หนี้

1565 Words
“ห้าล้าน! คุณอาเล่นพนันเสียเงินไปห้าล้าน! ทำไมคุณอาไม่เอาบ้านเอารถไปเข้าธนาคารละคะ? ทำไมต้องให้ปรายมาที่นี่” “อาหมุนเงินไม่ทันหรอก ทั้งบ้านทั้งรถก็ติดไฟแนนซ์ไปหมดแล้ว ปรายต้องช่วยอานะ” “จะช่วยอายังไงคะ ปรายไม่มีเงินขนาดนั้นหรอกค่ะ” “ก็หนูไง” “อะไรนะคะ ปรายไม่เข้าใจ” “ก็เอาตัวปรายไปใช้หนี้แทนก่อนไง” “คุณหมายขายปรายใช้หนี้เหรอคะ” “อย่าพูดแบบนั้นซิ อาเองก็เสียใจนะ แต่มันจำเป็นจริงๆ เสี่ยเขาเป็นคนดี ทำตัวดีๆ เดี๋ยวเขาก็ปล่อยตัวปรายเองนั้นแหละ” “คนดีที่ไหนเขาทำกันแบบนี้ค่ะ” คราวนี้เธอขึ้นเสียง และรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังจะเข้ามา ไม่มีเวลาให้คิดต่อรองใดๆ ทั้งนั้น ไปรยาคว้ากระเป๋าตัวเองได้ก็อาศัยจังหวะที่ประตูเปิดออก เธอแทรกตัวออกไปทันที วิ่งไปตามทาง ได้ยินเสียงตะโกนเรียกไล่หลัง คิดว่าวิ่งแบบนี้อีกฝ่ายต้องตามทันแน่ๆ บังเอิญเธอเห็นประตูห้องพักห้องหนึ่งเปิดแง้มไว้ เธอจึงแทรกเข้าไปและแอบมองเห็นคนที่วิ่งไล่ตาม3-4คนวิ่งเลยไป ยังไม่ทันได้ถอนหายใจก็รู้สึกว่าในห้องไม่ได้มีเธออยู่คนเดียว “เจนนี่ส่งมาใช่ไหม” ไปรยาจำน้ำเสียงดุดันของเขาได้ เธอนี่ช่างหนีเสือปะจระเข้เสียจริง ยิ่งเห็นว่าเขามีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวกันท่อนล่าง ก็เล่นเอาเธอเผลอร้องตกใจไปเหมือนกัน แต่พอคิดว่าอาแท้ๆ พาเธอมาขายเธอเป็นนางบำเรอใช้หนี้การพนันห้าล้านบาท แม้จะถูกเลี้ยงดูมาในฐานะลูกคนหนึ่ง แต่ให้ขายตัวใช้หนี้แบบนี้ เธอต้องหนีสถานเดียวเท่านั้น! เธอจึงแอบอ้างเป็นแม่บ้านที่เขาทึกทักว่าเธอเป็นไป หญิงสาวค่อยๆ กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของตัวเองไปจนหมดชาม ไม่รู้ชีวิตต้องเจออะไรอีกบ้าง แต่ยังไงตอนนี้เธอต้องหาทางเอาตัวรอดก่อน ถ้าเป็นหนี้เพราะเรื่องอื่นเธออาจจะหาหนทางช่วยได้ แต่หนี้จากการพนันเธอไม่อยากคิดเลยว่า เท่าไหร่?มันถึงจะพอ และจุดจบของผู้หญิงที่ถูกส่งมาใช้หนี้จะเป็นอย่างไร เอาเถอะ ตอนนี้สวมรอยเป็นแม่บ้านไปก่อน เรื่องทำงานบ้านเธอไม่มีปัญหาอะไรเพราะมันก็หน้าที่หลักของเธอในบ้านของอาธงชัยอยู่แล้ว ค่อยหาทางพูดกับเขาเผื่อเขาจะเข้าใจ ส่วนจะหาทางออกยังไงค่อยว่ากันอีกที ไปรยาเก็บถ้วยชามไปล้างและเตรียมตัวเข้านอน ภูมิพยัตหลับเอาเกือบสว่าง นอนพลิกตัวไปมาคิดถึงแม่บ้านตัวเล็กจิ๋วที่รับมาทำงานที่บ้าน ดูท่าทางไม่เหมือนแม่บ้านทั่วๆไป ไม่ค่อยมั่นใจว่าเจนนี่ส่งผู้หญิงแบบไหนมาให้ จะไว้ใจได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ร้อยทั้งร้อยจ้างมาทำงานที่ไหร่ อยากได้แต่งานสบายบนเตียงอย่างเดียว หรือไม่ก็หวังจะได้เป็นคุณนายอยากจับเขาเสียนี่ เห็นตัวเล็กๆ ดูใส่ซื่อก็ไม่รู้ว่าจะซ่อนเขี้ยวเล็บอะไรไว้ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเตรียมเข้าไปในโรงงานแล้ว เขาก็เดินลงมาชั้นล่าง ได้กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นก็นึกประหลาดใจไม่ได้ “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณพยัต” “เอ่อ...” เขาไม่คุ้นชินกับคำทักทายตอนเช้า แต่ก็เดินมาที่โต๊ะอาหารกลางครัว “พอดีมีแค่ขนมปังปิ้งกับไข่ดาว ปรายก็เลยทำไว้ให้คุณค่ะ นี่กาแฟดำค่ะ คิดว่าคุณคงดื่มกาแฟไม่ใส่น้ำตาล” “ขอบใจ” เขานั่งลงและยกกาแฟขึ้นดื่ม “คุณควรอธิบายขอบเขตงานของฉันนะคะ” “คุณนี่ใจร้อนดีเหมือนกันนะ” ภูมิพยัตหยิบขนมปังปิ้งขึ้นมากัดกิน “บ้านผมไม่มีเครื่องปิ้งขนมปัง คุณทำยังไง” “ก็ใช้กระทะไงค่ะ” ไปรยาขมวดคิ้ว นี่คำถามทดสอบหรือเปล่านะ “เจนนี่บอกอะไรคุณบ้าง” เขาเริ่มจัดการไข่ดาวในจาน “ก็ไม่ได้บอกอะไรเป็นพิเศษค่ะ” “บอกผมว่าเจนนี้บอกอะไรคุณ” “ก็คุณต้องการแม่บ้านไงคะ ก็แค่นั้น” ไปรยากลืนน้ำลายลงคอ น้ำเสียงเฉียบขาดของเขาไม่เหมาะที่จะสารภาพความจริงในตอนนี้แน่ๆ “ไม่มีอย่างอื่น” “ไม่ค่ะ ไม่มี” เธอยืนยัน “ก็ดี” เอาเถอะ ถ้าทำงานได้ดีค่อยจ่ายค่านายหน้าเจนนี่ไป แต่ถ้าอยู่ไม่รอดหรือทำอะไรเกิดหน้าที่ เจนนี่ตายสถานเดียวเท่านั้น! “เอาล่ะ ผมต้องการแม่บ้านดูแลบ้านผมก็คือหลังนี้ กับบ้านของพ่อกับแม่หลังโน้น” เขาพยักหน้าไปหน้าต่าง “ค่ะ”เธอมองตามแล้วก็เห็นเรือนหลังใหญ่ใกล้ๆกัน “เมื่อก่อนป้าประนอม เป็นแม่บ้านดูแลบ้านสองหลังนี้ ทำงานมาเกือบยี่สิบปีแล้ว แต่ตอนนี้ลาออกไปเลี้ยงหลาน ผมเลยต้องหาแม่บ้านมาทำงานแทน อาจจะดูเหมือนงานหนักไปหน่อยที่ต้องดูแลบ้านสองหลัง แต่เรือนหลังใหญ่ไปทำความสะอาดทุกสามวัน ส่วนอาหารบางวันแม่ผมจะทำเอง คุณก็คอยดูท่านแต่ถ้ามื้อไหนไม่ทำ คุณก็จัดการได้ พ่อผมเป็นเบาหวานเรื่องอาหารต้องดูแลเป็นพิเศษ จะมีคู่มืออยู่เดี๋ยวผมหาให้ เสื้อผ้าก็มีเครื่องซักผ้า อันไหนควรรีดก็รีด อันไหนไม่ต้องรีดก็พับให้เรียบร้อย ผมไม่เลี้ยงหมาแมวไม่มีเด็ก คุณคิดว่าไหวหรือเปล่า” “ไหวค่ะ” “ตอบเร็วจริง คิดก่อนก็ได้นะ” เขาส่ายหน้าไปมา “ฉันตอบอย่างที่คิดว่าตัวเองคิดนี่ค่ะ” เธอเม้มปากอย่างไม่พอใจ “เอาล่ะ ผมจะพาคุณไปแนะนำกับพ่อแม่ก่อนจะได้ไปโรงงานเสียที” “โรงงาน?” “อ้าว เจนนี่ไม่บอกเรอะ จริงซิ เมื่อคืนก็มาดึกนี่คงไม่ทันเห็น ผมเป็นเจ้าของโรงงานแปรรูปไม้ยางพารา อยู่ห่างจากบ้านไปประมาณสามกิโลเมตร อ้อ เอาเบอร์มือถือคุณมาหน่อยซิ เผื่อมีอะไรด่วน” ไปรยากำลังจะบอกเบอร์มือถือตัวเองไปแล้วก็หุบปากเสีย เขาเห็นเงียบไปก็แปลกใจ “มีอะไรรึ” “ฉันไม่มีมือถือค่ะ คือ...มันพังฉันไม่มีเงินซ่อม” “ยากจนจริงนะ” เขาเค้นเสียงในลำคอเหมือนไม่ค่อยเชื่อนักแต่ก็เดินไปหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าที่ยังใช้ได้อยู่ส่งให้ “เครื่องสำรองของผม มันมีเบอร์เดียวคือเบอร์ผมอยู่ในนั้น ชาร์จแบตไว้ใช้ไปก่อนก็แล้ว” ไปรยายกมือไหว้ก่อนรับของ “เฮ้ย!ไม่ต้องไหว้ก็ได้” “แม่สอนว่ารับของผู้ใหญ่ให้ยกมือไหว้” เธอทำหน้าแปลกใจที่เขาบอกเธอไม่ต้องไหว้ก็ได้ “เก็บไปไหว้คนแก่กว่าเถอะ “ก็คุณไงคะ” “ผมแค่สามสิบสอง” ไปรยานับนิ้ว “ก็แก่กว่าปรายตั้งแปดปีนี่คะ” “เอาเป็นว่า ไหว้คนอื่นไม่ต้องไหว้ผม” “ก็ได้ค่ะ” เธอแอบถอนหายใจ ‘ท่าทางเอาใจยากจริงๆตาบอสคนนี้’ แล้วเดินตามเขามาที่บ้านหลังใหญ่ บ้านสวยเหมือนซ่อนตัวไม่ให้ใครรู้จัก ไปรยาอดยิ้มไม่ได้กับความร่มรื่นจากต้นไม้น้อยใหญ่รอบบ้าน เธอฝันเหลือเกินถ้ามีบ้านจะปลูกต้นไม้เยอะๆแบบนี้ ภูมิพยัตเพิ่งสังเกตคนตัวเล็กเต็มๆตา ดูจากสายตาแล้วเธอน่าจะสูงแค่160เซนติเมตร รูปร่างเล็กผอมบางผิวขาวดูราวกับตุ๊กตากระเบื้องที่พร้อมจะแตกได้ ผมยาวเหยียดตรงนั้นถูกรวบไว้ด้านหลัง เธอสวมชุดกระโปรง ดูเหมือนคนมาเที่ยวมากกว่ามาทำงานบ้านด้วยซ้ำ “พ่อครับ แม่ครับ อยู่ไหนกันเอ่ย” เขาถามทันทีที่เปิดประตูบ้าน ชายหนุ่มเดาว่าน่าจะอยู่สวนย่อมที่ตอนเช้าพ่อมักจะนั่งอ่านหนังสือพิมพ์พร้อมดื่มกาแฟไปด้วย เมื่อเดินไปก็เห็นพ่อนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ส่วนแม่ยกชามข้าวต้มมาพอดี เป็นไปตามคาดพ่อกับแม่ดูจะประหลาดใจกับคนที่เขาพามาด้วย “ไอ้เสือ นี่เอ็งพาเมียมาให้พ่อแม่รู้จักแล้วเรอะ!” คำพูดของชายวันหกสิบเจ็ด ทำเอาไปรยาหน้าแดงขึ้นมาทันที เธอยกมือขึ้นโบกไปมาปฏิเสธทันที “ไม่ใช่ค่ะ หนูเป็นแม่บ้านค่ะ” “ตายจริง!ตาภูมิ ไปเอาน้องมาจากไหน ตัวเล็กๆแบบนี้จะเป็นแม่บ้านได้ไง เป็นแฟนก็บอกมาเถอะ อายุขนาดนี้แล้วพ่อกับแม่รับได้” ภูมิพยัตยกมือขึ้นกุมขมับ เห็นแบบนี้พ่อกับแม่ของเขาอารมณ์ดีชอบหยอดมุขให้ชงตามไม่ทันหลายครั้งก็มี พ่อมักจะเรียกเขาว่า ‘ไอ้เสือ’ ส่วนแม่จะเห็นเขาเป็นเด็กเรียบร้อยเรียก ‘ภูมิ’ แต่ก็มีแค่สองคนนี้เท่านั้นที่เรียกเขาได้แบบนี้ สำหรับคนอื่นแล้วเขาคือ ‘ภูมิพยัต’ที่ทุกคนยำเกรง และมีสิทธิ์เรียกเขาว่าคุณพยัตเท่านั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD