พิธีมงคลถูกจัดขึ้นในช่วงเช้าในสองวันถัดมา ทั้งจ้าวเฉียนยี่และหลี่ถิงถิงคำนับฟ้าดินเสร็จสิ้นถือเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องเปิดเผย เรื่องมงคลได้ฮูหยินหลี่จัดการไม่ให้ตกหล่น จวบจนช่วงค่ำของคืนวันแต่ง งานเลี้ยงจัดขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่เหมาะสม เหล่าแขกเหรื่อร่วมงานแสดงความยินดีแก่เสนาบดีจ้าวและคุณหนูสามหลี่มากกว่าที่คิดเอาไว้
คาดเดาได้ว่าบางส่วนมาเพื่อสอดส่องหาความจริงในข่าวลือที่ว่า ท่านเสนาบดีจ้าวถูกบังคับงานแต่งจริงหรือ กระนั้นจ้าวเฉียนยี่เองไม่ได้หักหน้าหลี่ถิงถิงแต่อย่างใด เขาทำตามพิธีทุกขั้นตอนอย่างไม่มีตกบกพร่อง ให้ความยินยอมทุกอย่างจนกระทั่งงานใกล้สิ้นสุดลง ซึ่งหลี่ถิงถิงเองก็ดีใจอย่างยิ่งที่เขาไว้หน้านางไม่แสดงออกว่าไม่พอใจเหมือนในตอนแรก
งานเลี้ยงในช่วงค่ำถูกจัดขึ้นภายในจวนสกุลจ้าว สวนดอกเหมยฮวาถูกเปิดเพื่อต้อนรับแขกสำหรับงานเลี้ยงหลังพิธีมงคล สายตาหลายคู่ภายในงานผลัดจ้องมองยังคู่ชายหญิงหลักของงาน หลี่ถิงถิงใบหน้าเล็กละมุนแต่งแต้มเครื่องหน้าเล็กน้อยเผยหน้าขาวเนียนละเอียด กระนั้นก็ไม่อาจลดทอนความงดงามของนางลงได้สักเสี้ยวเดียว ทั้งชุดมงคลสีแดงสดที่นางสวมใส่ยิ่งขลับให้ผิวนางยิ่งดูขาวโดดเด่น
หญิงสาวนั่งอมยิ้มไม่หุบมองชายหนุ่มข้างกายผู้กลายเป็นสามีหมาด ๆ ตาปริบ ๆ ชื่นชมความงามของจ้าวเฉียนยี่ไม่หยุดหย่อน ยามจ้าวเฉียนยี่สวมชุดมงคลสีแดงสดรวบผมขึ้นเผยใบหน้าคมคายเห็นสันกรามเด่นชัดก็กร้าวใจไม่แพ้ตอนสวมชุดราชการที่ดูองอาจน่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย ไหนจะร่างกายที่เติบโตขึ้นผิดหูผิดตากว่าแต่ก่อน จากร่างสูบผอมสูงโปร่งตอนนี้เริ่มมีมวลกล้ามหนาและส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นให้เห็น
ตอนนี้นางคิดว่านางคงสูงเพียงแค่ระดับอกของเขาเองกระมัง.. กร้าวใจจริงๆ
"วันนี้ท่านก็งดงามเช่นเคยนะเจ้าคะ" เสียงหวานใสเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะได้อย่างน่ารัก ดวงตาคมเฉี่ยวเหลือบมองมาเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปในทางตรงเช่นเดิม ในสายตาของจ้าวเฉียนยี่หลี่ถิงถิงนั้นงดงามเฉิดฉายไม่แพ้สตรีคนใด ออกจะงดงามกว่าสตรีทั่วไปเสียด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดจ้าวเฉียนยี่กลับเลือกที่จะไม่พูดสิ่งที่คิดออกไป
"..ขอบคุณคำชมของเจ้า"
"..สามีข้า ได้โปรดอย่าเย็นชากับข้านักเลย ชมข้าสักหน่อยไม่ได้หรือ" เมื่อไม่ใช่คำตอบที่ต้องการ หลี่ถิงถิงพลันหน้างอเสียจนริมฝีปากเชิดขึ้น หากไม่ยอมถามตามตรงคงไม่มีทางที่จ้าวเฉียนยี่ผู้นี้จะคิดชมนางใช่หรือไม่! ถึงใจนางจะไม่หวังคำชมกลับแต่มันก็แอบน้อยใจไม่ได้
หลี่ถิงถิงเบือนหน้าหนีไปอีกทางด้วยความช้ำใจ ไม่ทันได้สังเกตุถึงสายตาคมกล้าที่มองตามนางอยู่ตลอด
"หึ"
จ้าวเฉียนยี่เหลือบมองใบหน้าหงอบูดบึ้งคนเตี้ยกว่า ไม่รู้ด้วยเพราะสีหน้าหงอยราวกับแมวหางตกของนางด้วยรึเปล่าที่ทำให้เผลอส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ โดยที่เขาเองไม่ทันรู้ตัว..
งานดำเนินไปอย่างราบรื่น มีหลายคนเข้ามาทักทายและยื่นจอกสุราให้แก่พวกเขา แน่นอนว่าจ้าวเฉียนยี่ไม่อาจปฎิเสธได้และยิ่งมีเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้เขารู้สึกมึนหัวขึ้นมาเล็กน้อย
“จ้าวฮูหยิน ยินดีด้วย”
“เสนาบดีจ้าว ยินดีด้วย ช่วยรับจอกยินดีจากข้าเสียหนึ่งจอกเถอะ”
“...อืม”
น้ำสุรากลิ่นหอมหวานถูกยื่นส่งมาตรงหน้าจ้าวเฉียนยี่เป็นจอกที่ห้าเข้าแล้ว สีหน้าอันหนักใจคล้ายปรากฏให้เห็นบนใบหน้าหล่อเหลาของคนตัวสูงข้างกาย หากไม่สังเกตุให้ดีเสนาบดีจ้าวเก็บสีหน้าไว้ได้อย่างแยบยล ทว่าการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยของเขาไม่รอดพ้นสายตาเฉียบคมในเรื่องของจ้าวเฉียนยี่จากหลี่ถิงถิงไปได้
หญิงสาวขยับกายเอี้ยวตัวหยุดจอกเหล้าเอาไว้ก่อนจะถึงมือของจ้าวเฉียนยี่ พาให้คนที่กำลังรับจอกเหล้ามานั้นชะงักหันกลับไปมองสตรีสวมชุดมงคลสีแดงข้างกาย และเห็นว่ามุมปากสวยของนางกำลังโรยด้วยรอยยิ้มหวานละมุน พาผู้ที่ได้มองถึงกับต้องยิ้มตาม
“สามีข้าไม่ร่ำสุราหากวันพรุ่งมีกิจต้องเข้าประชุมตอนเช้าเจ้าค่ะ เขาค่อนข้างใส่ใจต่องานหากไม่ใช่วันหยุดจะไม่ร่ำสุราแม้เพียงหนึ่งจอก ท่านทั้งสองโปรดเข้าใจ จอกเหล้าจอกนี้ข้าจะรับแทนสามีเองได้หรือไม่”
เสียงใสกังวานกล่าวปฎิเสธอย่างเป็นธรรมชาติ ชายผู้นั้นพยักหน้าเชื่องช้าปล่อยจอกเหล้าสู่มือเรียวนุ่มราวกับถูกสะกด กว่าทุกคนจะรู้ตัวอีกทีจอกเหล้าของจ้าวเฉียนยี่ก็ถูกดื่มจนหมดจอกไปเสียแล้ว
หลี่ถิงถิงวางจอกลงบนโต๊ะ ไม่รอช้ารีบหันหน้าไปทางสามีกดยิ้มมุมปากคิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อยราวกับต้องการโอ้อวดว่าครั้งนี้เป็นนางที่ช่วยเขาไว้ จ้าวเฉียนยี่อ่านความคิดของนางออกในเมื่อหน้าของนางแทบจะเผยคำว่า ‘ชมข้าที’ ออกมา
“ขอบใจเจ้า”
เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบา และต้องรีบเบี่ยงสายตาออกมา เมื่อทันได้เห็นว่านางกำลังทำสีหน้าปลื้มปีติยินดีเช่นไร ริมฝีปากบางหญิงสาวเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรงพาให้แก้มขาวพองขึ้นมาอย่างน่ารัก ดวงตาเองก็เป็นประกายระยิบระยับจับจ้องมาที่เขาไม่วางตา
จ้าวเฉียนยี่ได้แต่นึกสงสัยนักว่า เพียงคำชมเฉยจากเขามันน่าดีใจถึงเพียงนั้นได้เชียวหรือ..
“..ฮูหยินช่างเอาใจใส่ ทั้งยังรู้ใจท่านเสนาบดีอีกด้วย ไม่แปลกใจแล้วที่ท่านเสนาบดีจ้าวจะยอมพร้อมใจแต่งท่านเข้าจวน แม้จะนานไปเสียหน่อย แต่ก็ถือว่าได้เรียนรู้กันไป”
ชายที่เกือบถูกตัดออกจากบรรยากาศอบอวลด้วยความรักของทั้งคู่พูดขึ้นหลังจากได้สติ เนื่องจากสตรีข้างกายผู้เป็นภรรยาซึ่งมาอวยพรพร้อมกันกำลังมองมาตาขวาง
ด้านหลี่ถิงถิงได้ฟังก็ยิ้มจนปากเกือบฉีก พยักหน้าตามชื่นชอบใจ กระทั่ง..
“พวกเราต่างเกือบเข้าใจผิดแล้วว่าที่ท่านเสนาบดีจ้าวครองตัวไม่ยอมแต่งฮูหยินเข้าจวนเป็นเพราะแม่นางหลานอี้หนานเสียอีก ฮ่า ๆ”
“!!”
หลี่ถิงถิงหันขวับกลับมามองชายตรงหน้าที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อทันทีทันใด รอยยิ้มเย้าหยอกให้จ้าวเฉียนยี่ในคราแรกหุบลงในเสี้ยววินาที กล้ามเนื้อส่วนใบหน้าหดลงจนถมึงทึง
หัวเราะให้มารดามันเถอะ!
“จะว่าไปแล้วเห็นฮูหยินจ้าวเป็นเช่นนี้ ทำให้ข้าอดนึกถึงแม่นางหลานอี้หนานเสียไม่ได้ คุณหนูหลานก็เป็นมิตรวาจาไพเราะเช่นเดียวกับท่าน น่าเสียดายที่นางทำผิดใหญ่หลวงต้องถูกขับไล่จากเมือง”
จ้าวเฉียนยี่ผู้เป็นหัวข้อหลักของบทสนทนาลืมคำพูดของชายผู้นั้นจนหมดสิ้น รีบหันกลับมามองสตรีข้างกายที่ยามนี้ก้มหน้าต่ำจนไม่อาจสังเกตุเห็นว่านางกำลังมีสีหน้าเช่นไร
“...”
“ครั้นได้พูดคุยกับฮูหยินจ้าวเป็นครั้งแรก จากที่เคยได้ยินว่าเป็นสตรีเย่อหยิ่ง จองหอง กลับไม่ใช่เลยนั่นคงเป็นข่าวโคมลอยที่พวกเขาพูดขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายท่านเป็นแน่”
“เจ้าพอได้ละ-” จ้าวเฉียนยี่ชักสีหน้าไม่พอใจยิ่ง น้ำเสียงกดต่ำผ่านลำคอตั้งใจตำหนิและไล่เขาออกไปทว่าเสียงหนึ่งดันดังขึ้นมาเสียก่อน
ปึง!
มือเล็กทุบลงบนโต๊ะเสียงดังพอ ๆ กับเสียงกู่เจิงที่กำลังบรรเลงอยู่ในงาน ไหล่จ้าวเฉียนยี่และชายปากมากผู้นั้นสะดุ้งสุดตัวพร้อม ๆ กัน สายตาทั้งสองคู่หันกลับไปมองผู้เป็นเจ้าสาวของงานเป็นตาเดียวแต่สายตาที่สื่อออกมาเป็นคนละความหมายกัน
จ้าวเฉียนยี่นั้นกำลังคิดว่า น่าจะเกิดปัญหาใหญ่แล้ว..
ส่วนอีกคนหนึ่งกำลังคิดว่า นางตบแมลงที่มาก่อกวนบนโต๊ะใช่หรือไม่..
จวบจนได้ยินเสียงหวานพูดลอดไรฟันมาพร้อมกับรอยยิ้มเย็นพาให้หนาวสั่นไปทั้งตัวแสดงออกมา
“เจ้าช่วยหุบปากเสียทีได้หรือไม่.. เจ้าคะ” หลี่ถิงถิงพยายามระงับอารมณ์ขุ่นเคือง จิตใจเอื้ออารีเติมคำว่าเจ้าคะลงท้ายเพื่อให้เกียรติ
“ขะ..ขอรับ” ชายผู้ไร้ชื่อเพราะหลี่ถิงถิงไม่คิดจะจำตั้งแต่แรกกล่าวขึ้นมาเสียงตะกุกตะกัก หน้างุนงงส่งสายตาเป็นเชิงถามแก่เสนาบดีจ้าว ซึ่งคำตอบที่ได้รับคือหน้าเฉยเมยหันไปอีกทางของเสนาบดีจ้าว
..ในเมื่อชายผู้นั้นปากหาเรื่องใส่ตัวก็ปล่อยเลยตามเลยไปแล้วกัน..
“ขออภัย วันนี้เป็นงานมงคล แขกเหรื่อมากมายต้องการแสดงความยินดีต่อข้าและสามี หากเจ้ามีตาคงจะเห็นได้ว่ายามนี้แขกหลายคนกำลังรออยู่ ได้โปรดท่านทั้งสองกลับไปกินดื่มให้เต็มที่ จวนสกุลหลี่และครอบครัวสามีข้าคัดเลือกอาหารมาต้อนรับไว้อย่างดี เจ้าเลือกทานได้ตามสบาย หวังว่าเจ้าจะให้มาก ๆ ปากจะได้ไม่ว่าง”
“!”
“เชิญเจ้าค่ะ”
หลี่ถิงถิงยิ้มส่งแขกแต่ดวงตากลับไม่ยิ้มตามไปด้วย ชายผู้นั้นเองก็หน้าเสียรีบเดินออกไปทั้งที่ยังหลงเหลือความตกใจไว้เต็มอก และป็นเพราะวาจาเผ็ดร้อนที่ชายผู้นั้นได้ลิ้มลองไปทำให้แขกคนอื่นไม่กล้าย่างกรายเฉียดเข้ามาใกล้โต๊ะคู่บุรษและสตรีเจ้าภาพของงาน
“หึ”
“ท่านเสนาบดีจ้าวขำหรือเจ้าคะ!”
เกิดเสียงหลุดหัวเราะจากคนตัวสูงข้างกาย หญิงสาวสะดุ้งขึ้นเอ่ยเสียงสูงกลบเกลื่อนความอับอาย ระหว่างใบหน้าเห่อร้อนกัดฟันหลบเลี่ยงไปอีกด้านหนึ่งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่ต่อหน้าบุรุษในดวงใจ ความโกรธจนหน้ามืดของนางทำให้จ้าวเฉียนยี่ต้องมาเห็นภาพไม่งามของนางเอาเสียได้! แย่ที่สุด!
“ขอโทษด้วย มันแปลกดีที่ได้เห็นเจ้าโกรธ เรื่องที่ชายผู้นั้นพูดเจ้าอย่านำมันมาใส่ใจเลย..” มันเป็นเรื่องในอดีตที่นานมากแล้ว..
จ้าวเฉียนยี่พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ สำรวจทั่วใบหน้างาม เมื่อเห็นว่าอารมณ์ขุ่นมัวของหลี่ถิงถิงเมื่อสักครู่เบาลงไปหลายส่วนจึงวางใจ
คนถูกหาว่าแปลกเปรยตาขึ้นมองชายหนุ่มข้าง ๆ เล็กน้อย สายตานางประสานเข้ากับดวงตาคมคู่สวย สายตาลุ่มลึกน่าหลงใหลจ้าวเฉียนยี่เองก็จดจ้องกลับไม่ลดละ นานถึงสองอึดใจหลี่ถิงถิงต้องยอมแพ้เป็นฝ่ายถอนสายตาออก ให้นางทนสบตาเขานานกว่านี้เกรงว่าวิญญาณของนางอาจหลุดออกจากร่างก่อนเสียมากกว่า
“เพราะข้าไม่คิดอารมณ์เสียใส่ท่านต่างหาก ท่านถึงไม่เคยได้เห็น”
ชายหนุ่มเผลอกดยิ้มมุมปาก ศีรษะเอียงหันเข้าหาคนตัวเล็กข้าง ๆ “ต่อให้ข้าทำให้เจ้าไม่พอใจหน่ะหรือ”
“อยู่ที่ว่าท่านจะทำให้ข้าไม่พอใจมากน้อยเพียงใดเจ้าค่ะ”
อันที่จริงแล้วต่อให้นางไม่พอใจมากเพียงใดนางก็ไม่เคยตำหนิหรือแสดงอารมณ์ขุ่นเคืองจ้าวเฉียนยี่เลยต่างหาก อาการน้อยใจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวและอยู่ได้ไม่นานถึงข้ามวัน พอจ้าวเฉียนยี่พูดคุยด้วยสักหน่อยเรื่องเคืองใจที่มีนางก็พร้อมจะลืมมันไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น
หรือนางควรแสดงอาการน้อยใจและหายหน้าหายตาไปบ้าง จ้าวเฉียนยี่ผู้นี้ถึงจะสะกิดใจนึกถึงนาง หญิงสาวคิดแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าพรืด กลัวว่าหากได้ตัดสินใจทำอย่างนั้นคงได้เจ็บช้ำใจยิ่งกว่าเก่า และเดาได้โดยไม่ต้องคิดเลยว่า นอกจากจะไม่นึกถึงนางแล้วคงหายเข้ากลีบเมฆไม่คิดตามหานางเสียมากกว่า
ระหว่างคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เห็นถ้วยชาจ้าวเฉียนยี่ว่าง ร่างกายก็ตอบสนองไปไม่ทันคิด มือเรียวยกหยิบกาน้ำชาขึ้นมารินใส่ถ้วยชาให้แก่บุรุษข้างกาย นางมักจะทำเช่นนี้เสมอจนกลายเป็นเรื่องปกติ
สายตาของจ้าวเฉียนยี่มองการกระทำของสตรีข้างกายอยู่ตลอดเวลา เมื่อหญิงสาวรินถ้วยชาจนเต็มแก้วและยื่นส่งมา เขาก็ไม่ปฎิเสธที่จะรับมันขึ้นมาดื่ม ตามด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ จากนางเมื่อเห็นว่าจ้าวเฉียนยี่ยอมดื่นจนหมดถ้วย
“หากข้าทำให้เจ้าไม่พอใจมาก เจ้าจะต่อว่าข้าเช่นเขาหรือ”
มือใหญ่วางถ้วยชาลง ระหว่างกล่าวถามนางก็รินชาใส่ถ้วยแล้วดันแก้วไปด้านหน้าของหลี่ถิงถิง พาให้ร่างเล็กอดที่จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ได้ นางรีบยกถ้วยชาไว้ในอุ้งมือ ความร้อนจากแก้วทำให้ร่างกายเริ่มอบอุ่นจากอากาศหนาวในตอนค่ำ
“..ท่านถามเรื่องที่รู้อยู่แล้วทำไมเจ้าคะ”
“ข้าไม่รู้” ร่างสูงเอนหลังลงเล็กน้อยกล่าวเสียงราบเรียบราวกับไม่รู้ในคำตอบ หลี่ถิงถิงกระพริบตาปริบเอียงคอมองตามด้วยความสงสัย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันจนแน่น คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาอยู่พักใหญ่ และสรุปได้ว่าไม่มีเหตุการณ์ไหนเลยที่นางจะไม่แสดงตัวทอดสะพานให้แก่เขา
หากเป็นคนปกติต้องรู้แน่ หรือนี่เขาจงใจปั่นหัวนาง! ได้.. นางอยากจะรู้เหลือเกิน ผ่านคืนเข้าหอวันนี้ไปแล้ว เขาจะกล้าแสร้งปิดหูปิดตาไม่รู้ต่อไปได้อยู่หรือไม่!
คิดได้ดังนั้นหญิงสาวพลันเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มจนตาหยี มือบางยกขึ้นเป็นสัญญาณ ไม่นานจื่อลั่วสาวใช้คนสนิทข้างกายคุณหนูหลี่ก็เดินเข้ามาพร้อมกับบางสิ่งคล้ายไหสุราทำจากดินเผาย้อมด้วยสีขาวมีลวดลายดอกเหมยฮวา ระหว่างนั้นก็พูดด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยพลางเคลื่อนกายแนบอิงชายหนุ่ม
“ท่านเสนาบดีเจ้าคะ”
“จะ..เจ้าจะทำอะไร!” จ้าวเฉียนยี่ไม่คุ้นชินทว่าไม่ได้ขยับถอยห่างเนื่องจากเกรงสายตาหลายคู่ที่มองมา ดวงตาคมกล้าเหลือบมองรอบตัวเล็กน้อยขณะขยับตัวหนีห่างจากนางอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ก็ถูกมือเล็กคล้องแขนเอาไว้ดึ้งรั้งให้กลับมา
“ท่านอย่าขัดขืนข้าเลย หลายคนกำลังมองมาทางนี้อยู่นะเจ้าคะ”
“!”
ยิ่งเขาขยับยิ่งสัมผัสถึงความนุ่มนิ่มจากก้อนเนื้อขนาดใหญ่เกินตัวของคนตัวเล็ก จ้าวเฉียนยี่ราวกับไม่เป็นตัวของตัวเอง ขบสันกรามเสียแน่น สงบจิตใจที่ปั่นป่วนขณะนั่งหลังเหลียดตรงแข็งเป็นไม้กระดาน
หลี่ถิงถิงยกยิ้มร้ายกาจ นางเรียนรู้วิธีออดอ้อนบุรุษมาจากสหายสนิทผู้ชำนาญช่ำชอง อดไม่ได้ที่จะลอบชื่นชมสหายในใจถึงวิธีการที่คล้ายจะได้ผล ครั้นจื่อลั่วนำของที่นางต้องการมาวางไว้บนโต๊ะ มือผละออกจากลำแขนข้างหนึ่งเอื้อมไปหยิบไหเคลือบสีขาวขึ้นมาแล้วรินลงใส่จอกพร้อมกับยื่นจ่อริมฝีปากของจ้าวเฉียนยี่
“อะไร..” จ้าวเฉียนยี่ถึงกับย่นคอหนี มองน้ำใสคล้ายสุราแต่กลิ่นนั้นแรงกว่ามากด้วยความหวาดระแวง
“สามี..พูดตามตรงว่าข้าไม่เคยคิดตำหนิท่าน ถึงบางอย่างข้าจะไม่พอใจอย่างมากแต่ข้าก็อดทนได้ดี หากเป็นสตรีอื่นถูกปล่อยให้รอนานถึงสามปี คงโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ประจานท่านจนชื่อเสียงกระช่อนไปถึงสิบแคว้น”
“...” จ้าวเฉียนยี่สะอึก ไร้คำจะกล่าวแย้งนาง
“แต่..ภรรยาของท่านไม่โกรธเคืองท่านเลยแม้แต่น้อย ไม่พอยังหาสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่สามี”
จ้าวเฉียนยี่แอบคิดว่า แล้วที่นางขนของเข้าจวนจนแล้วเสร็จตั้งแต่สองวันก่อนพิธีแต่งเล่า.. ไม่ได้เคืองกันแน่ ๆ หรือ..
ก่อนที่ริมฝีปากจะสัมผัสถึงความเย็นเยียบของผิวกระเบื้องเคลือบ จอกถูกเติมน้ำใสปริศนาไว้จนเต็มยื่นเข้ามาแตะริมฝีปากล่างจ้าวเฉียนยี่ ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่นฉุนรุนแรงคล้ายสมุนไพร
“นี่ไม่ใช่สุรา” แล้วจึงกล่าวถามด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ท่านไม่ต้องกังวล ข้าไม่วางยาท่านหรอก..” ประโยคหลังนางกล่าวเสียงอ่อน กำลังเรียบเรียงบางอย่างในความคิด ในเมื่อพี่ใหญ่และพี่รองของนางมักจะดื่มมันประจำหลังดื่มสุราและก่อนไปร่ำสุรา ผลเสียเองก็ไม่มี มีแต่ผลดีช่วยให้ร่างกายกระฉับกระเฉงคล่องแคล่ว
ฉะนั้นแล้ว..ไม่ถือว่านางวางยาเขาหรอกใช่หรือไม่
“คุณหนูหลี่..”
จ้าวเฉียนยี่เอ่ยเรียกนางเมื่อเห็นว่าหญิงสาวจู่ ๆ ก็เงียบไป หลี่ถิงถิงตั้งสติสะบัดหน้าไล่ความคิดไร้สาระ ในเมื่อเป็นข้อดีทั้งยังช่วยบำรุงร่างกายเตรียมพร้อมสำหรับคืนนี้ ไม่น่ามีสิ่งใดต้องเป็นกังวล
“..ข้าพูดถึงไหนแล้ว อะ..ใช่ นี่เป็นน้ำสมุนไพรจากบ้านของข้า มันช่วยให้ท่านสร่างเมาได้”
นางไม่ได้โกหก สรรพคุณของมันทำให้ตื่นตัวจนสร่างเมาได้อย่างที่ว่าจริง ๆ ..
ดวงตาคมมองใบหน้างามเปื้อนยิ้มด้วยความหวาดระแวงยิ่งกว่าเก่า คิ้วหนาทรงกระบี่ก็ขมวดมุ่นจนคนตัวเล็กต้องแตะมันเบา ๆ เพื่อให้คลายออก
“ท่านขมวดคิ้วอีกแล้ว ไม่เชื่อใจข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือเจ้าคะ”
ดวงตากลมโตนัยตาสีดำขลับกระพริบตาปริบหัวคิ้วเลิกขึ้นหางตาตกดูเศร้าสร้อย ไม่รู้ด้วยแก้มป่อง ๆ คล้ายน้อยใจของนางหรือไม่เขาถึงยอมรับจอกในมือของนางขึ้นมาก่อนจะดื่มรวดเดียวจนหมด
“ขมหรือเจ้าคะ” สีหน้าบิดเบี้ยวขึ้นแม้เล็กน้อยหลี่ถิงถิงก็ทันสังเกตเห็น รีบรินน้ำชายื่นส่งให้จ้าวเฉียนยี่ดื่ม
“อืม..ไม่มาก” เสียงทุ้มตอบกลับทั้งที่เกือบสำลักออกมา
หญิงสาวลอบอมยิ้ม ก่อนจะยื่นส่งที่เขาบอกว่าขมไม่มากนั่นให้อีกจอก
“ต้องดื่มอีกหรือ” จ้าวเฉียนยี่ถามเอี้ยวตัวหนีแทบจะทันที สีหน้าบ่งบอกว่าไม่ชื่นชอบรสชาติน้ำใสนี้อย่างยิ่ง และไม่ต้องการดื่มมันอีกเด็ดขาด
หลี่ถิงถิงขยับกายเข้าไปหาชายหนุ่มช้า ๆ มือเรียววางลงขนาบข้างร่างสูง เคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้จนได้กลิ่นต้นสนอ่อนจากกายของเขา สีหน้านางออดอ้อนเสียยิ่งกว่าตอนแรก
“ถ้าให้ดีควรดื่มหมดไหเจ้าค่ะ พี่ใหญ่และพี่รองบอกมาเช่นนั้น หากท่านไม่ชอบ จะดื่มอีกสักหน่อยก็ได้เจ้าคะ”
“...”
สุดท้ายจ้าวเฉียนยี่ก็ดื่มน้ำสมุนไพรจากมือนางไปอีกสี่จอก จนเห็นว่าหน้าของเขาคล้ายจะสำรอกเต็มที ด้วยความสงสารจึงยอมรามือ ถึงเจ้าจ้าวเฉียนยี่จะดื่มไม่หมดไห ประสิทธิภาพอาจลดหย่อนลงบ้าง แต่กระนั้นก็ถือว่าประสบความสำเร็จ หึ! มาดูกันว่าคืนนี้ชายหนุ่มรูปงามข้างกายนางจะมีกำลังวังชามากมายเพียงใด แค่คิดก็อดใจรอไม่ไหวเสียแล้ว..