บทที่5 สี่ปีต่อมา

2322 Words
สี่ปีต่อมา “แม่จ๋า” เสียงหวาน ๆ พร้อมกับมือคู่เล็กที่วางลงบนไหล่เรียกให้หญิงสาวที่นั่งเหม่ออยู่กับโต๊ะญี่ปุ่นและกองงานที่ล้นเต็มโต๊ะตื่นจากภวังค์ ณรชญาเรียกสติตัวเองที่เผลอคิดเรื่องเก่า ๆ กลับมาก่อนจะมองไปยังเจ้าของเสียงนั้น ริมฝีปากเรียวเล็กคลี่ยิ้มอ่อนโยนส่งให้ก่อนจะดึงเอาร่างของเด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มในชุดนอนลายการ์ตูนน่ารักมานั่งบนตักอย่างแผ่วเบาก่อนจะหอมแก้มซ้ายทีขวาทีอย่างหมั่นเขี้ยว “คิกคิก” เด็กหญิงณิรินทร์ทิราหรือน้องยาหยีวัยสามขวบสามเดือนหัวเราะเอิกอากเมื่อถูกผู้เป็นแม่จู่โจมจนจั๊กจี้ไปหมด แต่ก็ชอบใจกับการถูกคุณแม่ยังสาวฟัดแก้มจนไม่ยอมลุกหนี คุณแม่ยังสาววัยยี่สิบหกอมยิ้มพอใจก่อนจะหยุดการกระทำพลางทอดสายตามองยัยหนูน้อยที่ไม่ว่าจะเห็นหน้าตอนไหนก็ทำให้โลกของเธอสดใสขึ้นได้เสมอ “ทำไมตื่นตอนนี้คะ หนูตื่นตอนนี้ไม่ได้นะ นี่ยังไม่เช้าเลย” คนเป็นแม่สอบถามทันทีหลังจากที่ประคองยัยหนูให้นั่งบนตักดี ๆ เป็นที่เรียบร้อย ความจริงไม่ใช่แค่ยังไม่เช้า แต่ตอนนี้เพิ่งจะเที่ยงคืนเท่านั้น ยัยหนูที่เธอส่งเข้านอนตั้งแต่สองทุ่มทำไมถึงตื่นมาในเวลานี้กันนะ? “หนูปวดชิ้งฉ่องเหรอคะ หรือว่าฝันร้าย” “ม่ายช่าย” หนูน้อยยาหยีส่ายหน้าเป็นคำตอบก่อนจะซุกตัวเข้าหาคนเป็นแม่แล้วเอ่ยอย่างออดอ้อน “น้องนอนม่ายหลับ หยักนอนกอดแม่จ๋า” แค่ซุกตัวนุ่มนิ่มเข้ามาหาใจคนเป็นแม่ก็แทบจะละลายแล้ว ยิ่งยัยหนูบอกสาเหตุที่ทำให้ลุกมาหาตอนนี้ก็ยิ่งละลายเข้าไปใหญ่ ณรชญายิ้มปากแทบจะฉีก รู้สึกดีเป็นพิเศษที่ยัยหนูอยากจะนอนกอด แต่ในใจก็โทษตัวเองอยู่เช่นกัน ต้องโทษที่ช่วงนี้เธอแอบทำงานตอนดึก ๆ ทำให้ไม่ได้นอนกอดลูก ยัยหนูจึงได้นอนไม่หลับ “แต่ว่าแม่ยังทำงานไม่เสร็จเลยนะ ถ้าแม่ทำงานไม่เสร็จ จะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงน้องล่ะคะ” “น้องจาเลี้ยงแม่จ๋าเอง น้องมีเงีน” ยัยหนูพูดแล้วก็ลุกจากตักผู้เป็นแม่แล้ววิ่งไปหยิบซองสีแดงกว่าสิบซองที่เพิ่งได้รับมาจากผู้ใหญ่ที่เอ็นดูในความน่ารักของเธอในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา “นี่งาย น้องมีเงีน” เห็นซองอั่งเปาที่ยัยหนูยื่นมาให้ดู คนเป็นแม่ก็ต้องระบายยิ้ม ทั้งเอ็นดูทั้งอ่อนใจ เงินเท่านี้จะเลี้ยงเธอได้อย่างไรกัน