“แล้วพอจะหาไกด์ที่เป็นผู้ชายที่ไม่ใช่คนของเกสต์เฮ้าต์ให้ได้บ้างไหมครับ”
คำตอบคือไม่ได้ ไม่ใช่เพราะไม่รับงานกันข้ามเกสต์เฮ้าส์หรือโรงแรม แต่เป็นเพราะไม่มีคนจริงๆ ผมก็เกือบจะตัดใจอยู่แล้วถ้าเกิดว่าไม่มีผู้หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาถามผมขณะที่ผมยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ”
ภาษาไทยสำเนียงเหน่อนิดๆ ดังออกมาจากปากของผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ส่งมาให้ผม
มองปราดเดียวผมก็จำเธอได้ว่าคือคุณแอน เจ้าของเกสต์เฮ้าส์ที่นี่ เมื่อวานเจอไปทีนึงแล้วแต่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก แค่ทักทายกันนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น และผมก็ไม่แปลกใจด้วยว่าทำไมเธอถึงพูดไทยได้คล่องปร๋อขนาดนี้แม้ว่าสำเนียงจะแปร่งๆ ไปบ้างก็ตาม นั่นก็เป็นเพราะคนลาวดูรายการโทรทัศน์จากไทยและต้องทำเข้าสินค้าจากไทยเกือบทั้งหมด ทำให้คนลาวกว่าแปดสิบถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์สามารถพูดและอ่านภาษาไทยได้
ส่วนผม พอเห็นเจ้าของกิจการมา ผมก็เลยรีบบอกความต้องการของตัวเองออกไป
“อ๋อ ผมอยากจะได้ไกด์น่ะครับ ก็เลยมาถาม”
“ไกด์เหรอ ตอนนี้เหมือนจะเหลือแค่ผู้หญิงนะคะ”
“นั่นแหละครับปัญหา” ผมยิ้มให้กับคุณแอนเล็กน้อย
ไม่ต้องพูด คุณแอนก็พอจะเข้าใจว่าผมต้องการอะไรเลยพูดขึ้นมาอีก
“คุณเป็นผู้ชายนี่เนอะ จะให้ไปค้างอ้างแรมกับไกด์ผู้หญิงก็ไม่เหมาะเท่าไหร่ เอ เอาไงดี” จากนั้นก็ทำท่าครุ่นคิดไป
ผมเกือบจะบอกคุณแอนไปอยู่แล้วว่าไม่เป็นไร ในเมื่อไม่มี ผมก็ไปตายเอาดาบหน้าก็ได้ ทว่าเธอก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน
“จริงๆ แล้วก็พอจะมีคนอยู่นะคะ แต่เขาเพิ่งจะมาทำงานวันนี้เป็นวันแรกเอง ถ้าคุณดื้อไม่ถือสาอะไรก็ให้เขาพานำเที่ยวก็ได้ค่ะ”
“เขาเป็นคนลาวหรือเปล่าครับ”
“จะว่างั้นก็ไม่เชิง ลูกครึ่งไทย-ลาวน่ะค่ะ” คุณแอนยิ้ม
“เชี่ยวชาญเส้นทางในลาวหรือเปล่าครับ”
“อาจจะต้องให้เขาปรับตัวนิดนึง พอดีเขาเพิ่งกลับมาจากอเมริกาน่ะค่ะ ไม่ได้อยู่ลาวซะหลายปี”
พอได้ยินอย่างนี้ ผมเลยพยักหน้ารับเร็วๆ
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาครับ แค่ขอให้เขารู้ทันกลโกงนักท่องเที่ยว ไม่ทำผมถูกโก่งราคา เท่านี้ก็พอแล้ว”
ตกปากรับคำไปเสียอย่างนั้น ในใจคิดว่าแค่ขอให้เป็นไกด์ผู้ชาย แล้วก็ทำให้ผมไม่ต้องถูกโกงอีก แค่นี้ก็พอแล้ว คุณแอนก็เลยบอกผมมาสั้นๆ
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เย็นๆ จะติดต่อไปอีกทีแล้วกันนะคะ ขอเวลาให้ได้บรีฟงานเขาสักหน่อย”
ผมพยักหน้ารับ ดูท่าแล้วน่าจะเสียเวลาเที่ยวไปวันนึง แต่ยังไงแพลนเที่ยวของผมก็เปลี่ยนได้ตลอด นอนพักผ่อนเล่นๆ อยู่ที่ห้องสักวันก็คงจะไม่เป็นไร
ระหว่างที่ผมรอให้คุณแอนไปคุยกับไกด์ให้เรียบร้อยแล้วค่อยเริ่มวางแพลนเที่ยวอย่างจริงจัง ผมก็ใช้เวลาทั้งวันในการนอนเล่นอยู่ในห้องอย่างที่ตั้งใจไว้เมื่อวาน ตกเย็นถึงได้ลงมานั่งเล่น กินดื่มที่บริเวณบาร์หน้าเกสต์เฮ้าส์ แขกเหรื่อที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเองก็มานั่งผ่อนคลายที่นี่เช่นกัน บ้างก็รู้จักกันมาก่อน บ้างก็เพิ่งมารู้จักกัน
เห็นเขาพูดคุยกันสนุกสนาน ผมก็อยากจะไปร่วมวงนะ แต่ดันพูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง...
อย่าเรียกว่าไม่คล่องเลย แทบจะไม่ได้เลยจะดีกว่า แบบงูๆ ปลาๆ มากๆ เรียนจบมาพักนึงแล้วด้วย แทบจำไม่ได้แล้วว่าต้องเรียงประโยคยังไง ผมเลยได้แต่นั่งจิบเบียร์แกร่วอยู่คนเดียว
ฉับพลันก็คิดว่าดีแล้วล่ะที่ตัดสินใจนั่งแกร่วอยู่คนเดียว เพราะไม่ทันไร กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติพวกนั้นก็มีเพื่อนใหม่มาแนะนำตัวทำความรู้จักและร่วมวงดื่มกินหน้าตาเฉย
เพื่อนใหม่คนนั้น...ไอ้บ้ากระเป๋ากระสอบสายรุ้งเมื่อวานนี้
ผมเลี่ยงที่จะไม่มองหน้ามันเลย ไม่รู้ทำไมถึงได้เกิดเหม็นขี้หน้ามันขึ้นมาแปลกๆ ยิ่งเห็นมันพูดคุยกับพวกนักท่องเที่ยวหัวทองอย่างออกรส ผมก็เกิดหมั่นไส้มันขึ้นมา
พูดอังกฤษปร๋อเลยนะมึง พูดมั่วใช่ไหม กูรู้หรอก สารรูปมึงไม่น่ามีความรู้...
อคติสุดๆ ทั้งที่ผมไม่เคยที่จะดูถูกคนไม่รู้จักอย่างนี้มาก่อนเลยสักครั้งในชีวิต ก่อนที่นิสัยเสียของผมจะถูกระงับเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นคุณแอนเดินเข้ามาหา
“คุยกับไกด์ให้แล้วนะคะคุณดื้อ”
“อ้อ ครับ” ผมรีบปรับท่าทางให้สุภาพขณะตอบรับ
คุณแอนยิ้มให้ผม ก่อนที่จะยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่เขียนเบอร์โทรกับอีเมลของใครบางคนมาให้ ผมมองแล้วก็ย่นคิ้วเล็กๆ
“อะไรเหรอครับ”
“เบอร์ติดต่อกับเมลของไกด์ค่ะ ฉันให้เบอร์ติดต่อของคุณกับไกด์ไปแล้ว เดี๋ยวเขาคงจะโทรไปหา”
ผมร้องอ๋อตอบรับก่อนจะยื่นมือไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาดู ถึงจะเขียนเป็นภาษาลาว แต่ผมก็พอจะอ่านออก
ปั้นรัก...
ไกด์ของผมชื่อปั้นรัก
ชื่อน่ารักอย่างนี้ ตัวจริงต้องน่ารักแน่ๆ
คิดถึงหนุ่มน้อยท่าทางสำอางหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ถ้าได้ไกด์แบบนั้น ทริปของผมก็คงจะมีบรรยากาศดีไม่ใช่น้อยเลย
ทว่าความคิดมโนของผมก็ต้องมลายหายไปเมื่อจู่ๆ คุณแอนก็พูดขึ้น
“เอ้า ปั้นรักอยู่ที่นี่พอดีเลย เดี๋ยวฉันให้เขามาคุยกับคุณดื้อเลยก็แล้วกันค่ะ”
พูดมาอย่างนั้น ผมก็มองตามทางที่คุณแอนมองไปทันที ก่อนจะต้องชะงักกึกเมื่อเห็นว่าคุณแอนมองไปยังโต๊ะคนต่างชาติพวกนั้น ทำเอาผมเอะใจขึ้นมา