รามเป็นแฟนของฉันก็จริง แต่เขาก็เจ้าชู้ควงผู้หญิงไปเรื่อยและก็พามากินตับกันแบบนี้เสมอๆ ฉันรู้ รู้มาตลอดแต่สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คืออะไรรู้ไหม? ทุกคนอาจจะด่าฉันว่าเป็นอีโง่ ยอมทนอยู่ทำไมกับคนที่ไม่จริงใจกับเรา และใช่ไงฉันก็ยอมโง่ ยอมทนอยู่เพียงเพราะว่ารักรามเกียรติ์มาก ทุกครั้งที่เขาทำแบบนี้ถ้าฉันไม่เห็นก็จะแสร้งทำเป็นไม่รู้ก็ปล่อยไป แต่ทุกครั้งที่ฉันเห็นรามควงกับผู้หญิงคนอื่นฉันก็วีนและเหวี่ยงจนรามหงุดหงิดกับการกระทำของฉันเสมอ
“เป็นไรอะแอล?” หันไปมองสบตากับมัดหมี่เพื่อนเพียงคนเดียวของฉันที่เป็นลูกคุณหนูตระกูลดัง แต่เธอจะออกบ๊องๆ หน่อย เพราะแบบนี้ถึงได้น่ารักในสายตาของผู้ชายคนอื่น “ทะเลาะกับรามเกียรติ์อ่อ”
“นิดหน่อย” จะบอกว่าหน่อยคงไม่ได้ การที่รามทำเหมือนว่าเรื่องนี้มันธรรมดามากสำหรับเขาแต่มันไม่ใช่สำหรับฉันไง ใครจะทนได้บ้างที่เห็นแฟนของตัวเองไปมีคนอื่นและแม้คนอื่นคือคนที่นอนร่วมเตียงเสร็จก็จากไป
“รามเกียรติ์เนือยๆ แบบนั้นคงไม่เจ้าชู้หรอก แกไม่ต้องเครียด”
น้อยซะที่ไหนกันล่ะ! ไอ้เนือยๆ เฉื่อยๆ นี่แหละตัวดีเลย
“ช่างเหอะ” สิ่งที่ฉันทำได้คือการปล่อยผ่านไง จึงตั้งใจเรียนและรอเวลาไปทำงานหาเงินดีกว่า วันนี้ฉันเลิกเรียนสี่โมงเย็นด้วยนะ เรียนหนักจนปวดหัวแล้วเดินออกมาจากคณะด้วยใจที่ห่อเหี่ยวแบบสุดๆ
“วันหยุดฉันไปค้างบ้านแกนะ”
“ได้ ต้องทำรายงาน เดี๋ยวฉันหาข้อมูลไว้เลยนะ” มัดหมี่พยักหน้ารับก่อนจะโบกมือให้ฉันที่รถของทางบ้านมารอรับ เป็นรถเบนซ์ที่หรูหรามากความจริงมัดหมี่ชวนฉันกลับด้วยกันล่ะ แต่ฉันก็บอกไปว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวต้องไปทำงานอีกเพื่อนก็เลยเข้าใจ ฉันถอนหายใจก่อนจะเดินไปตามทางเพื่อรอรถเมล์ทว่ารถสปอร์ตปอร์เช่สีขาวก็จอดขวางฉันไว้ก่อนและไม่ต้องเดาให้มาก คนที่ลงจากรถด้วยชุดนักศึกษาแบบไม่เป็นระเบียบพร้อมกับสีหน้าเนือยๆ นิ่งๆ ทำให้ฉันกลอกตาไปมา เดินหนีรามที่เท้าเอวมองฉัน
“หยุด” สั่งให้หยุดมีเหรอว่าจะทำตาม “แอล”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยควาไม่พอใจพร้อมกับฝ่ามือที่คว้าท่อนแขนฉันไว้ จึงหันไปสบตากับเขาที่สูงจนฉันต้องเงยหน้ามองพลางบิดแขนออกแต่รามก็ไม่ได้คิดจะปล่อยตาม “ปล่อย”
“ขึ้นรถ”
“ไม่ไป” แกะนิ้วมือที่เหนียวยิ่งกว่าตีนตุ๊กแกแต่รามก็ไม่ยอมลากฉันไปยังรถของตัวเอง “ราม!”
“อย่างี่เง่า”
“ใครกันแน่อะ” เถียงเขาและโดนผลักเข้าไปนั่งในรถจนได้ แต่พอจะออกจากรถรามก็โน้มตัวลงมารัดเข็มขัดนิรภัยให้
“อยากโดน”
“ไม่ไปไหนทั้งนั้นอะ อย่าบังคับกันจะได้ไหม?!” ตะคอกใส่หน้าเขาที่หันมามองฉันตาขวาง จำต้องเงียบปากแต่เขากลับจูบมาที่ริมฝีปากของฉันอย่างแรง กดหนักจนเจ็บปากดันไหล่หนาให้ออกห่างนั่นแหละรามถึงผละจูบออก “สกปรก”
“แอล”
“ปากนายไปจูบกับผู้หญิงคนอื่น อย่ามาจูบฉัน” หันหน้าหนีพลางกอดอก รามจึงผละออกไปและปิดประตูลงอย่างแรงจนรับรู้ถึงลมกระแทกที่พัดร่างกาย จากนั้นเขาก็ขึ้นมาประจำที่ของตัวเองขับรถออกจากรั้วมหาลัยโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำเดียว ฉันที่พูดมากๆ ก็เป็นใบ้เลยทันทีเนื่องจากเรื่องเมื่อเช้ายังคงวนเวียนอยู่ในหัว เอนศีรษะพิงกับกระจกรถและมองรถที่กำลังเคลื่อนตัวไปตามทางที่จราจรในเวลานี้ติดขัดอย่างหนัก
“แอล” เรียกชื่อฉันแต่ก็เลือกที่จะเงียบ ไม่ได้อยากจะยั่วโมโหรามหรอกนะ แต่มันอดไม่ได้อะ “เรื่องส่วนตัว”
จับใจความได้ รามต้องรู้ว่าที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้มันคืออะไรถ้าไม่ใช่เรื่องที่เห็นเมื่อเช้าและไอ้คำว่าเรื่องส่วนตัวก็คือฉันไม่ควรก้าวก่ายไงเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว
“รู้” ตอบกลับและมองออกไปด้านนอก “ฉันมีสิทธิ์หรือเปล่า ฉันเป็นแฟนนาย”
“แต่ไม่ใช่แม่”
“...”
“เลิกบ่น” คำตอบของเขาทำให้ฉันเจ็บจี๊ดที่หัวใจยังไงบอกไม่ถูก “ก็แค่นอนด้วย”
“อดยากปากแห้งขนาดนั้นเลยเหรอ?” หันไปมองสบตากับเขา “หรือยังไง... เซ็กซ์มันมีค่ามากกว่าฉันเหรอราม”
“เลอะเทอะ”
“ตอบคำถามดิ” ส่ายหน้าไปมาก่อนจะลดกระจกลงหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบโดยไม่สนใจและพอเห็นรามเป็นแบบนี้ฉันก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกพร้อมกับประตูรถเดินออกมาผ่านรถที่จอดเรียงรายกันอยู่ แต่สัญญาณเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้วและเสียงแตรรถก็ดังขึ้นจนฉันต้องหันไปมองถึงได้เห็นว่ารามลงมายืนเท้าแขนบนหลังคารถและสูบบุหรี่ไปด้วย เอียงคอมองมายังรถของตัวเองเพื่อสื่อว่าให้ฉันกลับไปขึ้นรถเดี๋ยวนี้!
“ไปสักทีสิวะ จะจอดทำซากไร!”
“ไอ้หน้าหล่อ ขยับรถสิ หิวข้าวโว้ย” ไม่สนใจคำด่าทอและเสียงแตรรถ แต่รามกลับจับจ้องฉันอยู่แบบนั้นโดยไม่ขยับรถจนฉันเห็นคุณตำรวจกำลังเดินข้ามถนนมาแล้ว
“ขึ้นรถ”
“โธ่เว้ย! ทะเลาะกับเมียเหรอวะ”
“เธออย่าลีลาดิ ทำคนอื่นเดือดร้อนชอบนักเหรอ!” ฉันยิ้มแห้งส่งให้กับคนที่อยู่ในรถและยกมือไว้ขอโทษจนมาถึงรถของรามแต่คงจะไม่ทันแล้วเมื่อคุณตำรวจประชิดตัวรามเกียรติ์แล้ว
“มีอะไรหรือเปล่าครับ? คุณกำลังทำให้จราจรติดขัดนะ”
“ขอโทษด้วยนะคะคุณตำรวจ หนูกับแฟนจะไปกันเดี๋ยวนี้ค่ะ”
“จะทะเลาะอะไรกันก็ดูหน่อยนะครับ นี่มันบนถนนเกิดอุบัติเหตุได้” ยกมือไหว้คุณตำรวจขอโทษขอโพยเขา ทั้งที่คนก่อเรื่องดันทำไม่รู้ไม่ชี้และขึ้นรถโดยที่ฉันจะต้องทำตามเพื่อไม่ให้บนถนนเกิดเรื่องแบบนี้เมื่อได้อีก
“ทำบ้าอะไรของนาย”
“เธอมากกว่า” โทษฉันเหรอ เหอะ! เมื่อทำอะไรไม่ได้ฉันจึงนั่งรถไปเรื่อยๆ จนกระทั่งรถของรามเลี้ยวเข้ามาในบ้านหลังหนึ่งแต่ฉันขอใช้คำว่าคฤหาสน์ดีกว่านะ สำคัญคือที่นี่คุ้นตาฉันอย่างมากไม่ต้องเดาก็รู้ว่าทำไมเขาถึงพาฉันมาที่นี่
“พามาทำไม?”
“พ่อกับแม่อยากเจอ”
“ปฏิเสธก็ได้” ฉันถามกลับแต่รามก็เดินล้วงกระเป๋ากางเกงนำฉันเข้าไปข้างในที่หรูหราและใหญ่โตเหมาะสมกับนักธุรกิจพันล้านอย่างคุณทศกัณฑ์พ่อของรามเกียรติ์และคุณสีรดาแม่ของเขาที่เป็นผู้ดีเก่ามีทรัพย์สมบัติมากมาย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมรามถึงได้รวย โอนเงินให้ฉันทีสี่ห้าหมื่นก็เพราะพ่อกับแม่เขาเนี่ยล่ะ
“หนูแอล” เสียงหวานดังมาก่อนตัว ฉันยกมือไหว้แม่ของรามด้วยความนอบน้อม
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
“จุ๊ๆ” แม่ของรามรับไหว้ฉันก่อนจะจับมือและส่ายหน้าไปมา “แม่ค่ะ เรียกแม่นะคะ”
“เออ” หันไปมองคนข้างกายซึ่งรามก็ไม่ได้คิดจะสนใจอะไรเขาเดินตรงไปในห้องรับแขก “ค่ะคุณแม่”
“แม่กับพ่อคิดถึงหนูแอลมากเลย” ประคองเอวฉันไปยังห้องรับแขกซึ่งมีประมุขของคฤหาสน์กำลังจิบชายามเย็นและคุยกับลูกชายของตัวเอง พอเห็นฉันก็ฉีกยิ้มกว้างกวักมือเรียกให้ไปนั่งข้างๆ ราม