ทั้งตัวเล็กและขาสั้นด้วย

1489 Words
“ผมภูมิพยัต เรียกพยัตก็พอ อ้อชื่อผมเขียนด้วยพานยักษ์ไม้หันอากาศตอเต่า พยัตที่แปลว่าฉลาดเฉียบแหลม อย่าสะกดผิดล่ะ” เขาบอกแล้วหยิบกางเกงยีนมาสวม “คุณ!ไปใส่เสื้อผ้าในห้องน้ำซิ!” หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหน้า “อะไรกันคุณนี่ก็...” เขาพลอยเขินไปด้วย จำใจต้องหยิบเสื้อผ้าเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบ นึกแปลกใจทำไมต้องทำตามเธอสั่งด้วยนะ เขาเป็นเจ้านายนี่ ไปรยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ รีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าให้ว่าที่เจ้านายอย่างรวดเร็วแต่เรียบร้อย กระนั้นก็อดกังวลคนที่จะตามมาจับตัวเธอไม่ได้ ไม่เอาล่ะ ยังไงเธอก็ไม่ยอมถูกส่งไปขายตัวใช้หนี้พนันให้อาธงชัยเด็ดขาด ถึงจะเคยเลี้ยงดูเธอมาอย่างไร แต่จะให้ตอบแทนบุญคุณแบบนี้เธอยอมไม่ได้ เธอได้แต่ขอโทษคุณอาในใจ ขอไปตายเอาดาบหน้า หากหาลู่ทางใช้หนี้ได้เมื่อไหร่จะติดต่อกลับไป ไม่กี่นาทีต่อมา ภูมิพยัตก็ออกมาจากห้องน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ด้วยเสื้อยืดกับกางเกงยีนเพิ่มเติมด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก็อต เขาสวมรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อเสร็จก็หยิบกุญแจรถจะเดินออกมา หญิงสาวถือกระเป๋าตัวเองและถือเป้เสื้อผ้าให้เขา แต่เพราะเธอตัวเล็กมันดูขัดหูขัดตาจนชายหนุ่มเป็นฝ่ายคว้ากระเป๋าของเธอมาถือให้เสียเอง “คุณพยัตค่ะ นั่นกระเป๋าฉันนะคะ” เธอพูดขึ้นแล้วก้าวเร็วๆ ตามร่างสูงที่ก้าวช้าแต่ก้าวได้ยาวกว่าเธอนัก “ก็รู้แล้ว คุณมีสัมภาระอะไรอย่างอื่นอีกไหม?” “ไม่ค่ะ ไม่มี แต่ฉันเป็นลูกจ้างนะคะ” เธอจะตกงานตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มหรือเปล่านะ ไปรยาเอ๊ย! “รู้แล้ว แล้วรู้ไว้ด้วยว่าที่ทำให้นี่ไม่ได้เห็นใจ แต่ไม่อยากให้คนอื่นมองผมไม่ดี” ภูมิพยัตพูดเสียงเรียบแล้วลงลิฟต์ อดเหลือบตามองคนตัวเล็กไม่ได้ แค่เดินตามยังหอบแล้วจะมีแรงทำงานบ้านอะไรไหวเนี้ย! นาทีต่อมาทั้งสองก็มาหยุดที่เคาน์เตอร์ ไปรยาก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาใครและกลัวใครจะเห็นหน้า เขาคืนกุญแจห้องแล้วเดินนำออกมาที่รถกระบะที่จอดอยู่ ยัดกระเป๋าใส่เบาะหลังรถแล้ว แต่เพราะเป็นรถกระบะโฟว์วิลสูง เขาเห็นท่าทางปีนขึ้นรถของเธอแล้วก็ส่ายหน้าไปมา จำใจจับเอวเธอไว้แล้วช่วยประคองให้เธอเข้าไปในรถได้ง่ายขึ้น “ขอบคุณค่ะ” เธอทำหน้าไม่ถูก “รถคุณสูงไปนะ” “รถผมผิดซินะ” “ก็ฉันตัวเล็กนี่” “ทั้งตัวเล็กและขาสั้นด้วย” “ปาก...” “อะไรนะ” “เปล่าค่ะ” “งั้นเราไปเถอะ” “ค่ะ” ไปรยาได้แต่ถอนหายใจเบาๆ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาแน่ๆ ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น แต่ต่อไปนี้ขอลิขิตชีวิตตัวเองเถอะนะ ไปรยา! อาจเป็นเพราะความเครียดและเสียงเพลงเบาๆในรถ ทำให้ไปรยาเผลอหลับในรถอย่างไม่รู้ตัว มารู้สึกตัวอีกที ก็เหมือนรถโคลงไปเคลงมา อาจเพราะถนนขรุขระ เธอสะลึมสะลือตื่นไม่เต็มตา แต่รู้สึกว่ามีมือใหญ่ประคองศีรษะไม่ให้ไปกระแทกกับกระจกรถ ฃ มือหยาบกระด้างนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด เธอไม่ฝืนและปล่อยให้ตัวเองหลับตาอยู่อย่างนั้นจนรถผ่านทางขรุขระ มือนั้นจึงถอยห่างและไม่นานนักรถก็จอดสนิท เธอลืมตาก่อนที่เขาจะเรียก เขาเพียงพยักหน้าให้เหมือนจะบอกว่าถึงแล้ว ไปรยาปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วค่อยๆ ก้าวลงจากรถ ไม่อยากให้เขาต้องมาคอยดูและหาเรื่องแซวเธออีก เขานั้นแหละผิดที่ดันตัวสูงยังกะเสาไฟฟ้า “หลับยาวเลยนะคุณ ไม่กลัวผมพาเข้าป่าเข้าดงที่ไหนรึ” “ถ้าคุณจะทำแบบนั้นจริง คงไม่ห่วงว่าฉันจะกระแทกกระจกรถหรอกค่ะ” เธอพูดไม่ทันคิด พอเห็นเขาเงียบไปก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ หรือตัวเองพูดอะไรผิดไป “เข้าบ้านเถอะ ผมเหนื่อยแล้ว” “ค่ะ” หญิงสาวเก็บปากเก็บคำ ยอมเดินตามร่างสูงอย่างว่าง่าย บ้านหลังน้อยน่ารักอยู่เบื้องหน้า ทางขวามือมีบ้านอีกหลังใหญ่กว่าเท่าตัว แต่มันก็มืดเกินกว่าเธอจะเห็นรายละเอียดอื่นๆ รู้เพียงแค่ว่าที่ไหนห่างไกลตัวอำเภอเหลือเกิน ภูมิพยัตไขกุญแจบ้านเปิดประตู แล้วเอื้อมมือเปิดไฟให้บ้านสว่างก่อนจะเบี่ยงตัวให้หญิงสาวก้าวเข้ามา “บ้านมีสองชั้น ห้องนอนผมอยู่ชั้นบน ห้องคุณอยู่ชั้นล่าง” เขาชี้นิ้วบอกทาง “คืนนี้พักผ่อนก่อนพรุ่งนี้คอยว่ากัน” “เอ่อ...” เธอเรียกเขาไว้ก่อน ร่างสูงชะงักแล้วหันมามองด้วยสายตาคมกริบ “ว่า?” “คือ...ฉันหิวค่ะ ขอทำอะไรกินหน่อยได้ไหมคะ” “อ่อ ลืมไป เห็นหลับก็เลยไม่ได้ถามว่าจะแวะกินอะไรไหม?” เขาเองก็ขับรถเพลินไป ปกติขับรถคนเดียวไม่ค่อยมีตุ๊กตาหน้ารถเสียด้วยสิ “คุณหิวไหมคะ ฉันจะทำเผื่อ แต่ฉันไม่รู้ว่าในครัวคุณมีอะไรบ้าง” “คงมีพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่นะ ลองดูแล้วกัน” ไปรยาได้แต่พยักหน้ารับ ดูท่าทางว่าที่เจ้านายจะไม่ชอบคนพูดมาก เธอเลยไม่เซ้าซี้ที่จะถามว่าเขาจะกินด้วยกันไหม? แต่เมื่อเห็นเขาเดินขึ้นบันไดไปแล้ว เธอก็เอากระเป๋าเสื้อผ้าไปไว้ในห้องตัวเอง เพียงเปิดไฟให้แสงสว่างสาดส่อง เธอผ่อนคลายลงมาก ไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้ว เธอวางกระเป๋าไว้ข้างเตียง รู้สึกว่าในห้องจะมีฝุ่นอยู่บ้าง คล้ายไม่มีคนพักมานาน มือเรียวหยิบผ้าคลุมที่นอนออกสะบัด ฝุ่นฟุ้งขึ้นจนเผลอจาม เธอจึงเดินออกมาข้างนอก มองหาห้องน้ำซึ่งอยู่ใกล้ส่วนห้องครัว จัดการตัวเองง่ายๆ แล้วออกมาสำรวจดูครัว ในตู้เย็นมีน้ำเปล่าและเบียร์กระป๋องครึ่งโหล ผักผลไม้อะไรไม่มีเลย แต่ยังดีที่เครื่องปรุงทุกอย่างมีพร้อม และแน่นอนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ด้วย ไปรยาต้มน้ำร้อนและได้ไข่ไก่มาเตรียมใส่ถ้วย นี่คงเป็นอาหารมื้อแรกของวันเลยก็ว่าได้ แค่คิดน้ำตาก็พาลจะไหล นึกขอโทษแม่บ้านตัวจริงที่เธอสวมรอยเสียแล้ว จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอต้องหนีเอาตัวรอดนี่นะ โชคชะตาเล่นตลกกับเราได้เพียงนี่เชียวหรือ ทำไมกัน แค่ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ทุกอย่างมันช่างดูงดงามเรียบง่าย เธอเป็นคนง่ายๆ ไม่มีปากมีเสียกับใคร ตั้งแต่พ่อกับแม่จากไป เธอก็มาอยู่กับครอบครัวของคุณอาธงชัยในฐานะลูกบุญธรรม คุณอาธงชัยมีลูกสาวคนโตชื่อแหวนและลูกชายชื่อโอม อายุมากกว่าเธอ3-4ปี แต่เธอก็ไม่ค่อยสนิทกับทั้งสองนัก ยังไงก็รู้สึกเป็นส่วนเกิน เธอเรียนจบในระดับปริญญาตรีอยากจะเรียนต่อปริญญาโทแต่คุณอาธงชัยไม่เห็นด้วย แต่กระนั้นก็ยังโชคดีที่เธอได้ทำงานที่เธอ เธอทำงานเป็นครูที่โรงเรียนประถมเอกชนแห่งหนึ่ง รายได้พอเลี้ยงตัวเองได้ ความจริงไปรยาอยากออกจากบ้านนั้นมาเช่าบ้านหรืออพาร์ทเม้นต์อยู่เอง แต่ก็อีกนั้นแหละ คุณอาธงชัยไม่เห็นด้วยแถมอาสะใภ้ยังตำหนิว่าเธออกตัญญู เธอจึงได้แต่ทนทำใจ จนเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วคุณอาธงชัยบอกเธอว่า “เพื่อนอาเขาหาครูไปสอนลูกเขาน่ะ ลูกเขาเป็นเด็กพิเศษเข้าเรียนแบบเด็กปกติไม่ได้ อยากจะจ้างไปสอนที่บ้านเป็นลักษณะโฮมสกูล” “แล้วงานประจำปรายละคะ” “เพื่อนอาให้เงินเดือนเยอะนะ สองหมื่นห้าเชียว กินอยู่บ้านเขา สอนเด็กคนเดียวไม่เหนื่อยเหมือนสอนเด็กยี่สิบสามสิบคนหรอก” ไปรยาไม่ได้อยากลาออกจากงานเลยสักนิด ก็อาสะใภ้อีกนั้นแหละที่พูดเรื่องบุญคุณจนเธอจำใจ โชคดีที่เป็นช่วงปิดเทอมใหญ่เธอจึงหยุดงานได้ในทันที จัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าใบย่อม คิดว่าหากต้องใช้อะไรเพิ่มเติมคุณอาจะส่งมาให้ได้ ออกจากกรุงเทพฯ มาไกลถึงระยอง เธอออกจะแปลกใจที่คุณอาพาเธอมาที่โรงแรม แล้วให้เธอใครบางคนในห้อง เธอเอะใจ ว่าทำไมถึงพาเธอมาที่นี่ เค้นถามจนได้ความจริงที่ทำให้เธอถึงกับช็อค!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD