โหยหิวรัก ตอนที่ 5

1513 Words
“ไม่เห็นเลยค่ะ” “เหรอครับ” กริชวิ่งกลับขึ้นไปบนห้องอีกครั้ง ปรากฏว่าห้องน้องสาวไม่ได้ล็อก เขาจึงเปิดประตูเข้าไปโดยง่าย ในห้องว่างเปล่าไม่มีใคร เห็นแค่จดหมายฉบับเล็กๆ ที่วางอยู่บนหัวเตียง เขาหยิบขึ้นมาอ่านก่อนจะถอนใจหนักๆ ข้อความในจดหมายที่แก้วกัลยาเขียนถึงเขาคือไม่ต้องออกตามหา เพราะเธอจะไปซ่อนตัวในที่ที่เขาไม่มีวันหาเจอ ที่สำคัญก็คือฝากใบข้าวให้เขาดูแลให้ดีด้วย เขารู้ดีว่าน้องสาวหนีไปเพราะไม่อยากแต่งงานกับคเชนทร์ คู่หมั้นคู่หมายของตัวเอง ประเด็นสำคัญคือก่อนไปหาเมียให้เขาเสร็จสรรพเหมือน  เป็นแม่เขาเสียนี่ ยังดีที่เป็นใบข้าว เพราะถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาคงทำตัวไม่ถูกแน่ๆ “แก้วล่ะคะ” อดถามเสียไม่ได้เมื่อกริชเดินลงมาคนเดียว “ไปแล้ว” เขาตอบเสียงเรียบ “ไปแล้ว ไปไหนคะ” ใบข้าวเอ่ยถามอย่างตกใจ “ยายแก้วทิ้งจดหมายเอาไว้ อ่านแล้วจะเข้าใจเอง” เขายื่นจดหมายให้เธออ่าน “ทั้งหมดเป็นฝีมือของแก้วเหรอคะ” เธอคิดอยู่เหมือนกันแต่ไม่อยากกล่าวหาเพื่อน พอได้อ่านจดหมายแล้วถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน ไม่คิดว่าเพื่อนจะทำอะไรพิเรนทร์แบบนี้ ดีที่เป็นกริช ถ้าเป็นคนอื่นเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะทำตัวเช่นไรเหมือนกัน จู่ๆ ก็ได้สามีแบบไม่ได้ตั้งใจ “ใช่ เขาอยากหาเมียให้พี่ และเล็งข้าวเอาไว้” เขาพูดแบบนั้น เธอเลยหน้าแดงซ่าน ไม่กล้าสบตาเขา “อีกเหตุผลคงไม่อยากแต่งงานกับคเชนทร์” “คเชนทร์หรือใครเหรอคะ” “คู่หมั้นของเขาน่ะ เขาไม่เคยไปเจอคู่หมั้นตัวเองเลย คู่หมั้นมาหาก็หนีหน้า หนีไปเรียนกรุงเทพฯ ตั้งหลายปี” “แก้วมีคู่หมั้นแล้วเหรอคะ ข้าวไม่เห็นรู้เลย” ปกติมีเรื่องอะไรแก้วกัลยาจะเล่าให้เธอฟังทุกเรื่อง แต่เรื่องคู่หมั้นไม่เคยเล่าให้ฟังเลยสักครั้ง นี่จึงเป็น    เรื่องใหม่ที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน “ครับ คงอยากหนี สักพักก็คงกลับมา” เขาคิดว่าน้องสาวไม่น่าจะไปไหนรอด เพราะเขาเลี้ยงน้องมาแบบตามใจและไม่เคยให้ลำบาก ด้วยว่ารัก ทำผิดอะไรก็ไม่เคยทำโทษหนักๆ แค่ดุไปเล็กน้อยเท่านั้น คิดว่าคงอยู่นอกบ้านได้      ไม่นานถ้าไม่มีเงินจากเขา เพราะตอนเรียนเขาส่งเสียให้เงินอยู่ตลอด มีดีหน่อยก็ตรงชอบทำขนมนี่แหละ ถ้าเปิดร้านขายขนมก็พอขายได้เพราะเขาเคยชิมฝีมือของแก้วกัลยาบ่อยๆ แต่นั่นแหละ ทุกอย่างต้องใช้ทุน ไม่ใช่จะทำกันง่ายๆ “แก้วไม่เคยพูดถึงคู่หมั้นให้ฟังเลยนะคะ” ใบข้าวมองหน้าพี่ชายเพื่อนที่ตอนนี้เปลี่ยนสถานะเป็นสามีของเธอเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา “เขาคงไม่อยากพูดถึง แก้วกัลยาไม่ชอบให้ใครบังคับน่ะ แต่ถ้าเขาพึ่งตัวเองได้หรือทำอะไรประสบความสำเร็จเองพี่ก็ภูมิใจนะ เรามีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง” “ข้าวเป็นห่วงแก้วจัง” ใบข้าวถอนใจเบาๆ คิดว่าจะได้อยู่ด้วยกัน แก้วกัลยากลับพาเธอมาทิ้งเอาไว้กับพี่ชายและตัวเองกลับหนีหายไปเสีย นึกแล้วก็น้อยใจอยู่เหมือนกัน “เราข้ามเรื่องของแก้วกัลยาไปก่อนเถอะครับ มาพูดเรื่องของเรากันดีกว่า” กริชวกกลับมาเรื่องของตัวเอง เขาอยากจะคุยกับเธอให้เรียบร้อย “เรื่องของเรา” เธอทวนคำของเขาแล้วหน้าแดง “ครับเรื่องของเรา ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เราสองคนลองมาคบกันดูดีไหมครับ” จริงๆ เขาอยากข้ามขั้นตอนนี้ไปก่อน แต่ถ้าจู่ๆ จะยัดเยียดตัวเองให้เธอก็ดูกระไรอยู่ เขาเลยค่อยๆ ทำตามขั้นตอนไปตามสเต็ป ทั้งๆ ที่มันอาจจะข้ามขั้นตอนนี้ไปแล้ว แต่ไม่เป็นไร ทุกอย่างเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ “ลองคบกันเหรอคะ” เธอเอ่ยถามเขากลับเหมือนไม่แน่ใจนัก “ครับ พี่แฟร์ๆ นะครับ ถ้าข้าวเจอคนที่ดีกว่า พี่ก็พร้อมที่จะปล่อยข้าวไป ไม่รั้งเอาไว้นะครับ แต่ลองคบกันก่อน ถ้าเราโอเคก็ตกลงปลงใจกันได้เลย” เขาพูดเหมือนไม่แคร์เธอ นั่นทำให้ใบข้าวนึกน้อยใจอยู่มาก แต่ใจของกริชไม่ได้คิดจะปล่อยเธอไปหรอกนะ เขาแค่ไม่อยากบังคับเธอก็แค่นั้นเอง เขาคิดว่าผู้หญิงมีสิทธิ์เท่าๆ กับผู้ชาย เธอมีความคิดความอ่านและสามารถตัดสินใจได้ว่าจะทำอะไรต่อไปดี ถ้าตอนนี้ยังคิดไม่ออก เขาก็พร้อมให้เธอได้ตรึกตรอง เขาไม่รีบ เขารอได้ แต่เขาจะไม่ให้เธอคิดนานอย่างแน่นอน “พี่ไม่ได้ขับไล่ไสส่งหรืออะไรนะครับ แต่คิดว่าหากข้าวคบกับพี่แล้ว เกิดไม่ชอบพี่ขึ้นมาจริงๆ พี่ก็จะไม่บังคับ แต่ถ้าเราเข้ากันได้ดี และรักกันจริงๆ จังๆ เหมือนที่ยายแก้วต้องการ เราก็แต่งงานกัน” เขาพูดง่ายเหลือเกิน แต่ก็ดูแฟร์ๆ ดี เธอน่ะเหรอที่จะไม่รักเขา เพ้อถึงเขาอยู่ทุกวันและเพ้อมาหลายปีแล้ว “ค่ะ” เธอรับคำยิ้มให้เขาเพราะเขาปล่อยให้เธอมีช่องว่างในการหายใจหายคอบ้าง ไม่ใช่บังคับจะเอาอย่างโน้นจะเอาอย่างนี้ให้เธอต้องทำตามเขาทุกอย่าง “พี่ทำแบบนี้ข้าวโอเคใช่ไหม พี่ไม่บังคับอะไร แล้วแต่ข้าวเลย แต่พี่อยากให้ข้าวลองศึกษานิสัยใจคอของพี่ดูก่อน ศึกษาลึกๆ ไม่ใช่แค่รู้จักกันผิวเผินเหมือนหลายปีที่ผ่านมา” เขาคิดมาหลายตลบแล้วว่าการยื่นข้อเสนอแบบนี้คือสิ่งที่ดีที่สุด ถามว่าเขาจะปล่อยเธอไปไหม ตอบได้คำเดียวว่าไม่ปล่อยเด็ดขาด แต่เพื่อความแฟร์และไม่บีบบังคับเธอจนเกินไป เขาจึงเลือกวิธีนี้ “โอเคค่ะ” เธอรับคำ มองเขาอย่างเขินอายแต่มันเต็มไปด้วยความรัก เขาขยับใบหน้าเข้ามาหา จ้องตาเธอ “กินข้าวเถอะครับ ข้าวกำลังทำเหมือนจะกินพี่แทนอาหารเช้าเลย” เขาแหย่กลับเมื่อเคลียร์กับเธอได้เรียบร้อยแล้ว “เอ่อ... ค่ะ” เธอตอบรับกะพริบตาเบาๆ เผลอมองเขาไปแบบนั้นได้ยังไงกันนะ น่าอายเสียจริงเชียว หลังรับประทานอาหารเสร็จสิ้นเขาก็พาเธอเข้าไร่ กริชแนะนำให้เธอได้รู้จักกับคนงานในไร่ และแนะนำเธอให้คนงานในไร่ได้รู้จักในฐานะพนักงานบัญชีคนใหม่ “เรียนบัญชีมาก็คงไม่ต้องสอนอะไรมากนะ” เขาบอกเธอเสียงนุ่ม จับเธอกดไปบนเก้าอี้ในห้องทำงาน ก่อนจะหอมแก้มเธอแรงๆ “อุ๊ย! พี่กริช” เขาโอบมารอบกาย เปิดเอกสารต่างๆ ให้เธอดู “ตั้งใจฟังพี่พูดสิครับ ถ้าไม่เข้าใจหันมาถามพี่ พี่จะคิดค่าถามเป็นการหอมแก้มครั้งละหนึ่งที” แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ เธอเลยหันไปสนใจกับเอกสารตรงหน้าแทน คนเจ้าเล่ห์นิดๆ แกล้งพูดผิดพูดถูกให้เธอถาม โทษของเธอคือโดนหอมแก้มซ้ำๆ ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา “แก้มช้ำหมดแล้วนะคะ” เธอประท้วง เขามองแก้มเนียนใสไร้ไฝฝ้า เธอไม่ได้แต่งหน้าแต่หน้าใสเนียนละเอียดจนเขามองเพลิน “โอเคไหมครับ” เขาเอ่ยถาม มีความสุขที่ได้หอมแก้มคนในอ้อมแขนนัก “โอเคค่ะ” ตอบออกไปแล้วต้องอุทานอีกรอบเมื่อโดนหอมแก้ม“อุ๊ย! พี่กริชน่ะ ไม่ได้ถามเสียหน่อย ตอบว่าโอเคนะคะ” “หอมแก้มที่เป็นคนเข้าใจอะไรง่ายครับ” เขาเห็นว่าเธอตั้งใจฟัง เขาเองนี่แหละที่หาเรื่องกวนให้เธอเสียสมาธิ จะได้หาเรื่องเอาเปรียบเธอเสียเอง “มื้อกลางวันอยากจะกินอะไรก็บอกพี่นะ พี่จะสั่งให้คนทำให้กิน” “แล้วแต่พี่กริชเลยค่ะ” เธอไม่ได้อยากกินอะไรเป็นพิเศษ เขาจัดอาหารแบบไหนมาให้ก็กินได้หมด ไม่อยากเรื่องมากอะไรด้วย “ถ้าแล้วแต่พี่ กลางวันพี่จะบอกอีกทีว่าพี่อยากกินอะไร” น้ำเสียงของเขาชอบกลนัก เธอไม่กล้าถามอะไรหรือคิดอะไร หันไปสนใจกับงานตรงหน้าแทน ในใจก็ขบคิดว่าเขาจะอยากกินอะไรแปลกๆ หรือเปล่าหนอ คงไม่คิดแกล้งอะไรเธออีกหรอกนะ เพราะกริชก็ดูเจ้าเล่ห์พอสมควร ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเธอไม่เคยสัมผัสถึงสิ่งนี้ในตัวเขาเลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD