ศศินาพยักหน้ารับ เพราะคำว่า ‘ผัว’ มันทำให้เกิดรอยยิ้มที่มุมปากอย่างที่หล่อนห้ามตัวเองไม่ได้ แม้ใจหนึ่งจะบอกว่าสิ่งที่ทำอยู่นี้มันเรียกว่าไร้ยางอาย ยอมเป็นเมียเก็บ ยอมให้เขามาเก็บกินเป็นครั้งคราว แค่ต้องการให้เขาอ้างอภิสิทธิ์ว่าเป็นผัวของหล่อน แค่เขายอมรับว่าหล่อนเป็นเมีย แค่นี้ก็สร้างความสุขได้อย่างมากมาย ทั้งที่มันควรจะเป็นความทุกข์ด้วยซ้ำ แต่หล่อนก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้เลย
ความซาบซ่านมันบังเกิดไม่ต่างจากดอกไม้กำลังเบ่งบานอยู่ในหัวใจ ต่อให้เขาร้ายกาจกว่านี้ ต่อให้เขาด่าว่าเธอมากกว่านี้ แต่ถ้าเขาอ้างสิทธิ์ว่าเป็นผัว หล่อนก็พร้อมจะยอม
“แล้วจันทร์ทำอะไรให้พ่อเลี้ยงไม่พอใจเหรอคะ พ่อเลี้ยงถึงได้โมโห”
“เธอไปพูดอะไรกับอากาศ ทำไมอากาศถึงรู้เรื่องเธอกับฉัน”
“ไม่นะคะ จันทร์ไม่เคยบอกใครเลย ยิ่งพี่อากาศ จันทร์ยิ่งไม่กล้าบอกหรอกค่ะ ก็จันทร์รู้นี่คะว่าถ้าพี่อากาศรู้ พี่อากาศจะต้องอาละวาด จันทร์เลยไม่กล้าทำอะไรให้เป็นพิรุธเลยค่ะ พ่อเลี้ยงก็เห็น จันทร์ไม่เคยแสดงออกอะไรเลยนะคะ”
“ก็เพราะเธอรู้ไง ว่าถ้าอากาศรู้ก็จะมาไล่บี้ฉันแบบนี้ เธอก็เลยจงใจให้อากาศเห็นฉัน เดินออกจากห้องเธอใช่ไหม”
“จันทร์จะทำแบบนั้นทำไมคะ แล้วจันทร์จะรู้ได้ยังไงว่าพ่อเลี้ยงจะออกจากห้องของจันทร์ตอนไหน ก็จันทร์…”
“จันทร์อะไร”
“จันทร์...”
“ฉันถามว่าจันทร์อะไร”
“ก็จันทร์ไม่ได้เป็นคนเริ่มนี่คะ แล้วจันทร์ก็ไม่ได้เป็นคนหยุดด้วย จันทร์จะรู้ได้ยังไงว่าพ่อเลี้ยงจะออกจากห้องจันทร์ตอนไหนเวลาไหน แล้วจันทร์จะไปบอกพี่อากาศตอนไหนล่ะคะ”
ศศินาโพล่งคำตอบออกไปก่อนจะหลบสายตาลงทันทีเมื่อดวงตากราดเกรี้ยวนั้นจ้องหล่อนอยู่ วันนี้ที่ออฟฟิศ พิสุทธิ์นภาก็ไม่ได้ถามอะไรหล่อนเลย
“เธอแน่ใจนะ ว่าเธอไม่ได้เป็นคนเริ่ม”
“แน่...”
ศศินาอยากจะตอบแบบนั้น แต่ปากกระด้างที่ทาบทับลงมากลับทำให้เสียงตอบรับดังอยู่เพียงในลำคอของเขา แต่ตอนนี้ไม่ได้นะ
“พ่อเลี้ยง! หยุดค่ะ!”
ศศินาหันหน้าหนีไม่ยอมให้เขาจูบ แต่สุริยพิศุทธิ์เหมือนไม่ได้ฟังหล่อนเลย เขาพยายามปล้ำจูบ ฝ่ามือข้างหนึ่งคืบคลานขึ้นมากอบกุมเต้าอวบใหญ่พร้อมขยำขยี้อย่างมันมือ อีกข้างก็เคลื่อนลงไปเกาะกุมสะโพก ปลายนิ้วเกลี่ยเอากระโปรงรั้งขึ้นมา แค่นั้นศศินาก็สะท้านไปทั้งร่าง ร่างกายของหล่อนกำลังเรียกร้องอยากตอบสนอง แต่หล่อนปล่อยให้เขาทำต่อไปไม่ได้ เพราะคนอย่างสุริยพิศุทธิ์ครั้งเดียวไม่เคยพอ
“พ่อเลี้ยง... ปล่อยจันทร์นะคะ ปล่อยก่อน”
“นี่ไง เธอเป็นคนเริ่ม”
“จันทร์ไม่ได้เริ่ม พ่อเลี้ยงนั่นแหละเริ่ม แต่พอแล้วค่ะ พอแล้ว...”
“ก็เธอยั่วฉัน”
“ตอนไหนคะ”
“ก็ตอนนี้แหละ” พูดจบก็ฉกหน้าเข้าจูบ แต่ศศินาก็รั้งไว้
“อื้อ... ไม่ได้นะคะ”
“ต้องได้”
“อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลากินข้าวเย็นแล้วค่ะ ไม่ทัน”
“รู้ได้ไงว่าไม่ทัน ฉันเร่งได้”
“พ่อ... อื้อ... พี่ซัน”
ปากร้อนบทจูบลงมาอย่างรุนแรงเรียกร้อง ฝ่ามือกระชับไหล่และดันหล่อนจนชิดติดผนังห้อง ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้ศศินาหลุดพ้นอีกแล้ว จำต้องปล่อยให้ความร้อนแรงแห่งดวงตะวันแผดเผาหล่อนจนแตกกระจาย
หล่อนแหงนหน้า เผยอรับปากกระด้างร้อนรุ่มราวกับไฟที่บดขยี้ลงมาหา คลึงเคล้าเต้าอวบอิ่ม สอดใส่ลิ้นสากรุกล้ำ จูบปลุกเร้าจนเลือดสาวร้อนระอุและเป็นฝ่ายช่วยเขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าด้วยความรีบร้อน
“พี่ซัน...”
“อืม... ฉันต้องการเธอ... จันทร์...”
เขายืนยันคำเดิม พร้อมกับเคลื่อนมือไปปลดตะขอบราเซียออกจากกายสาว ปลดปล่อยเต้านมอวบอัดที่มีปลายยอดสีชมพูสดชูชันท้าทายปากลิ้น
ลมหายใจของสุริยพิศุทธิ์ชะงักอยู่ที่ลำคอ เขามองความงดงามใหญ่เต่งตึงด้วยความชื่นชม
“สวยมาก...”
ศศินาทำได้แค่เพียงหลับตาลง เมื่อฝ่ามือใหญ่กางออกและกอบกุมเต้าใหญ่ นิ้วแข็งแรงของเขาถูไถยอดถัน ฝ่ามือขยำอย่างเมามัน ก่อนที่เขาจะก้มลงดูดอม และลิ้นสากทำหน้าที่ตวัดเลียก็ทำให้หล่อนสติกระเจิง
“อ้า... พี่ซัน...”
กายสาวอ่อนระทวยราวถูกไฟสวาทโลมเลีย สองมือผลักดันแผงอกกลายเป็นยกขึ้นคล้องรอบลำคอ หยักอกยกตัวให้เขาดูดดื่มยอดถันชูช่อของหล่อนได้ถนัดมากขึ้น
“อา... พี่ซัน...”
สุริยพิศุทธิ์ดูดอมยอดถันด้วยความหิวกระหาย รสชาติหวานฉ่ำจากร่างกายของศศินาทำให้เขาคลั่ง เขาดูดเม้มจนเม็ดเต่งทั้งสองข้างเปียกชุ่ม จากนั้นเคลื่อนปากลงมาตามหน้าท้องแบบราบ ย่อกายลงนั่งคุกเข่า ปากร้อนพรมจูบไปบนหน้าท้องที่หดเกร็งตามกระแสความเสียวที่ไต่ระดับขึ้นสูง ก่อนจะรั้งกระโปรงชุดทำงานขึ้นสูงและเกี่ยวลูกไม้ตัวจิ๋วให้พ้นไปจากร่างงาม
ขาข้างหนึ่งถูกยกพาดไว้บนบ่า และแทรกหน้าเข้าหา
“พี่ซัน... อา...”
แค่เขาแตะปากลงจูบ ศศินาก็ดิ้นพล่านจะพาตัวเองลงจากบ่าเขา แต่น้ำหวานที่ฉ่ำโชกปลายลิ้นอยู่นี้ ถ้าไม่ได้กินจนอิ่ม เขาคงหิวแย่
“พี่ซัน! อ้า...”
รสชาติหวานฉ่ำของศศินาชโลมชุ่มปลายลิ้น ยิ่งบวกกับเสียงหวานครวญครางไม่หยุดก็ยิ่งผลักดันให้เขายิ่งดำดิ่งสู่ห้วงดำฤษนาที่เต็มไปด้วยกลิ่นเสน่หา ลิ้นร้อนตวัดเลียดอกไม้งามไปทั่วทุกซอกทุกมุม พร้อมๆ สอดนิ้วเข้าสู่ช่องทางที่ยังคงคับแคบและตอดแน่น