3 มาเฟีย (ลุค) ร้าย

1830 Words
"อ อ่าาาส์..." เสียงครางกระเส่าดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหนาพร้อมกับมือใหญ่ที่จับกดไปยังหัวของหญิงสาวสวยที่กำลังใช้ปากครอบครองความใหญ่โตของเขาอยู่ เจย์เดนรู้สึกเสียวซ่านเป็นอย่างมากขณะที่นั่งพิงโซฟามีนางแบบสาวคุกเข่าอยู่ตรงหน้า "...ซี้ดดด! อื้มม" แต่ทว่าขณะที่มาเฟียหนุ่มลุคแบดบอยกำลังนั่งพึงพอใจอยู่ ตึก ตึก สองเท้าหนักของกนต์ธร มือขวาคนสนิทของเขาก็เดินเข้ามา "นายทรงยศมาแล้วครับ" กนต์ธรรายงานทั้งที่เจ้านายยังคงถูกปรนเปรออยู่ ซึ่งภาพตรงหน้า เป็นภาพที่ไม่ได้สร้างความตื่นตกใจหรืออะไรให้กับกนต์ธรแม้แต่น้อย เขารู้สึกชินมากกว่าที่ได้เห็น "อ อาาา เออ! พาตัวมันเข้ามา" สิ้นเสียงทุ้มเอ่ย มือแกร่งก็จับหัวนางแบบสาวโยกขึ้นลงตามแรงอารมณ์ความต้องการของตัวเองด้วยความหนักหน่วง จนใบหน้าดูดีของนางแบบคนสวยบิดเบี้ยวไปตามแรงที่ถูกจับกดก่อนจะสำลักออกมากับน้ำกามจำนวนมากที่พุ่งเข้าใส่เต็มเรียวปากสวยของเธอ "แค่ก ๆ !" "ออกไปได้แล้ว" มาเฟียหนุ่มเอ่ยบอกหญิงสาวที่นั่งสำลักอยู่ตรงหน้าโทนเสียงปกติพลางจัดการทำความสะอาดแท่งร้อนของตัวเองรูดซิปกางเกงราคาแพงที่สวมใส่ "ค่ะ" หญิงสาวที่ถูกเอ่ยปากไล่ก็พยักหน้ารับคำเดินออกไปอย่างว่าง่ายไม่คิดเซ้าซี้อะไรต่อ เพราะรู้ดีว่ามาเฟียแบดบอยที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนขี้รำคาญ และมักจะเอ่ยปากไล่แบบนี้ทุกครั้งหลังจากที่เธอปรนเปรอให้เขาเสร็จ ไม่ว่าสิ่งที่ปรนเปรอให้จะเป็นริมฝีปาก...หรือช่วงล่างของเธอ "ปละ...ปล่อยฉันนะเว้ย พวกแกจะลากฉันไปไหน..." เสียงตื่นกลัวของคนที่ถูกพาเดินเข้ามาดังขึ้น ทำให้เจย์เดนที่นั่งไขว่ห้างจ้องมองอยู่แสยะยิ้มมุมปากออกมา "ก็พามาหาฉันไง" "คะ...คุณเจย์เดน..." ชายวัยกลางคนที่เห็นมาเฟียทรงอิทธิพลนั่งอยู่ก็ยิ่งรู้สึกตื่นกลัว ก่อนจะถูกชายฉกรรจ์ที่ลากเขาเข้ามาพาเดินไปนั่งคุกเข่ายังมาเฟียหน้าหล่อที่นั่งอยู่ "หึ ยังจำชื่อฉันได้อยู่อีกเหรอ" ริมฝีปากหนาสีคล้ำจากการสูบบุหรี่หนักขยับถามพลางไม่วายที่จะหยิบบุหรี่เข้ามาจุดสูบ ขณะที่ยังคงแสยะยิ้มถามชายวัยกลางคน "คุณเจย์เดนครับ..." "ถ้าคิดจะหนี...ก็น่าจะหนีไปให้ไกลกว่านี้หน่อยสิ" "ผะ...ผมขอโทษครับคุณเจย์เดน...อย่าทำอะไรผมเลยนะครับ ผมขอโทษ...ผมผิดไปแล้ว" ทรงยศเอ่ยพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้มาเฟียหนุ่มซ้ำ ๆ ด้วยความหวาดกลัวขั้นสุด แม้ใบหน้าหล่อของคนตรงหน้าจะมีรอยยิ้มเปื้อนอยู่ แต่มันก็เป็นรอยยิ้มที่ทำเอาทรงยศรู้สึกตื่นกลัวไปหมด เจย์เดนก็เงียบไม่ตอบเอาแต่นั่งพ่นควันบุหรี่สีเทาออกมาจากปากก่อนจะค่อย ๆ เปลี่ยนท่าจากนั่งไขว่ห้างเป็นขยับตัวเข้าไปใกล้ลูกหนี้วัยกลางคน "เป็นหนี้...ก็ต้องใช้นะ" "คระ...ครับ ผมขอโทษ..." "ครั้งนี้ฉันจะให้โอกาสแล้วกัน ถือว่าให้โอกาสคน แต่ว่า...ถ้ามีครั้งต่อไป โอกาสจะหายใจของนาย ไม่มีแล้วนะ" เจ้าของใบหน้าหล่อแสยะยิ้มบอก ทว่าน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความดุดันชวนขนลุก ทรงยศที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบก้มหน้าก้มตายกมือไหว้ขอบคุณมาเฟียลุคร้ายที่อยู่ตรงหน้า เจย์เดนที่เห็นแบบนั้นก็ผละกลับมานั่งไขว่ห้างอีกครั้งรวมถึงทิ้งก้นบุหรี่ที่สูบจนหมดแล้วลงพื้น "ภายในวันศุกร์นี้ ฉันต้องได้เงินก้อนแรก" "ศะ...ศุกร์นี้เหรอครับ" "ใช่" "อะ...เอ่อ ผมคงหาเงินขนาดนั้นได้ไม่ทัน..." "นั่นมันเป็นปัญหาของนาย" มาเฟียหนุ่มเอ่ยพลางลุกขึ้นทำท่าจะเดินออกไป ทว่า... "คะ...คุณเจย์เดนครับ! ได้โปรดให้เวลาผมอีกนิดเถอะครับ" "ฉันว่าฉันให้เวลานายมามากพอแล้วเหมือนกันนะ" ร่างสูงกว่าร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรบอกพลางปรายตาคมจ้องมองไปยังชายวัยกลางคนที่กำลังขอร้องอ้อนวอนตัวเองอยู่ แววตาคมกริบไร้ซึ่งความเห็นใจใด ๆ "คะ...คุณเจย์เดน ผมขอร้องละครับ" "..." เจ้าของใบหน้าหล่อยังคงนิ่งมองทรงยศอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งในที่สุดชายวัยกลางคนก็พยายามทำทุกทางเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง "เอาแบบนี้ไหมครับ ผมมีลูกสาวอยู่..." "..." มาเฟียลุคร้ายก็นิ่งฟัง "ลูกสาวผมเพิ่งขึ้นมัธยมปลาย...ยังไม่เคยผ่านผู้ชายคนไหนมาก่อน" "น่ารำคาญชะมัด..." ปากหนาพึมพำออกมาด้วยความหัวเสียกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะช่วงนี้เขามักจะถูกลูกหนี้ยื่นข้อเสนอแนวนี้มาให้อยู่บ่อยครั้ง พวกที่ต้องการพาลูกสาวมาขัดดอกลดหนี้ แน่นอนว่าเจย์เดนไม่ได้มีความนึกเห็นใจอะไรใคร แต่สิ่งที่เขารำคาญใจก็คือ เขาไม่ชอบผู้หญิงบริสุทธิ์ ใสซื่อ ไม่เป็นงาน "...ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ถ้าภายในวันศุกร์นี้ ฉันไม่ได้เงินจากนาย...ก็เตรียมตัวบอกลาโลกได้เลย" พูดจบ มาเฟียหน้าหล่อก็ก้าวเท้าเดินออกจากห้องทำงานไปทันทีด้วยสีหน้าท่าทีปกติ โดยระหว่างนั้น ชายหนุ่มก็หันไปเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทของตัวเอง "เรื่องการลงทุนไปถึงไหนแล้ว" "กำลังเช็กทุกอย่างอย่างละเอียดอีกรอบอยู่ครับ" "แล้วนัดคุยกับเพทายหรือยัง" "นัดแล้วครับ คุณเพทายว่างวันศุกร์นี้" "อืม" เสียงทุ้มตอบกลับรับรู้ ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอีกครั้งเดินตรงไปยังรถสปอร์ตหรูของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ไกล ท่าทีเต็มไปด้วยความแบดบอยรวมถึงรอยสักมากมายตามร่างกายที่ไม่ว่าใครมองก็สามารถรับรู้ได้ถึงความร้ายกาจดิบเถื่อนที่มาเฟียหน้าหล่อเหลามี ด้านทับทิม หลังจากที่สัมภาษณ์งานเสร็จ ทับทิมก็สามารถเริ่มงานได้ทันทีจากการตอบคำถามที่ดูจริงใจ มีความมั่นใจ และดูเป็นคนหัวไว รวมถึงประวัติที่เธอทำขึ้นมา "สามารถเริ่มงานวันนี้ได้เลยใช่ไหม" เสียงดวงจิตคนดูแลมูลนิธิเอ่ยถามหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า "ค่ะ สามารถเริ่มทุกอย่างได้เลย" "อืม ดีแล้ว พอดีครูพี่แอ๋ม เอ่อ ครูคนเก่าน่ะ เขาลาไปคลอดลูก ตอนนี้เลยทำให้ครูพี่เลี้ยงไม่พอ..." "...แต่สำหรับเธอก็จะมีครูพี่ช่วยเลี้ยงคอยดูให้อยู่อีกคนนะ เดี๋ยวเดินไปที่ห้องก็น่าจะเจอ เธอต้องแชร์ห้องร่วมกันด้วย ยังไงก็ทำความรู้จักกันไว้" "ค่ะ" ทับทิมพยักหน้าตอบกลับรับรู้ ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องเลี้ยงเด็กที่เธอต้องรับผิดชอบ ซึ่งทันทีที่เดินเข้าไป หญิงสาวก็พบเจอแต่เพียงความว่างเปล่า กระทั่งได้ยินเสียงหวานของใครบางคนกำลังพูดคุยกับเด็กน้อยอยู่ ดวงตาสวยจึงหันไปมองก่อนจะเห็นร่างบางผิวขาวชมพูที่ดูโตกว่าเด็กคนอื่น ๆ "สวัสดี" ทับทิมตัดสินใจทักทายไปยังคนที่ยืนอยู่ด้วยความแน่ใจว่าอีกคนน่าจะเป็นครูพี่ช่วยเลี้ยงที่ดวงจิตบอก "สะ...สวัสดีค่ะ" เรียวปากบางอมชมพูขยับตอบกลับเสียงใสแม้แววตาจะยังคงมีความงุนงงอยู่ไม่น้อย "พี่ชื่อทับทิมนะ จะมาแทนครูพี่แอ๋ม ทำความรู้จักกับเด็ก ๆ ไปแล้ว แต่เห็นเราไม่อยู่...น่าจะเด็กกว่าพี่ใช่ไหม พี่อายุยี่สิบห้า" "หนูชื่ออลินค่ะ อายุสิบเก้า" "อ่า ว่าแล้วว่าต้องไม่เกินยี่สิบ หน้าตาใสเชียว ผิวก็ใสอมชมพูเลย" "แหะ ๆ พี่ทับทิมก็สวยมาก ๆ เลยค่ะ" คนตัวเล็กยิ้มตาหยีตอบกลับเสียงหวาน ทำเอาทับทิมที่ยืนอยู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเอ็นดูไปกับความน่ารักของคนตรงหน้า ร่างบางดูใสซื่อและสดใสจริง ๆ เหมือนกับว่ามันมาจากข้างในไร้การปรุงแต่งหรือพยายาม นั่นจึงทำให้สปายสาวรู้สึกโล่งใจอยู่ไม่น้อยที่จะได้แชร์ห้องนอนกับอีกคน "พี่แชร์ห้องนอนกับเราด้วยนะ รู้หรือยัง" "จริงเหรอคะ" "อืม เห็นคุณดวงจิตบอกว่าให้พี่แชร์ห้องนอนกับเรา แล้วก็เข้ามาแทนครูพี่แอ๋มในการดูเด็ก ๆ ห้องนี้เป็นหลัก" หลังจากที่ทับทิมพูดจบ อลินก็ยกยิ้มตาหยีเอ่ยดีใจออกมาที่หลังจากนี้ตัวเองจะไม่ต้องนอนที่ห้องคนเดียวอีกต่อไป ก่อนที่ทั้งสองจะยืนพูดคุยทำความรู้จักกันไปตามประสา กระทั่งดวงจิตที่ทำธุระเสร็จเดินออกมา "ทำความรู้จักกันแล้วใช่ไหม" หญิงวัยกลางคนถาม ทำให้สองคนที่ยืนอยู่พยักหน้าตอบกลับ คนดูแลมูลนิธิจึงบอกเกี่ยวกับกฎระเบียบคร่าว ๆ ของการอยู่ที่มูลนิธิให้แก่คนที่มาใหม่ได้รู้ โดยในตอนนั้นเอง เสียงเท้าหนักของใครบางคนที่กำลังเดินเข้ามาก็ดังขึ้น ทำให้สามคนที่ยืนอยู่ต่างหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นเพทายกับมือขวาคนสนิทของเขา "..." ทับทิมก็ยืนนิ่งก้มหน้าทำความเคารพให้กับคนที่มาใหม่ตามดวงจิตกับอลินที่ก้มอยู่ก่อน หญิงสาวที่ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี...ไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่าคนที่เพิ่งเดินผ่านไปเมื่อครู่คือใคร "นั่นคุณเพทาย เจ้าของโครงการ" ดวงจิตหันเอ่ยบอกทับทิม "อ๋อค่ะ ดิฉันพอรู้มาบ้าง" เรียวปากสวยตอบกลับผู้ใหญ่ "อืม ดีแล้วที่ศึกษามาบ้าง ฉะนั้นรู้ไว้ว่าทุกครั้งที่อยู่ที่นี่ คุณเพทายจะต้องการความเป็นส่วนตัวเป็นอย่างมาก ดังนั้น...ไม่ว่าจะเจอกับอะไรที่นี่ ไม่ต้องเอาออกไปพูดข้างนอก แม้แต่ประโยคเดียวที่เกี่ยวกับคุณเขาก็ห้าม" "ค่ะ" "ดี เข้าใจง่ายก็ดี แล้วก็รักษาความเข้าใจของตัวเองไว้ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมา...ไม่มีใครรับประกันความปลอดภัยของเธอได้ จำไว้" ทันทีที่ดวงจิตพูดจบ ทับทิมก็พยักหน้ารับรู้และเข้าใจทุกอย่าง หลังจากนั้นดวงจิตก็เดินออกไปทำงานที่ค้างไว้ของตัวเองต่อ ขณะที่ทับทิมกับอลินก็ช่วยกันดูแลเด็ก ๆ ภายในห้องไปตามหน้าที่ ซึ่งตลอดเวลา ทับทิมเองก็คอยสังเกตเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่เงียบ ๆ และเป้าหมายหลักของเธอในครั้งนี้ก็คือ...การเข้าไปยังห้องทำงานส่วนตัวของเพทาย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD