bc

สามีข้าได้โปรดอย่าเย็นชากับข้านักเลย

book_age18+
655
FOLLOW
2.9K
READ
love-triangle
HE
curse
drama
mystery
bold
loser
like
intro-logo
Blurb

นางแสร้งทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมอยู่เป็นปี ทำตัวประดุจดอกบัวขาวเช่นสตรีในดวงใจเขาทว่าต่อแต่นี้จะไม่มีอีกแล้วสตรีว่านอนสอนง่ายผู้นั้น ในเมื่อเป็นคนดีเพียบพร้อมแล้วไม่เคยสมหวังก็อย่าหาว่านางร้ายแล้วกันเล่าสามี

chap-preview
Free preview
บทนำ สตรีคนเดิมไม่มีอีกแล้ว
เดือนห้าของเมืองหลวงกำลังอยู่ในฤดูกาลที่อากาศอบอุ่น บุปผาพากันผลิบานทั่วเมืองส่งกลิ่นยอดหอมกรุ่น รถม้าพาเกี้ยวคันใหญ่ออกเดินทางจากจวนสกุลหลี่ตั้งแต่พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า ปลายทางไปยังอารามจิ้นฉือ ครั้นรถม้าเทียบหน้าอารามใหญ่ อาลู่ ที่กำลังกวาดลานหน้าอารามเห็นว่าเป็นผู้ใดมาจึงละสิ่งที่ทำอยู่เพื่อไปกล่าวทักทาย “คุณหนูหลี่ มาอีกแล้วหรือขอรับ” “เจ้าค่ะ” ในเวลาเดียวกันสตรีเรืองร่างมีส่วนเว้าโค้งน่าหลงใหล ใบหน้าหวานละมุนรับกับดวงตาดอกซิ่นยิ้มรับคำทักทายขณะก้าวลงมาจากรถม้า กิริยาท่วงท่างดงามอ่อนช้อย เป็นคุณหนูสามแห่งตระกูลหลี่ที่ชายหนุ่มทั่วแคว้นพากันใฝ่ฝันหา แม้ว่านางจะพ้นวัยออกเรือนมาแล้ว แต่ยังคงเป็นที่หมายปองของเหล่าบุรุษ ด้วยความงดงามไม่เป็นรองสตรีใดในเมื่องหลวง แต่เดิมแคว้นต้าฉินมียอดบุปผางามอยู่สองนาง ภายหลังจากบุปผางามอันดับหนึ่งอย่างจ้าวเสวี่ยซิน คุณหนูใหญ่สกุลจ้าวได้ตบแต่งออกเรือนให้แก่แม่ทัพใหญ่เฉินเฟยหยาง และดอกบัวขาวแห่งเมืองหลวงหลานอี้หนานกลายเป็นสตรีชั่วร้ายได้ตัดสินใจเนรเทศตัวเองออกจากแคว้นต้าฉินเพื่อหนีความอับอาย ตำแหน่งสาวงามอันดับหนึ่งจึงตกเป็นของหลี่ถิงถิงไปโดยปริยาย ด้วยภาพลักษณ์อ่อนหวานละมุนคล้ายตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ ไม่พอยังเพียบพร้อมทั้งชาติตระกูลและความร่ำรวย ชายใดก็ไม่กล้าปล่อยผ่านนางไป ติดเสียแต่ว่าคุณหนูสามสกุลหลี่ยามนี้หมั้นหมายกับจ้าวเฉียนยี่ เสนาบดีกรมกลาโหมหนุ่มจ้าวไปเสียแล้ว ทำให้บุรุษทั้งเมืองหลวงต่างพากันคอตกเดินกลับบ้านกันเป็นแถว หลี่ถิงถิงชอบพอจ้าวเฉียนยี่มานาน ตั้งมั่นจะตบแต่งตัวเองเข้าจวนสกุลจ้าว แต่ด้วยน้ำหนักในใจของเขามีเพียงแม่นางหลานอี้หนาน ถึงจะเกิดเรื่องใหญ่ สตรีในดวงใจของเขาเป็นผู้ร้ายลอบกัดพี่สาวเลี้ยงของตัวเองจ้าวเสวี่ยซินสหายนาง เสนาบดีจ้าวก็ยังไม่เปิดใจ ทั้งที่มีสัญญาหมั้นหมายต่อนางตั้งแต่สามปีก่อน จนตอนนี้วี่แววจะได้เข้าพิธีมงคลยังไม่คืบหน้า ที่ผ่านมาหลี่ถิงถิงปฏิบัติตัวดีดั่งดอกบัวขาวเช่นหลานอี้หนานเพื่อเอาใจคู่หมั้น หวังเพียงได้เสี้ยวหนึ่งในใจเขามาก็นับว่าดีแล้ว แต่ดูเหมือนนางจะคิดผิด ดั่งคำกล่าวที่ว่าผู้ที่ไม่ได้อยู่ในใจพยายามเป็นคนดีเพียบพร้อมเพียงใดย่อมไม่อยู่ในสายตา หึ ! ในเมื่อเป็นคนดีเรียบร้อยแล้วไม่ช่วยสิ่งใด เช่นนั้นนางก็จะร้ายกลายเป็นสตรียั่วยวนอันดับหนึ่งให้ดู “ท่านเจ้าอาวาสอยู่หรือไม่เจ้าคะ” “ท่านอยู่ด้านในขอรับ” หลี่ถิงถิงกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินเข้ามาด้านในพร้อมกับจื่อลั่วสาวใช้คนสนิท ด้านในกว้างขวางอาคารสิ่งปลูกสร้างใหญ่เห็นชัดตั้งแต่เดินเข้ามา แต่หญิงสาวสามารถเดินไปตามทางอย่างชำนาญราวกับมายังที่แห่งนี้เป็นร้อยเป็นพันครั้ง อารามจิ้นฉือเลื่องลือด้านความรักและโชคลาภ ไม่แปลกนักที่จะพบเหล่าคุณหนูในที่แห่งนี้ หลี่ถิงถิงเองก็เป็นหนึ่งในคุณหนูเหล่านั้นที่ต้องการมาขอพรเรื่องความรักและโชคลาภ แต่นางตระหนักถึงเรื่องแรกมากกว่าเรื่องหลัง มีที่พึ่งทางใดหลี่ถิงถิงก็ใช้หมด ต่อให้พึ่งในเรื่องดวงเรื่องลี้ลับนางก็ทำ! และเช่นเดิมเหมือนทุก ๆ สิบถึงยี่สิบวัน หลี่ถิงถิงจะเข้ามาอารามเพื่อดูเส้นชะตาชีวิต และขอพรให้เขาหลงนางจนโงหัวไม่ขึ้น ซึ่งดูเหมือนพรของนางกำลังต่อรออยู่ปลายแถวมันถึงไม่สมหวังเสียที! "เหอะ" คนงามพ่นลมหายใจขึ้นจมูก ทุกครั้งนางจะแสร้งหาเรื่องชวนเขามาจวน หรือไปยังจวนสกุลจ้าว ข้ออ้างมีร้อยพันจนใกล้จะหมดข้ออ้างอยู่เต็มที ขนมหวาน ขนมคาว ภาพวาด การเขียนพู่กัน หรือกระทั่งอ่านตำราขงจื้อ หลี่ถิงถิงใช้ข้ออ้างเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว อีกหน่อยคงใกล้ชำนาญทุกศาสตร์หากจ้าวเฉียนยี่ยังไม่ยอมโอนอ่อนต่อนาง! นางนั้นเกลียดการร่ำเรียนเสียยิ่งกว่าอะไร หากไม่ใช่เพื่อจ้าวเฉียนยี่แล้วล่ะก็นางไม่มีหยิบหนังสือพวกนั้นมาอ่านแน่ ๆ ครั้นได้ปรึกษาปัญหารักต่อสหายสนิท ได้ความถึงสาเหตุ และน่าจะเป็นสาเหตุรองลงมาจากช้ำรักจากหลานอี้หนาน นั่นคือ..สภาวะหย่อนยานไร้สมรรถภาพทางร่างกายและอารมณ์ ..น่าสงสารจริง ๆ “หรือข้าควรหาโอสถบำรุงให้แก่เขา” หญิงสาวครุ่นคิด ไม่พอยังหันไปถามจื่อลั่วด้วยว่า “จื่อลั่ว เจ้ารู้จักโอสถบำรุงร่างกายบ้างหรือไม่” “..อย่างที่คุณชายใหญ่และคุณชายรองทานประจำหรือไม่เจ้าคะ” “ละ..แล้วมันช่วยให้ สิ่งนั้นครึกครื้นด้วยหรือไม่” แก้มขาวขึ้นสีแดงระเรื่อ ไม่เคยคิดว่าพี่ใหญ่และพี่รองก็ทานเจ้าสิ่งนั้นเช่นเดียวกัน! ด้านจื่อลั่วหยุดคิดอยู่ชั่วครู่ เมื่อได้รู้ความหมายของคำว่าครึกครื้นคือสิ่งใดก็พลันหน้าแดงก่ำสู้หลี่ถิงถิงไปอีกคน “ค..คุณหนู! ไปจำสิ่งนี้มาจากผู้ใดกันเจ้าคะ คุณชายรองหรือ!” “ไม่ใช่พี่รอง.. คุณหนูใหญ่จ้าวต่างหาก” หลี่ถิงถิงเม้มริมฝีปากคอหดลงเล็กน้อยคล้ายว่าตัวเองกำลังทำผิดสิ่งใดบางอย่าง “!!” ครั้นจื่อลั่วได้ฟังก็หมดหนทางจะพูดสิ่งใดต่อ แย่ล่ะสิ คุณหนูใหญ่จ้าวสอนสิ่งใดให้คุณหนูของนางไปแล้วบ้างกันล่ะเนี่ย! “ช่างเถอะ ๆ ข้าไปถามพี่ใหญ่เองก็ได้” จื่อลั่วตาเหลือกโต รีบกล่าวห้ามทันควัน “ไม่ได้เด็ดขาดเจ้าค่ะ!! หากคุณชายใหญ่รู้ คุณหนูต้องโดนกักบริเวณแน่เจ้าค่ะ!” “เรื่องของบุรุษก็ต้องถามบุรุษเองสิถึงจะดี!!” ดูเหมือนคนตัวเล็กจะยังดื้อรั้นไม่ฟังความ ด้านจื่อลั่วเองก็ไม่กล้าจะขัดใจ จึงทำได้เพียงหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาตามมามากที่สุด “เรื่องนี้ให้บ่าวเป็นคนจัดการดีกว่าเจ้าค่ะ จะได้ไม่ลำบากคุณชายใหญ่ด้วย..” เพราะหากคุณชายใหญ่รู้เรื่องแล้วมีหวังคุณหนูของนางได้ถูกกักบริเวรเป็นแน่ “หืม.. เอาสิ ข้าจะนำไปเป็นของฝากแก่เขา” มุมปากสวยโรยด้วยรอยยิ้ม แววตาใสกระจ่างบริสุทธิ์ช่างขัดกับสิ่งที่นางต้องการจะทำเสียเหลือเกิน จื่อลั่วไม่แน่ใจแล้วว่าเป็นเพราะคุณหนูของนางจิตใจกล้าแกร่งไม่นึกอายหรือถูกสั่งสอนมาอย่างผิด ๆ โดยใครบางคนกันแน่.. จื่อลั่วนิ่งเงียบไร้คำจะกล่าว ..ทั้งอยากจะถามคุณหนูของนางเหลือเกินว่า สิ่งนั้นมันสามารถนำไปเป็นของฝากได้ด้วยหรือ.. หลี่ถิงถิงไม่ได้มีท่าทีเหนียมอายอย่างที่สตรีในห้องหอควรจะเป็น เนื่องจากนางคลุกคลีอยู่กับเหล่าพี่ชายนักรับชาญศึกเสียส่วนใหญ่ จึงซึมซับความห้าวหาญดั่งชายชาตรีมาบ้างเล็กน้อย ทั้งขี้ม้าหรือการจับดาบนางล้วนสนใจ แต่ท่านแม่กล่าวไว้ว่า บุรุษนั้นชื่นชอบสตรีกิริยาอ่อนช้อยงดงาม ที่สำคัญต้องรู้หลักสี่คุณธรรม