ลำพังแค่ยัยหนูกินขนมกับซื้อของเล่นก็แทบจะหมดแล้ว “ม่ายพอเหยอ ง้านเอาของยี่หวามารวมด้วย พอม๊าย” เห็นคุณแม่ยังสาวไม่พูดอะไร ยัยหนูก็คิดว่าไม่พอ จึงคิดจะไปหยิบซองอั่งเปาของเด็กหญิงณิรินทร์ธิตาหรือน้องยี่หวาพี่สาวฝาแฝดมารวมด้วย ทว่าไม่ทันจะผละไปคนเป็นแม่ก็คว้าตัวไว้ก่อนพร้อมทั้งบอกเล่า “ไม่พอค่ะ เอาของพี่ยี่หวามาก็ไม่พอไม่ต้องไปเอามาหรอก... รายจ่ายบ้านเราเยอะมาก ๆ เลย” “แต่ แต่น้องหยักกอดแม่จ๋า” คนอยากกอดแม่พูดเสียงอ่อย แต่แค่นั้นก็ทำให้คนเป็นแม่ใจอ่อนได้แล้ว ณรชญาลอบถอนใจหนัก ๆ ที่วันนี้งานที่ทำอยู่ก็คงต้องยกไปทำต่อพรุ่งนี้ก่อนจะหันมาพูดกับยัยหนู “งั้น...จุ๊บ ๆ ก่อนเผื่อแม่จ๋าจะเปลี่ยนใจ” หนูน้อยณิรินทร์ทิราตาลุกวาวกับข้อเสนอของคุณแม่ยังสาว ยัยหนูขยับเข้าไปจุ๊บแก้มคนเป็นแม่ในทันทีก่อนที่คุณแม่ยังสาวจะทำทีราวกับต้องมนต์สะกด “ชื่นใจ อ่า แม่ถูกน้องสะกดจิตแล้ว น้องจะให้แม่ทำอะไร สั่งมาได้เลยเจ้าค่ะ” “เย่ ง้าน ปะนอน กอด ๆ” หนูน้อยบอกความต้องการแล้วก็ดึงให้คนเป็นแม่ลุกขึ้น หญิงสาวทำตามอย่างว่าง่ายก่อนจะจูงมือยัยหนูไปที่เตียงซึ่งพี่สาวฝาแฝดยังคงหลับปุ๋ยอยู่ไม่ได้รับรู้อะไร “จุ๊ ๆ อย่าเสียงดัง อย่ากระโดดนะคะ เดี๋ยวพี่ยี่หวาตื่น” “โอเคคร่า” ยัยหนูตอบอย่างว่าง่ายพร้อมกับปีนขึ้นเตียงที่ไม่ได้สูงมากอย่างช้า ๆ และแผ่วเบาราวกับกลัวว่าถ้าขยับตัวมากเกินไปจะไปรบกวนการนอนของพี่สาวฝาแฝดเอาได้ ยัยหนูแค่ได้นอนกอดแม่ไม่นานก็หลับ ความเงียบเกิดขึ้นในชั่วขณะ นัยน์ตาคู่หวานทอดมองลูกสาวตัวน้อยที่หน้าเหมือนเธอราวกับแกะพลางกระชับผ้าห่มให้ก่อนจะมองเลยไปยังลูกสาวอีกคนที่ถอดแบบเธอมาเช่นกัน เด็ก ๆ เหมือนกับเธอมาก แต่พอมองบ่อย ๆ กลับมีส่วนคล้ายคนบางคนมากเช่นกัน มือเรียวสวยเอื้อมไปกระชับผ้าห่มให้ยัยหนูแฝดผู้พี่ก่อนที่จะจมไปกับความคิดของตัวเอง คืนนั้น...เธอบอกเขาว่าพร้อมกับผลลัพธ์ของการกระทำ แต่ก็ไม่คาดว่าผลลัพธ์นั้นจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิต ไม่เพียงเปลี่ยนฝันร้ายให้กลายเป็นค่ำคืนที่ยากจะลืม แต่เธอยังได้ของขวัญที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตเธอถึงสองชีวิต...และเป็นสองชีวิตที่เปรียบได้กับแก้วตาดวงใจของเธอในตอนนี้ หญิงสาวขบคิดพลางนึกย้อนกลับไปในวันวานที่ผ่านมา กว่าจะมาเป็นดั่งทุกวันนี้...ผ่านอะไรมามากมายจริง ๆ สี่ปีก่อน ‘ช่วยด้วย โจรขโมยกระเป๋า’ เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือที่ดังแว่วมาเข้าหูเรียกให้ณรชญาที่กำลังมองหาที่พักใหม่ต้องหันมองหาก่อนจะวิ่งตามโจรขโมยกระเป๋าที่วิ่งผ่านหน้าไปโดยไม่ห่วงข้าวของของตัวเองที่วางไว้ ‘หยุดนะ’ ‘หยุดก็โง่ซินังนี่ อัก...’ โจรวิ่งราวกระเป๋าที่ไม่คิดหยุดวิ่งตอบกลับมาไม่ทันจะจบก็ต้องล้มคะมำลงไปกองกับพื้นก่อนที่ณรชญาจะล็อคแขนข้างหนึ่งแล้วกดแผ่นหลังของคนร้ายเอาไว้หลังจากที่เธอกระโดดถีบจนอีกฝ่ายล้มคะมำอย่างไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากเรียวเล็กยกยิ้มมุมปากเมื่อสามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ รู้จักฤทธิ์แม่น้อยไปซะแล้ว เห็นอย่างนี้เธอก็ลูกทหารหน่วยพิเศษเชียวนะ ก่อนที่ความสัมพันธ์พ่อลูกจะแย่ลง ไอ้เรื่องเตะต่อยหรือแม้แต่ศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัวที่พอมีเวลาสอน คนคนนั้นก็สอนให้เธอมาหมด วันที่ไม่มีเวลายังให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ก็น้องชายมาสอนให้เธอด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะโดนเล่นตุกติกหรือถูกวางยาล่ะก็...อย่าคิดว่าจะทำอะไรเธอได้ง่าย ๆ เชียว หญิงสาวยิ้มกับตัวเองได้ไม่นานก็มีนายตำรวจสองคนวิ่งเข้ามา ณรชญาปล่อยหน้าที่ให้กับผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ทั้งสองคนก่อนจะก้าวไปหยิบกระเป๋าที่ถูกขโมยมาขึ้นมาปัดเศษดินและก้าวเข้าไปหาเจ้าของกระเป๋า ‘นี่ค่ะ...เป็นอะไรมั้ยคะ โดนทำร้ายหรือเปล่า’ ‘ป้าไม่เป็นไรลูก’ เจ้าของกระเป๋าที่ได้รับความช่วยเหลือตอบกลับพร้อมกับรับกระเป๋าคืนมาพลางยื่นมือออกไปจับมือเล็กด้วยความซาบซึ้ง ‘ขอบคุณนะลูก ถ้าไม่ได้หนู ป้าคงแย่ เกือบเสียชื่อเมียตำรวจซะแล้ว’ ‘ไม่เป็นไรค่ะ ใครเห็นก็ต้องช่วยอยู่แล้ว ไม่ต้องขอบคุณหรอก’ หญิงสาวตอบพร้อมกับยิ้มให้ก่อนจะนึกขึ้นได้ถึงข้าวของของตัวเองที่วางทิ้งไว้ ‘เอ่อ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หนูขอตัวนะคะ’ ‘เดี๋ยว ๆ’ ไม่ทันจะผละจากหญิงชราก็ส่งเสียงเรียกไว้พร้อมกับมองสำรวจและสอบถามออกไป ด้วยหน้าของหญิงสาวไม่คุ้นสักเท่าไหร่ ‘หน้าไม่คุ้นเลย มาทำอะไรแถวนี้เหรอ มีอะไรให้ป้าช่วยมั้ย ป้าช่วยได้นะ’ คนถูกรั้งอยากจะปฏิเสธ แต่พอคิดถึงปัญหาของตัวเองก็ต้องนิ่งคิดช่างใจ ว่าจะขอความช่วยเหลือหรือไม่ แม้จะคิดหนทางจ่ายค่าเช่าห้องได้ แต่สุดท้ายณรชญาก็ตัดใจขายสร้อยของแม่ไม่ได้ ทางที่เธอเลือกก็คือการย้ายออกและหาห้องพักใหม่ ที่ราคาไม่แพง แต่หามาหลายที่ก็ไม่เจอหอพักที่ตรงตามงบประมาณ และในพื้นที่นี้เธอก็หามาหลายที่แล้วก็ยังไม่เจอเช่นกัน...แต่ถ้าถามคนพื้นที่ ก็อาจจะรู้ว่ามีที่ไหนที่ราคาไม่แพงบ้างมั้ย ‘คือ...หนูหาห้องพักอยู่น่ะค่ะ แถวนี้มีห้องพักราคาไม่แพงมั้ยคะ’หญิงสาวเงียบไปครู่ สุดท้ายก็เลือกจะลองสอบถาม เผื่อคนในพื้นที่จะรู้อะไรมากกว่า และก็เหมือนเธอจะถามถูกคนเมื่อหญิงชราส่งยิ้มมาให้ ‘แหม่ เรานี่ถามถูกคนจริง ๆ ป้าน่ะ เป็นเจ้าของหอพักใกล้ ๆ โรงพักนี่เอง’ ‘จริงเหรอคะ แล้ว...’ ‘แต่เต็มหมดแล้ว’ คนเป็นเจ้าของหอพักตอบออกไปก่อนที่หญิงสาวจะได้สอบถามก่อนจะพูดต่อหลังจากเห็นหน้าเหวอ ๆ น่าเอ็นดูของหญิงสาว ‘แต่ป้ามีบ้านว่างอยู่หลังนึง สนใจมั้ย ถ้าหนูสนป้าจะปล่อยเช่าราคาถูก ๆ หรือไม่ก็อยู่ฟรีไปเลย ถือว่าตอบแทนที่หนูช่วยป้าไว้’ ‘บ้านเลยเหรอคะ?’ ‘ใช่ บ้านข้าง ๆ บ้านที่ป้าอยู่นี่แหละ ใกล้ ๆ หอพักของป้า แถวนั้นตำรวจอยู่เยอะ ปลอดภัยหายห่วง’ คนทำกิจการหอพักและบ้านเช่านำเสนอสุดฤทธิ์ พร้อมกับพูดให้หญิงสาวมั่นใจในความปลอดภัยของที่พัก ‘เรื่องความปลอดภัย ป้ารับประกันเลยด้วยเกียรติของเมียผู้กำกับเลยเอ้า สนใจมั้ย’ ณรชญาขบคิดเพียงครู่ก่อนจะพยักหน้า เมื่อคิดชั่งใจแล้วเห็นว่าอย่างน้อยก็น่าจะดีกว่าต้องหาต่อ และยังไม่ต้องเจอปัญหาข้อห้ามมากมายของหอพัก ‘งั้น...หนูตกลงค่ะ แต่ไม่ได้จะอยู่ฟรีนะคะ คุณป้าเคยให้เช่าเดือนละเท่าไหร่ ก็เก็บเท่านั้นเลยค่ะ’ ‘งั้นป้าเอาสองพันก็พอ ปะ เดี๋ยวป้าพาไป’ ‘สองพัน...เดือนละสองพันเหรอคะ’ ได้รู้ราคาบ้านเช่าหญิงสาวก็ต้องตาเบิกกว้าง เดือนละสองพันสำหรับบ้านเช่าดูแล้วจะถูกเกินไป ทว่าสิ่งที่หญิงสาวคิดกลับไม่ใช่สิ่งที่หญิงชราคิด ‘สามเดือนแรกสองพันต่างหากล่ะถือเป็นโปรโมชั่นแรกเข้า แล้วถ้าอยู่ได้ เดือนที่สี่ป้าค่อยเก็บเดือนละสองพันห้า ตามนี้...มา ป้าช่วยถือ’ หญิงชราพูดแล้วก็หยิบเอาข้าวของมาช่วยถือ เป็นอันว่าไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวได้ปฏิเสธ อาจจะเพราะเธอช่วยอีกฝ่ายเอาไว้ หรืออาจจะเพราะท่านเป็นคนใจดีอยู่แล้ว จึงได้เป็นเช่นนี้ แต่สุดท้ายณรชญาก็ต้องเออออตามและเดินตามหญิงชราไป...เพราะรู้สึกถูกชะตาเข้าให้อย่างประหลาด หลังจากเดินตามหญิงชราเพื่อไปยังบ้านเช่า ณรชญาก็ได้รู้ว่าคุณป้าใจดีมีชื่อว่าธารทิพย์ เป็นคุณนายผู้กำกับประจำสถานีตำรวจที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านเช่าและเป็นเจ้าของหอพักและบ้านเช่าในแถบนี้ จะเรียกได้ว่าเป็นเศรษฐีนีคนนึงในแถบนี้เลยก็ว่าได้ ป้าธารทิพย์เป็นคุณป้าวัยห้าสิบสอง ท่านบอกว่าลูก ๆ ของท่านทำงานห่างบ้านนาน ๆ กลับมาที ท่านจึงอยู่กับสามีเท่านั้น และบ้านที่ปล่อยให้เช่าก็เป็นบ้านของลูกที่ท่านสร้างไว้ให้เผื่อลงหลักปักฐาน แต่ลูกของท่านกลับไม่สนใจ ให้ความสนใจแค่กับงานเท่านั้น บ้านนี้จึงไม่มีคนอยู่ ปล่อยให้เช่าน่าจะมีประโยชน์มากกว่า ส่วนเรื่องค่าเช่า ท่านเห็นแก่ที่เธอช่วยเหลือและจากที่มอง ๆ ดูแล้วเธอเหมือนคนกำลังเดือนร้อน ท่านจึงคิดราคาพิเศษให้ และขอให้เธอไม่ปฏิเสธ ป้าธารทิพย์พูดมาขนาดนี้ แล้วเธอจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไรกัน การเริ่มต้นใหม่ ในสถานที่ใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นเป็นที่เรียบร้อย ณรชญาคาดหวังอยู่ลึก ๆ ว่าทุกอย่างจะผ่านไปอย่างราบรื่น และไม่มีเรื่องอะไรมาทำให้ชีวิตเธอสะดุดอีก แต่แล้ว... สองเดือนต่อจากนั้น อาการโอ๊กอ๊ากที่เกิดขึ้นในช่วงระยะนี้ราวกับเป็นสัญญาณบอกณรชญาว่าบางครั้งชีวิตก็ไม่อาจจะราบรื่น หญิงสาวจ้องมองที่ตรวจครรภ์ที่ปรากฏขีดแดงด้วยกันถึงสองขีดทว่ายังไม่ทันจะถอนใจหนัก ๆ ก็มีคนที่ชิงถอนใจไปก่อนแล้ว ‘เฮ้อ...ทะลุยาคุมมาเชียวหลานฉัน โอ้ย ฉันจะเป็นลม’ เป็นมธุราที่ชิงถอนหายใจหนัก ๆ ออกมาทันทีที่มองเห็นผลตรวจของเพื่อน ไม่คิดไม่ฝันว่าขนาดกินยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว ณรชญาก็ยังท้อง โลกจะไม่ใจดีกับเพื่อนเธอเลยหรือไงกัน ณรชญาก็คิดไม่ต่างจากคำพูดของเพื่อนสาวสักเท่าไหร่ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีอีกหนึ่งชีวิตเป็นผลพวงจากคืนนั้น ทั้งที่คนคนนั้นก็ป้องกันแล้ว และเธอก็กินยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว แต่ก็ยังเกิดเรื่องขึ้น พลาดตรงไหนกัน?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD