ช่วงสายวันต่อมา ซูหลินมาที่เรือนของเจียวเจียวและพบว่าองค์รักษ์ที่เฝ้าทางเข้าประตู เมื่อวานนี้หายไปแล้ว นางคิดว่าฉางคงเป็นคนรักษาคำพูดได้ดีจริงๆ
ซูหลินมาที่ห้องของเจียวเจียว เด็กน้อยยังคงไม่ตื่น
“เจียวเจียว เจ้าตัวน้อยจอมขี้เกียจ ฟ้าสางแล้ว ลุกขึ้นเถอะ...” ซูหลินกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของลูกสาว
“อือ... อย่าส่งเสียงดัง ให้ข้านอนต่ออีกหน่อย...” เสียงเล็กของเจียวเจียวดูงัวเงีย เด็กน้อยเอามือเล็กๆ ปิดหูของตัวเอง
เด็กคนนี้ได้รับส่วนเด่นอันงดงามมาจากทั้งพ่อและแม่ หน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตา น้ำเสียงก็เล็กนุ่มคนฟังได้ยินแล้วใจแทบละลาย
เมื่อเห็นว่าเจียวเจียวยังนอนอยู่ นางจึงนั่งลงข้างเตียงและมองดูไปรอบๆ ห้องที่เด็กหญิงอาศัยอยู่ ข้างเตียงมีชั้นวางของขนาดใหญ่มันเต็มไปด้วยอุปกรณ์ของเล่นแปลก ๆ มีแม้กระทั่งไข่มุกราตรีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าศีรษะของเด็กหญิง สัตว์สัญลักษณ์ของสิบสองราศีที่ทำจากหยกก็วางอยู่ในชั้น เห็นได้ว่าฉางคงรักและตามใจลูกสาวมากจริงๆ
เมื่อเจียวเจียวตื่นขึ้น เด็กน้อยเห็นคนนั่งฟุบอยู่ข้างเตียงเหมือนกำลังหลับอยู่ เด็กน้อยชะโงกตัวเข้าไปดูใกล้ๆ "อ๊ะ! ท่านแม่..."
ดูเหมือนว่าเด็กหญิงจะจำความน่ากลัวบางอย่างได้ และรีบถอยไปซุกตัวอยู่ที่มุมเตียง นั่งห่างจากผู้เป็นแม่
ซูหลินหลับไปแล้วจริงๆ นางมองสำรวจไปที่รอบๆ ห้องของเด็กน้อย และพบว่าเจียวเจียวยังไม่มีวี่แววว่าจะตื่น ดังนั้นนางจึงฟุบลงกับเตียงมองหน้าของเด็กน้อยและผล็อยหลับไป
นางตื่นขึ้นมาก็เห็นเจียวเจียว นั่งตัวสั่นขดตัวอยู่ตรงมุมเตียง ทั้งหมดเป็นเพราะความโหดร้ายของเจ้าของร่างที่ทำร้ายลูกจนเด็กจำฟังใจ!
ซูหลินค่อยๆ เขยิบเข้าใกล้เจียวเจียวมากขึ้น ยิ้มแล้วพูดว่า “เจียวเจียว แม่จะไม่ทำร้ายเจ้าอีก” ขณะที่พูด นางก็จุมพิตใบหน้าเล็กๆ ที่สุดแสนจะน่ารักของเด็กน้อยไปด้วย...
"แง…. แง...แง..." ซูหลินไม่คาดคิดว่าจะได้ผลลัพธ์เช่นนี้ ทันทีที่นางจุมพิตใบหน้าของเด็กน้อย เจียวเจียวก็ร้องไห้ออกมาอย่างตกใจ
ในตอนนี้ ประตูห้องถูกผลักเปิดออกอย่างแรง “ซูหลิน เจ้าทำอะไรกับเจียวเจียว?” ฉางคงถามด้วยใบหน้าเย็นชา เขาก็รีบเดินไปที่เตียง ผลักซูหลินออกไป และโอบกอดลูกสาวไว้ในอ้อมแขน
ซูหลินอยากเข้าไปดูเด็กหญิงใกล้ๆแต่เห็นฉางคงหันมามองส่งสายตาเตือนว่าอย่าเข้ามาใกล้ ซูหลินไม่เข้าใจว่านางทำอะไรผิด แต่พอสบสายตากับดวงตาแสนเย็นชาคู่นั้น เธอก็มีความรู้สึกว่าตัวเองกลัวอย่างอธิบายไม่ได้
“ข้าแค่หอมแก้มนางเท่านั้นไม่คิดว่าจะทำให้นางร้องไห้…” ซูหลินอธิบายอย่างสับสน
ฉางคงเมินเฉยต่อนางแต่เมื่อมองไปที่ลูกสาว เด็กหญิงพยักหน้าสนับสนุนคำพูดของผู้เป็นแม่ เมื่อนึกถึงการกระทำของท่านแม่ ในตอนนี้ท่านแม่ไม่ได้ทำร้ายนางเพียงแค่จุมพิตที่แก้มของนางเท่านั้น
เมื่อเห็นลูกสาวพยักหน้าและตามร่างกายไม่มีบาดแผลเขาก็รู้สึกโล่งใจ แต่เขายังคงไม่ค่อยไว้ใจในตัวซูหลินเท่าไหร่นัก
"เจ้าตามข้ามา" หลังจากที่เด็กหญิงหายตกใจแล้ว ซูหลินเดินเข้าไปใกล้และกระซิบข้างหู
“เจียวเจียว แม่จะมาเล่นกับลูกทีหลัง ตกลงไหม” ซูหลินถามเจียวเจียว
เจียวเจียวมองไปที่ดวงตาของผู้เป็นแม่ที่มีแต่ความอ่อนโยนไม่มีความโกรธเกรี้ยวอยู่ในนั้น ก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
แม้ว่าฉางคงยอมจะยอมให้ซูหลินเข้าใกล้ลูกแต่เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นเมื่อเขาเพิ่งกลับเข้ามาและมีคนมารายงานว่าตอนนี้นางอยู่ที่ห้องของเจียวเจียวเกือบชั่วยามและยังไม่ออกมา
เขาคอยฟังอยู่ด้านนอกและเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของลูกสาวในตอนนั้นเขาจึงเปิดประตูเข้าไปความรู้สึกของเขาในตอนแรกเขาผิดหวังในตัวนางมาก
แต่พอรู้ว่าแต่นางแค่หอมแก้มลูกแล้วทำให้ลูกตกใจเขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
เขารับรู้ได้ถึงฝีเท้าของผู้หญิงที่กำลังเดินตามอยู่ข้างหลัง เธออยู่ในอารมณ์กระสับกระส่าย เขาพาเธอไปนั่งที่ศาลาริมน้ำบอกให้เธอนั่งลงฝั่งตรงข้ามเพราะมีเรื่องที่เขาอยากจะพูดด้วย
“ซูหลิน เจ้ากำลังวางแผนชั่วอะไร” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่กดดัน อยากรู้เจตนาแท้ของผู้หญิงคนนี้
“ข้าแค่อยากทำดีกับลูก อยากจะเป็นแม่ที่ดี มันกลายเป็นการวางแผนได้อย่างไร” ซู่หลินกล่าวอย่างขุ่นเคือง เพราะมีคนดูถูกความพยายามของตัวเองว่ามันมีแรงจูงใจที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลัง
แรงจูงใจเดียวที่นางทำในตอนนี้คืออยากมีชีวิตรอดในโลกของนิยาย ส่วนการทำดีกับเด็กหญิงล้วนมาจากใจจริง เพราะว่านางรู้สึกสงสารเด็กน้อย
“อาการบ้าของเจ้าดีขึ้นแล้ว? ” ฉางคงถามอย่างเฉยชา “อย่างไรก็ตาม เจ้าใจร้อนเกินไป ถ้าเจ้าทำให้เจียวเจียว ตกใจเหมือนวันนี้ เจ้าจะไม่ได้เห็นหน้านางอีก” หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นและเดินจากไป
ซูหลินมองตามหลังของชายหนุ่ม นางรู้ว่าเขาไม่ได้โกรธนางจริงจัง และวิธีที่จะทำให้เขาใจอ่อนนั้นง่ายนิดเดียวแค่เข้าไปที่ห้องหนังสือของเขาอีกครั้งเท่านั้นก็พอ…