สามคล้อยตาม หลี่ถิงถิงจึงยอมร่ำเรียนหลักสำคัญเหล่านั้นจนชำนาญไม่แพ้คุณหนูห้องหอคนใด แน่นอนว่าเพื่อคน ๆ เดียว นั่นคือ เสนาบดีจ้าว บุรุษในดวงใจของนาง ย้อนกลับไปเมื่อหลี่ถิงถิงอายุได้สิบสี่ปี ได้พบจ้าวเฉียนยี่ครั้งแรกที่อารามแห่งนี้ เด็กชายโดดเด่นเหนือผู้ใด ด้วยใบหน้างดงามสะอาดสะอ้าน หากไม่ใช่ว่ามีคิ้วหนาทรงกระบี่กับดวงตาคมเฉี่ยวและสันกรามที่เริ่มเด่นชัด นางคงคิดว่าเป็นสตรี เด็กชายดูอ่อนเยาว์กว่านางอยู่เล็กน้อย ส่วนสูงเท่ากันกับนางทว่าดูหนักแน่นมั่นคง และยังดูใจเย็นนิ่งขรึมไม่สมวัย หลี่ถิงถิงคิดว่าเป็นเพราะความงดงามโดดเด่นเกินวัยจึงทำให้นางสะดุดตา แต่ก็แค่สะดุดตาหาใช่ความรู้สึกลุ่มหลงไม่ เลยตั้งใจจะละความสนใจ แม้นางจะชื่นชอบบุรุษที่ดูไม่มีพิษมีภัยและดูเชื่องต่างจากพี่ชายทั้งสองที่จวนก็ตาม และจ้าวเฉียนยี่ดูตรงตามตำราบุรุษของนางทุกประการ ทว่านางไม่นิยมบุรุษที่อ่อนกว่าตัวเอง หลี่ถิงถิงคิดเช่นนั้นจวบจนดวงตากระจ่างใสของเขาเลื่อนสบประสาน ทุกอย่างพลันหยุดชะงักไป รอยยิ้มอ่อนละมุนละไมดุจปุยเมฆถูกมอบมาให้แก่นาง หลี่ถิงถิงสะอึกตาพร่ามัว อากาศอบอุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็ไม่อาจเทียบความอบอุ่นของรอยยิ้มจ้าวเฉียนยี่ได้เลย นับจากวันนั้นได้ผ่านมาถึงสิบปีตั้งแต่พบหน้าจ้าวเฉียนยี่ครั้งแรก และมันใช้เวลาเพียงหนึ่งหยดน้ำที่ดวงใจของนางได้กลายเป็นของเขา หากถามหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวคุณหนูสามสกุลหลี่ คงสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าการมั่นคงในรักต่อบุรุษเพียงคนเดียวตลอดครึ่งชีวิตของนางตอนนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ฮึ่ม! หญิงสาวพ่นลมขึ้นจมูกหลังจากจบความคิด มันควรจะราบรื่นดั่งที่นางหวัง แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อมารู้ในตอนหลังว่า คนที่เขายิ้มให้เป็นคุณหนูหลานอี้หนานบุตรสาวราชครูหลานที่กำลังเดินมาจากด้านหลังของนางต่างหาก! นี่นางถูกแย่งชิงหัวใจไปเพียงเพราะความเข้าใจผิดงั้นรึ! บิดามันเถอะ! แต่เอาเถอะ.. รอยยิ้มนั้นของจ้าวเฉียนยี่สักวันจะต้องมอบให้แก่นางผู้เดียว ..แต่ทว่า ความกล้าที่หลี่ถิงถิงแสนภูมิใจไม่ได้มีมากพอให้เข้าแทรกกลางระหว่างพวกเขาทั้งคู่ เมื่อเป็นเช่นนั้นนางจึงทำได้เพียงมองดูอยู่เงียบ ๆ แต่เหมือนโชคชะตาจะยังไม่ทอดทิ้งนาง เมื่อจ้าวเสวี่ยซิน คุณหนูใหญ่จ้าวผู้เป็นพี่สาวเลี้ยงจ้าวเฉียนยี่ยื่นข้อต่อรอง มอบโอกาสให้ได้ใกล้ชิดแลกกับการที่นางช่วยเหลือจ้าวเสวี่ยซินในแต่ละเรื่อง แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นการกลั่นแกล้งสตรีคนอื่นที่เข้าใกล้แม่ทัพเฉินเฟยหยางเสียมากกว่า เป็นอยู่เช่นนั้นเกือบสี่ปี จวบจนสหายสนิทถูกโจรค้าทาสลักพาตัวไป ได้กลับมาเมืองหลวงอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือจากแม่ทัพเฉิน จ้าวเสวี่ยซินได้กลายเป็นคนละคน ซึ่งหลี่ถิงถิงเองชอบจ้าวเสวี่ยซินคนปัจจุบันนี้มากกว่าแต่ก่อนเป็นไหน ๆ ความคิดสิ้นสุดลงเมื่อนางเดินมาหยุดที่หน้าอารามหนึ่ง ด้านในมีรูปปั้นชายแก่องค์หนึ่งตั้งโดดเด่นอยู่ใจกลางอาราม ด้ายแดงพันรอบมือรูปปั้นร้อยเรียงไปตามคานด้านบนจนเต็มทั่วห้อง ทุกคู่สายตาภายในอารามหันมองมายังสตรีผู้มาใหม่เป็นตาเดียว สายตาพวกนางคล้ายไม่แปลกใจที่พบคุณหนูสามในที่แห่งนี้ หากไม่พบเจอหน้าคุณหนูสามหลี่น่ะคงเป็นเรื่องแปลกที่สุดในชีวิตพวกนางเสียงมากกว่า.. หลี่ถิงถิงหาได้สนใจสายตาเหล่านั้นไม่ เจ้าตัวเดินตรงไปยังหน้ารูปปั้น จื่อลั่วเองก็รู้งานหยิบด้ายแดงในหอบผ้าออกมายื่นแก่คุณหนูของตัวเอง และหากใครตั้งใจมองให้ดีจะเห็นว่าในหอบผ้านั้นมีด้ายแดงอยู่เป็นมัด ๆ ! “ขอท่านได้โปรดประทานความรักของจ้าวเฉียนยี่ทั้งหมดให้แก่ข้า” หลี่ถิงถิงหลับตาพูดเสียงแผ่วเบา กระนั้นก็ดังพอให้จื่อลั่วที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยิน และอดไม่ได้ที่จะหยอกเย้าคุณหนูของนางไปว่า “คุณหนูขอแบบนี้ทุกครั้งที่มา ถ้านับตั้งแต่สิบปีก่อนนี่ก็เกินรอบที่ร้อยได้แล้วนะเจ้าคะ พอเถอะเจ้าค่ะ ท่านจะลำบากใจเอาได้นะเจ้าคะ!” “จื่อลั่ว ข้าขอมาเป็นสิบปี ไม่เคยสมหวังดั่งที่ขอพรไว้สักครา ในเมื่อองค์ท่านลำเอียงลืมคำขอของข้า ข้าก็จะมาย้ำเตือนทุกวันที่มีโอกาสจนคำขอของข้าเต็มหน้ากระดาษท่านเลยคอยดูเถอะ ฮึ่ย!” "โถ่ คุณหนู องค์ท่านก็ต้องการพักผ่อนบ้างนะเจ้าคะ.." ใบหน้าหวานไม่สนใจคำพูดจื่อลั่ว เงยขึ้นแยกเขี้ยวใส่อากาศด้วยความคับแค้นใจ หน๊อย! คุณหนูคนอื่นที่มาขอพรพร้อมกันกับนางต่างถยอยตบแต่งออกเรือนไปทีละคน จนตอนนี้เหลือนางผู้เดียวที่ต้องแห้งเหี่ยวติดเรือนก็เพราะจ้าวเฉียนยี่ยังไม่ยอมแต่งนางเข้าจวนเสียที! ทั้งที่มีสัญญาหมั้นหมายต่อกันตั้งแต่สามปีก่อน เจ้าตัวกลับประวิงเวลามาเรื่อยกระทั่งท่านพ่อของนางชี้คำขาด หากนางไม่ตบแต่งออกเรือนก่อนครบยี่สิบห้าปีในอีกหกเดือนข้างหน้าจะจับนางแต่งให้กับบุรุษอื่นแล้ว! โหดร้ายที่สุด! “อย่ารอช้าเลย เรารีบเข้าไปด้านในกันเถอะ ท่านเจ้าอาวาสคงรอข้านานแล้ว” หลี่ถิงถิงรีบลุกขึ้นเดินปรี่ไปอีกด้านหนึ่งของอารามอย่างเร่งรีบ “เจ้าค่ะ” จื่อลั่วตอบรับทว่าภายในใจต่างรู้ดีว่าหากท่านเจ้าอาวาสไม่รอก็คงได้ปวดหัวโดนคุณหนูของนางตามหาทั้งวันเป็นแน่.. ตลอดระหว่างทางเดิน กลิ่นหอมยอดบุปผาผลิดอกตลบอบอวล ต้นไม้สูงใหญ่แน่นขนัดสร้างบรรยากาศร่มรื่ม เขตอารามด้านในเงียบสงบไร้เสียงรบกวน จะมีเพียงเสียงกวาดใบไม้ดังคลอเป็นจังหวะจากกิจวัตรประจำวันของเหล่าหลวงจีน แต่แล้วความเงียบสงบพลันดับคลื่นลงมาเมื่อมีเสียงหวานตะโกนดังลั่นมาจากทางศาลา “จริงหรือเจ้าคะ!!” หลี่ถิงถิงตาเหลือกหายใจเข้าปอดอึกใหญ่ ขยี้หูตัวอีกหนึ่งทีเพื่อให้แน่ใจว่านางฟังไม่ผิด “..ข้าไม่พูดปดหรอกแม่นางหลี่ หากพ้นฤกธ์ยามนี้ไปแล้วพวกเจ้าทั้งคู่คงไร้วาสนาต่อกัน ไม่อาจผูกกันได้อีก แต่หากได้ตบแต่งในปีนี้ จะไม่แคล้วลูกหลานเต็มเรือน” คิ้วเรียวสวยขมวดแน่นเพื่อใช้ความคิด ก่อนจะสรุปได้ว่า “...ท่านจะบอกว่าหากข้าไม่รวบหัวรวบหางเขาในปีนี้ ..เขาจะต้องตกเป็นของผู้อื่นหรือเจ้าคะ” “...” ท่านเจ้าอาวาสนิ่งเงียบไร้คำจะกล่าว ความหมายที่แท้จริงอาจไม่ได้ต่างจากที่หลี่ถิงถิงเข้าใจ ทว่าการคิดอย่างนั้นมันก็… ได้เช่นกัน..หรือไม่กันนะ.. แม้แต่ท่านเจ้าอาวาสก็คิดไม่ตก ระหว่างนั้นหลี่ถิงถิงไม่อาจรอช้า เจ้าตัวโน้มกายทำความเคารพก่อนเร่งฝีเท้าจนเกือบวิ่งออกจากศาลา “คุณหนูอย่าวิ่งสิเจ้าคะ ไม่งาม!” จื่อลั่วร้องตามแต่ดูเหมือนว่าหลี่ถิงถิงจะลืมกิริยาอ่อนช้อยที่ร่ำเรียนมาจนหมดสิ้น ไม่พอยังกล่าวคำน่าใจหายใจคว่ำกับสาวใช้คนสนิทด้วยว่า “บอกท่านพ่อ ข้าจะไม่รอแล้ว เตรียมรถม้าเกี้ยวเจ้าสาวข้าจะส่งตัวเองเข้าจวนเสนาบดีจ้าว ข้าจะไปสู่ขอจ้าวเฉียนยี่ด้วยตัวเอง!!” จื่อลั่วถึงกับหยุดฝีเท้าที่กำลังวิ่งตามจนเกิดเสียงเสียดสีดังลั่น! นางเอ่ยเสียงสั่น ๆ แม้จะรู้ว่าห้ามปรามไปก็ไร้ประโยชน์ก็ตามที.. “..คุณหนูใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ!!!” "หากเป็นเจ้าได้รู้ว่า สามีกำลังจะหลุดไปพลอดรักกับสตรีอื่นเจ้าจะยินยอมงั้นรึ!!" สามี.. คุณหนูมีสามีตอนไหน.. แต่คำว่าหลุด มันไม่ควรใช้กับคนนะเจ้าคะ!! "สามี.. คุณหนูกำลังพูดถึงผู้ใดหรือเจ้าคะ" "ก็จ้าวเฉียนยี่ไงเล่า จะมีใครอื่นอีก!!" หญิงสาวเดินกระทืบเท้าสีหน้าบอกบุญไม่รับ แตกต่างจากจื่อลั่วที่ยามนี้ยังคงสับสนว่าคุณหนูของนางไปได้เสียกับท่านเสนาบดีจ้าวตอนไหน ถึงกล่าวคำว่าสามีได้เต็มปาก..?! หลี่ถิงถิงที่เห็นสาวใช้คนสนิทข้างกายมีใบหน้าคล้ายสงสัยจนแทบจะได้ยินคำว่า ตอนไหน ๆ พ่นออกมาจากปากของจื่อลั่ว สตรีร่างบางที่กำลังเร่งรีบเดินจำต้องหยุดและหันไปกล่าวเตือนสติสาวใช้ของตนให้จำเอาไว้ให้ขึ้นใจ ! "ข้ามอบทั้งหัวใจและจวนเจียนจะส่งตัวเองเข้าจวนเสนาบดีจ้าวไปแล้ว หากไม่ใช่สามี เจ้าจะให้ข้าเรียกว่าอะไร ท่านพ่อรึ!!" "แน่นอนว่าไม่ใช่เจ้าค่ะ" เสียงหวานของหลี่ถิงถิงราวกับมีดกรีดแทงกลางใจ ถึงอย่างนั้นจื่อลั่วยังคงมีใบหน้านิ่งเฉย เฉยเสียจนไร้ความรู้สึก เพราะคำพูดเจ็บแสบเช่นนี้นางชินและชาไปนานแล้ว.. และจื่อลั่วไม่เชื่อด้วยว่าคุณหนูของนางจะกล้าทำอย่างที่ปากว่า เพราะหากเป็นต่อหน้าท่านเสนาบดีกลาโหมจ้าวเฉียนยี่ คุณหนูของนางจะกลายเป็นสตรีตัวเล็กเรียบร้อยบริสุทธิ์ดุจผ้าขาวทันที ไม่มีท่าทางราวกับนางมารฝีปากกล้าเช่นนี้หรอก ..ถึงอย่างไรก็ตาม ภายหลังจื่อลั่วต้องเปลี่ยนความคิดตัวเองเสีบใหม่นับแต่ตอนนี้ เมื่อคุณหนูของนางสลัดคราบดอกบัวขาวทิ้งอย่างไม่ใยดี ยกสัมภาระและสินเดิมของตัวเองยัดใส่เกี้ยวเจ้าสาว เตรียมตัวออกเดินทางพร้อมไปสกุลจ้าวในช่วงเย็นเรียบร้อย และไม่ต้องสังสัยเลยว่าเหตุใดท่านเจ้าเมืองถึงคล้อยตาม เพราะขอแค่เพียงใดเห็นน้ำตาประดิษฐ์ของบุตรสาวมากกว่าเดิมนิดหน่อยก็ยอมใจอ่อนตอบรับคุณหนูของนางเสียแล้ว...

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

ใต้ปีกเจ้าพ่อ

read
2.5K
bc

ชะตาต้องรัก

read
3.6K
bc

มัดใจ'รุ่นพี่วิศวะตัวร้าย

read
6.9K
bc

รักนอกพันธสัญญา

read
3.8K
bc

บอสคนนี้เป็นของเธอนะ

read
4.0K
bc

หัวใจของยมฑูตอบอุ่นมากนะ : Grim Reaper and The Warm Heart

read
1.0K
bc

แค้นรักวายุภักษ์

read
1.3K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook