอ” วีรพลแทรกขึ้น แต่ลึก ๆ ก็รู้ดีว่าณรชญาไม่รับความช่วยเหลือจากใครง่าย ๆ และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ หญิงสาวส่ายหน้าก่อนจะเอ่ย “อย่าเลยค่ะพี่วี ณิชเกรงใจ ณิชเอาสร้อยไปจำนำไว้แล้วค่อยหาเงินไปไถ่ดีกว่า” “ณิชรู้ว่าทั้งพี่วี แล้วก็มิ้นเป็นห่วง อยากช่วย แต่ณิชขอรับแค่น้ำใจก็พอ บางทีในวินาทีสุดท้าย มันอาจจะมีทางออกที่ดีก็ได้ ให้ณิชลองพยายามดูก่อนนะคะ” “เฮ้อ ก็เป็นซะอย่างนี้” มธุราบ่นก่อนจะกอดเพื่อนสาวเอาไว้ แม้ให้ความช่วยเหลือเรื่องการเงินไม่ได้ อย่างน้อยก็ขอให้กำลังใจเพื่อนก็แล้วกัน ลึก ๆ แล้วเธอหวังว่าสุดท้ายณรชญาจะผ่านเรื่องนี้ไปได้โดยไม่ต้องเสียสร้อยเส้นสำคัญไป...หากเป็นจริงก็คงดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD